ที่สุดของพลังเสียง 4 หน้ากากในกรุ๊ปไม้จัตวาใน The Mask Line Thaiเรียกว่าเบียดกันมาคู่คี่สูสี หน้ากากจอกแหน, หน้ากากกอไผ่, หน้ากากใบตอง และหน้ากากกะลา ต่างก็งัดพลังเสียงมาซัดกันเต็มที่ ก่อนที่ผลการตัดสิน 2 หน้ากากที่ผ่านเข้ารอบไปได้แก่ หน้ากากกอไผ่ และหน้ากากจอกแหน
ถือว่าเป็นอีกรอบที่จัดเต็มตั้งแต่โชว์เปิดรายการ กับความสวยงามของโนราห์ที่มาพร้อมเพลงเพราะจาก เอกชัย ศรีวิชัย ในเพลงอย่าลืมโนราห์ เป็นการหยิบยกศิลปะเมืองภาคใต้มาโชว์ได้อย่างสวยงามสมเวทีลายไทย ก่อนจะประเดิมเวทีกับหน้ากากกอไผ่ ที่มาในเพลงทุกคนเคยร้องไห้ กับอารมณ์ซึ้งๆ เรียกว่าแนวเพลงและเสียงร้องต่างพากันทายชื่อออกมาเป็นหลากหลายคนเหมือนเดิม ต่อด้วยหน้ากากกะลา ที่มาในเพลงฉันไม่ใช่ เสียงใส่ๆของเธอดึงอารมณ์เศร้าสุดหัวใจ ก่อนจะฉีกอารมณ์ความสนุกกับหน้ากากใบตอง ที่มาในเพลงตั๊กแตนผูกโบว์ ทั้งร้องทั้งเต้น เสียงทรงพลังสุดๆ ก่อนจะไปปิดท้ายกับหน้ากากสุดท้ายในรอบ Semi Final หน้ากากจอกแหน เรียกว่าเธอจัดเต็มพลังเสียงสะกดให้ทุกคนตะลึงไปกับเธอในเพลงไม่อยู่ในชีวิตแต่อยู่ในหัวใจ
และเมื่อถึงเวลาตัดสิน ทำเอาลุ้นกันทั้งสตูฯเพราะเดายากมากๆต่างก็ร้องดีทุกหน้ากาก แต่ผลการตัดสินก็ออกมาเป็น หน้ากากกอไผ่และหน้ากากจอกแหน ผ่านเข้ารอบต่อไป และเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง 2 หน้ากากที่ต้องถูกกระชากหน้ากากว่าเธอคือใคร เริ่มที่หน้ากากใบตอง ถอดหน้ากากออกมาทำเอาต่างพากันว้าวเพราะไม่มีใครจับตัวตนของเธอได้เลย แถมดีกรีความเก่งรอบตัว ภายใต้หน้ากากใบตองเธอคือ “หมิว วริศราอภิรักษ์เดชาชัย” (วง BOOM BOOM CASH) ผู้บุกเบิกวงการ EDM ของไทย และยังเป็นแชมป์โลกโอเปร่าประเทศไทย ซึ่งเจ้าตัวนั้นบอกว่า “เวลาหนูคิดถึงประเทศไทยจะคิดถึงใบตอง ใช้ห่ออาหารทำประโยชน์เยอะมากค่ะ ก็เลยคิดว่าอยากจะเป็นอย่างนั้นบ้างอยากจะลองทำอะไรที่เราไม่คิดว่าเราจะทำได้ และการมาแข่งที่นี่เป็นอะไรที่ท้าทายสำหรับหนูที่สุดในชีวิต มากกว่าการแข่งโอเปร่าอีก เพราะโอเปร่าเราเรียนมาทั้งชีวิตแล้ว แต่อันนี้คือหนูไม่เคยร้องไทยเลย ไม่เคยเอื้อน ต้องมาฝึกใหม่ทั้งหมดทุกอย่าง ถ้าเกิดเราไม่ลองทำดู เราก็ไม่มีทางรู้ว่าทำได้ อยากจะลองท้าทายตัวเองดูอย่างน้อยก็ได้ทำ ได้ลองพิสูจน์ตัวเองได้เซอร์ไพรส์ตัวเองค่ะ”
และความตื่นเต้นยังคงเพิ่มขึ้นเมื่อถึงเวลาที่ต้องกระชากหน้ากากกะลา อีกหนึ่งหน้ากากที่การเดามีหลายชื่อ และภายใต้หน้ากากกะลาที่ทุกคนสงสัยเธอคือ “มน ชุติมนวิจิตรทฤษฎี” (วง Room39) สาวเสียงหวานแห่งวง Room39 ที่ใครหลายคนรู้จักดี ซึ่งเจ้าตัวนั้นบอกว่า “ที่มาของหน้ากากกะลาก็คือ เรารู้สึกว่าเราเป็นคนทำเพลง จะอยู่แต่ในห้อง เรารู้สึกว่าวันนี้แหละเราจะออกมาจากกะลาเราจะได้ทำอะไรที่แตกต่าง ทำงานเพลงมา 10 กว่าปี พ่อแม่ก็ถามเราแล้วถามอีกว่าจะร้องเพลงจริงๆหรอ เพราะเขาอยากให้เรามีอนาคตที่ดี เราก็คือทำงานออฟฟิศมาก่อน มันก็รู้สึกว่าไม่ใช่เรา ก็ทิ้งเลยตัดสินใจไปอเมริกา และโชคดีมากร้านที่เราไปเป็นร้านที่คน LA เขาไปเที่ยวกัน เราก็เลยขอเพลงขึ้นไปเขาร้องไม่ได้ เพราะเป็นเพลงผู้หญิงบนเวทีคือพี่แว่นใหญ่เขาก็ถามเราว่างั้นเราขึ้นมาร้องสิ วันนั้นก็ต้องขอบคุณตัวเองที่กล้าขึ้นไปร้อง หลังจากวันนั้นก็คือได้ร้องเพลงมาตลอดและก็ได้อยู่วงเดียวกับพี่แว่นใหญ่ อยู่กับทอม นี่แหละการที่เรากล้าที่จะทำอะไรบางอย่าง หรือกล้ามารายการ กล้าที่จะทำไรแปลกใหม่ มันก็คือการเปิดประตูให้ตัวเราเอง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีมนวันนี้ค่ะ”
และสัปดาห์กับบทสรุปของกรุ๊ปไม้จัตวาในรอบ FINALกับ 2 หน้ากาก หน้ากากกอไผ่ และหน้ากากจอกแหน ปล่อยพลังจัดเต็มแบบไม่ยอมกัน และบัลลังก์แชมป์กรุ๊ปไม้จัตวาจะเป็นของหน้ากากไหน ลุ้นพร้อมกันในThe Mask Line Thai วันพฤหัสบดีที่ 7 กุมภาพันธ์นี้ เวลา 20.05 น. ช่องเวิร์คพอยท์23
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี