“เต-ตะวัน วิหครันต์” นักแสดงคลื่นลูกใหม่มาแรง ที่ผ่านงานทั้งพิธีกร-ละคร-ซีรี่ส์ มาโชกโชน และชีวิตพลิกผันจากเด็กขี้อายมาเป็น นักแสดงที่คนรู้จัก วันนี้มีโอกาสคว้าตัวมาพูดคุยถึงซีรี่ส์ที่กระแสแรงเรื่อง Dark Blue Kiss จูบสุดท้ายเพื่อนายคนเดียว อยู่ตอนนี้จนแฟนคลับน้ำตาคลอกันทั่วเมือง
ก่อนหน้านี้เคยคิดที่จะเข้าวงการมั้ย
“พูดตรงๆ ไม่เคยคิดเลยตั้งแต่เด็กขี้อายมาก ไม่ชอบทำอะไร ให้ร้องเพลงก็ไม่ทำกลัวมาก ตอนประถมมีกิจกรรมหนีตลอด เพราะไม่ชอบ ผมเคยไม่ไปโรงเรียน เพราะถูกเลือกให้ไปเต้น แกล้งป่วยเลย พรีเซนต์หน้าห้องก็ขาสั่น แต่โชคชะตาหนีไม่พ้น ตอนมหา’ลัยเป็นดรัมเมเยอร์ มีคนชวน เห็นว่าเท่ ก็อยากเป็น แต่ไม่มีความมั่นใจ พอเพื่อนชวนก็ลองดู ก่อนหน้านี้มีให้ไปแคสโฆษณา ก็อยากทำจะได้หาเงิน ก็ไม่เคยได้ ไปเสียเที่ยวบ่อย เลยตั้งใจแล้วว่าอย่าไปเลยเสียค่าเดินทางเปล่าๆ ไปแล้วก็ไม่กล้าทำอะไร
ชีวิตพลิกยังไงถึงมาเป็นพิธีกร
“ผมหยุดทุกอย่างไป 1 ปี แล้วมีคนมาชวนใหม่ พอห่างไปนานก็อยากลองอีก โตแล้วมีความมั่นใจขึ้นเลยลองมาแคสพิธีกร Five Live ดู เขาเห็นผมจากเป็นดรัมเมเยอร์ล่ะครับ พอเหมือนเป็นดรัมปีนึงแล้วจะมีงานต่อเรื่อยๆ บังเอิญมีงานมหาดุริยางค์ไทยสากลคล้ายๆ มีพี่เบิร์ด มีศิลปินมาร้องเพลง ได้เจอผู้จัดการพี่เบิร์ด แล้วก็เรียกเข้ามาแคสพิธีกรที่แกรมมี่
งานแรกในการเป็นพิธีกรเป็นอย่างไรบ้าง
“วันแรกจำได้ เครียด พิธีกร Five Live มี 6 คน แต่ละคนก็จะมีท่อนของตัวเอง ผมก็ท่องของตัวเอง เป็นการทำงานที่กลัวไปหมด ตื่นเต้นมันไม่ได้ทำด้วยความสนุกจริงๆ ต้องพูดอันนี้ท่องตรงนั่น พูดต่อคนนี้ กังวลไปหมดไม่มีความเป็นธรรมชาติ ไม่ถนัดด้านพิธีกร ด้วยความที่เป็นคนขี้อาย จริงๆ เป็นคนพูดเก่งนะ แต่พูดเก่งเฉพาะที่สนิทสนิทมากจะกวน แกล้งได้ จากวันนั้นมาถึงตอนนี้การทำงานเปลี่ยนผมไปหมด เคยขนาดที่ว่าเปลี่ยนชุดแล้วอยู่ในห้องแต่งตัวไม่อยากออกจากตรงที่ทำพิธีกรเลย”
จุดที่ทำให้เริ่มมีการพัฒนา
“ตอนแรกที่ทำเพราะอยากเรียนอยู่ เป็นงานเสริม ซึ่งความรู้สึกไม่เหมือนตอนนี้ แต่ทำให้รู้ว่าการทำงานแบบนั้นมันไม่แฮปปี้ ถ้าเรียนจบ มาทำตรงนี้เป็นงานหลัก ด้วยความคิดแบบนี้อยู่ มันไม่ได้แน่ๆ แต่โชคดีที่เจอจุดที่รู้สึกว่าใช่ ทำให้สนุกที่จะทำงาน เจอตัวเอง แต่ก่อนรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในกรอบ ไม่มั่นใจ ไม่กล้าที่จะนำความเป็นตัวเองออก ในงานพิธีกร แต่หลังจากที่เจอตัวตน กลายเป็นสนุกกับการทำงาน มองที่ถนัดและแตกต่างไม่เหมือนใครมาเป็นจุดขาย ผมเป็นคนที่ชอบไม่เหมือนคนอื่น ชอบอะไรไทยๆ พวกสมุนไพร, ศาสนา, สารคดี เน้นที่สนใจพัฒนาเป็นจุดแข็งในการทำรายการ”
มาทำรายการอยู่พักใหญ่
“ใช่ครับ ตอนนี้ก็ยังทำอยู่ ผมมีงานรายการมากกว่าการแสดง ตอนนี้มีทั้งหมด 4 รายการ มีรถโรงเรียน รายการกินกันกับเตนิว ที่ทำกับนิว เสน่ห์ห้องเครื่อง เป็นรายการทำอาหารไทยโบราณเมนูแปลกๆ ที่หลายคนไม่เคยเห็น ซึ่งโชคดีที่ผมโตมากับคุณย่า เลยค่อนข้างมีโอกาสได้เห็น ได้เรียนรู้ ทำกับพี่กอล์ฟ เทยเที่ยวไทย เขาเป็นคนที่มีความรู้เยอะมาก เก่งมาก อะไรที่เป็นประวัติศาสตร์ อะไรไทยๆ ความรู้รอบตัวมีเยอะมาก เหมือนเป็นคลังความรู้เลยสำหรับผมนะ เป็นคนที่มีจริตความเป็นไทยสูงมากแล้วก็มีอีกรายการนึง “เตร็ดเตร่ fest กับ เต ตะวัน”พาไปเที่ยวประเพณีไทย รายการนี้ทำคนเดียวครับ พร้อมกับมีแขกรับเชิญหมุนเวียนกันไป
พอได้มาทำ 4 รายการนี้ รู้สึกว่าเข้าที่เข้าทางรึยัง
“เข้าที่นะ ตอนนี้สนุกในงานที่ทำมากขึ้นเริ่มอยากที่แชร์ให้คนรู้ อันนี้ย่าผมเล่ามาคนอื่นอาจยังไม่รู้ หรือไม่อ่านเจอที่ไหนแล้วคนยังไม่รู้ อยากแชร์ความรู้มากขึ้น ต่างๆ ในทวิตเตอร์ของผม
ชีวิตพลิกผันจากพิธีกรสู่จอซีรี่ส์ได้ยังไง
เริ่มมาจากตอนที่ช่อง Bang Channel ในรายการ Five Live ปิดตัวลงทาง GMM TVเลยหามุมอื่นๆ เช่นทำละคร และคอนเทนต์ซีรี่ส์แทนรายการเพลง ผมอยู่ในยุคที่เริ่มต้นลองผิดลองถูกมากับ GMM TV เติบโตมาในยุคที่เขาทำซีรี่ส์ปกติตั้งแต่สมัยที่เป็นพิธีกรแต่อาจจะทำรายการเป็นหลักมากกว่า ซีรี่ส์เป็นส่วนรอง แต่ตอนนี้ก็ทำซีรี่ส์กับรายการควบคู่กันไป
ซีรี่ส์เรื่องแรกที่เล่นครั้งแรกก็ไม่ใช่ซีรี่ส์วาย
“เรื่องแรก Room Alone ภาค 1 ตอนนั้นก็ยังเป็นรับเชิญเล่นกับ มุก-วรนิษฐ์ ครับ เป็นหนึ่งในบรรดาผู้ชายของสโนว์ ก็มีผม, นิว, พี่บี้ KPNที่เป็นพิธีกรรายการ Five Live แล้วก็มี Room Alone 2 จากนั้นก็มี Kiss The Series
แต่มาเป็นที่รู้จัก ตอนที่เล่นซีรี่ส์วายถือเป็นจุดเปลี่ยน เป็นโชคดีที่ทำในจุดสนใจของคนกลุ่มหนึ่ง”
ตอนแรกที่รู้ว่าจะต้องเล่นซีรี่ส์วาย
“ตอนแรก Kiss The Series เป็นซีรี่ส์ชายหญิงปกติแหละ แต่ผมเล่นเป็นคู่ชายชายในเรื่อง เมฆเล่นกับมายด์ แต่ผมเป็นกลุ่มเพื่อนมีผม, นิว, เมฆ, มายด์ และ, นิกกี้ เพื่อนที่ทำให้เกิดปมคู่หลักคือเป็นแฟนกันแบบไม่เปิดเผย เลยมีเรื่องให้หึงหวงกันแล้วมันก็เกิดเป็นกระแสขึ้นมา คนดูก็ อ้าว ! คู่นี้เป็นแฟนกันเหรอ น่ารักดี”
โด่งดังจนได้มาจับคู่เล่นด้วยกันอีก
“คนเริ่มพูดถึงเลยมีภาคต่อ ซึ่งเป็นหนึ่งในคู่หลักที่เป็นคู่ชายชาย แล้วก็มีคู่ชายหญิง 3 คู่คู่ของผมมีภาคก่อนมาขยายในภาคนี้ เคยคิดนะครับ เทียบกันระหว่างคนไม่รู้จักกันมาเล่น กับคนที่สนิทกันแบบไหนจะง่ายกว่ากัน คนสนิทกันแล้วยากช่วงแรก พอผ่านจุดนั้นจะดี สนิทกันจะมีเคมีบางอย่างยอมรับแรกๆ เล่นด้วยกันยาก มีกำแพงความเป็นเพื่อนสนิท พอเลยจุดนั้น ถ้าเป็นคนที่ไม่สนิทอาจจะเขินกัน ผมไม่รู้ว่าน้อยกว่ารึเปล่า ผมว่าคนดูจะรู้ว่าเคมีออกมาไม่เท่ากัน”
จูบกันครั้งแรกในเรื่องนี้
“ซีรี่ส์ Kiss The Series ยังไม่มีครับ มาจูบในภาค 2 Kiss Me Again ความรู้สึกต้องบอกเลยว่า จริงๆ จะมีตั้งแต่ภาคแรกแล้ว แต่ตอนนั้นความวายยังไม่ดัง หมายถึง ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาทำอะไรแบบนี้ ก็เลยเปลี่ยนบทเป็นจับมือกันแทน แต่ในภาค 2พอผมเริ่มป็นตัวหลัก ซีรี่ส์ตระกูล Kiss มีจูบอยู่แล้ว เข้าซีนครั้งแรกเตรียมตัวเหมือนกันเพราะเป็นเพื่อนสนิทกัน ต้องมาจูบกันเตรียมตัวนาน ในการแปรงฟัน(หัวเราะ) ต้องจูบจริงๆ ไร้มุมกล้อง ต่างคนต่างรู้ไม่มีใครพูดอะไร ทำตามบท”
ตอนนี้ก็รู้สึกว่าตัวเองเลือกไม่ผิด
“ใช่ครับ เจออะไรที่แฮปปี้ เจอแฟนคลับที่น่ารัก เพื่อนๆ ผมรู้สึกโอเคนะ อาจมีช่วงแรกๆ ที่ทำงานหนักมาก แล้วติดต่อหลายวัน ทำให้ล้ามาก แต่ก่อนไม่ได้เป็นแบบนี้ ตอนนี้ปรับตัวได้แล้ว
พอใจกับชีวิตตอนนี้ยังไงบ้าง
“เป็นที่รู้จักมากขึ้นกว่าเดิม ข้อดีมากคือ เปิดโอกาสให้คนมองเห็นอะไร มากขึ้น ตอนนี้สิ่งที่ผมพัฒนาตัวเองคือได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ ได้ฝึกฝนด้านที่ไม่เก่ง อย่างเรื่องการพูด เป็นพื้นฐานของการทำงานอื่นๆ การทำงานตรงนี้พัฒนาผมเยอะมาก สามารถไปพูดได้คล่องขึ้นกว่าแต่ก่อน
ปีหน้าอยากปรับเรื่องงาน หรือขยายฐานแฟนคลับอย่างไรบ้างมั้ย
“น่าจะเป็นวิสัยทัศน์ของผู้ใหญ่ ให้ได้ลองเล่นซีรี่ส์ที่ต่างไปเรื่อยๆ ปีที่แล้วได้เล่น 3 Will Be Free เป็นแนว Road Movie หนีการไล่ล่า ปีหน้าเล่น“กองร้อยอินเลิฟ” คอเมดี้นิดๆ เปลี่ยนแนวเลยผมมองจุดดีคือ ไดเล่นอะไรใหม่ๆ จะได้รู้ว่าใช่แนวนี้มั้ย เพราะยังไม่ชัวร์ในวงการมาก ยังไม่ได้ลองทุกอย่าง การได้ลองอะไรหลายๆ อย่างถือว่าเป็นโอกาสที่ดี”
ยุทธนา นารี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี