สั่งสมประสบการณ์ทั้งเบื้องหน้าเบื้องหลังในวงการบันเทิงมานานหลายสิบปี แถมปั้นศิลปินมามากมายหลายคน แต่ช่วงหลังๆ ชมพู ฟรุตตี้ หรือ สุทธิพงษ์ วัฒนจัง หันมาทำงานหน้าจอซะเยอะ จนหลายคนอยากรู้ว่าไม่คิดจะปั้นนักร้องใหม่มาประดับวงการแล้วเหรอ? ซึ่งได้เปิดใจในรายการ ต้มยำอมรินทร์ ผลิตโดย CHANGE2561 ว่าปลายปีนี้คนอยากดังมีเฮแน่นอน เพราะตอนนี้พร้อมจะกลับมาเป็นนักปั้นอีกครั้งแล้ว
เป็นยังไงนั่งฟังเครดิตตัวเองแล้วรู้สึกว่าเขินไหม ?
ชมพู ฟรุตตี้ : ทรงอิทธิพล ไม่ขนาดนั้นก็คือเรียกว่าลุยมาเยอะดีกว่าลุยมาเยอะทำมาเยอะ ร้อนเงิน
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ก็ต้องพูดเลยว่าจริงๆ เขาก็ผ่านวีรกรรมหรือว่าผ่านร้อนผ่านหนาวผ่านอุปสรรคมาเยอะมาก ก่อนจะมาเป็นชมพู ฟรุตตี้ ย้อนกลับไปจริงๆแล้วเนี่ยเคยเกิดมาเป็นเด็กในแบบครอบครัวไฮโซอยู่ในย่านร่ำรวยสีลมอย่างนี้ไหม ?
ชมพู ฟรุตตี้ : ตอนเด็กคุณพ่อเปิดร้านตัดสูทอยู่ที่สีลมครับ อยู่แถวสีลมเลย ก็ตอนเกิดมาก็ถือว่าทางบ้านก็มีฐานะใช้ได้นะครับ ปานกลาง แล้วก็เกิดมรสุม ประมาณ 4-5 ขวบเรียกว่าล้มละลายเลยแล้วกัน ก็เลยย้ายบ้านย้ายไปย้ายไปย้ายไป 3-4 แห่ง จน 7 ขวบก็ย้ายไปอยู่แฟลตดินแดง ที่นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตครับ เพราะว่าเป็นเด็กแฟลตเนี่ย 7 ขวบเนี่ย ต่อยกันแล้วนะ อะไรอย่างเงี้ย คือมันก็ต่อยแบบเด็กๆนะ ต่อยผลักๆกันไม่ได้อะไรรุนแรง เราไม่ได้เป็นเด็กไม่ดีนะครับเป็นเด็กเรียบร้อยเลย แต่พอเริ่มเป็นวัยรุ่น มากขึ้นๆจะมีชีวิตแบบว่าหลายเส้นทางในทางดนตรีเนี่ย ตอน 9 ขวบเนี่ยได้เจอกับพี่ห้องข้างๆ เขาอยู่ห้องตรงข้ามกันเลย เขาเล่นดนตรีครับ แล้วเขาก็ตั้งวง ซ้อมวงกันเอากีตาร์โปร่งมาซ้อม
แล้วข้างห้องก็ได้ยินเขาหมด ?
ชมพู ฟรุตตี้ : ได้ยินครับ เราก็ได้ยินไง เรานอนอยู่เราก็ได้ยิน ก็แรกๆรำคาญนะ แต่พอฟังไปเรื่อยๆแล้วมันไปสะดุดหู ชอบเพลงๆหนึ่งที่มันเป็นเล่นเบส
ชื่อเพลงอะไร
ชมพู ฟรุตตี้ : For yasgur's farm ครับ เป็นเพลงสมัยยุค Woodstock ของวงThe Mountain แต่ตอนนั้นเราไม่รู้จักหรอก เราได้ยิน ตึ้ง ดึง ดึง ดึ้ง ดึ่ง ดึ้ง (เสียงเบส) เราก็อุ๊ยชอบหลงใหลในเสียงนี้ ก็เลยออกไปยืนดูเขาเล่น พอเขาขาซ้อมๆอยู่เขาก็หันมาหา เห็นเรายืนมองสงสัย สนใจอะไรอย่างนี้ เขาถาม “อยากเล่นเปล่า” เราก็ “อยากอยาก”
ตอนนั้นกี่ขวบ ??
ชมพู ฟรุตตี้ : 9 ขวบครับ เขาก็เลยบอกว่าเดี๋ยวจะสอนให้ แต่ก่อนจะสอนไปซื้อโอเลี้ยงก่อน ซื้อข้าวผัด ไปซื้อบุหรี่ อะไรอย่างงี้ครับ ก็เป็นเด็กวงเขาไป เขาสอน พี่คนที่เล่นเบสก็คือพี่นะ เขาก็สอนเบสให้เราเพลงนี้ ส่วนพี่คนที่เล่นกีต้าร์ก็คือพี่เปี๊ยก เขาก็สอนกีต้าร์ให้เราอีกเพลงหนึ่ง เพลง Iron Horse
คือวินาทีแรกที่ได้จับกีตาร์เบส และกีต้าร์โปร่งครั้งแรกความรู้สึกพี่เป็นยังไงบ้าง ?
ชมพู ฟรุ๊ตตี้ : มันตื่นเต้น มันคืออะไร? เสียงมันกริ๊งกริ๊ง มันคือแบบมีความสุข รู้สึกว่ามีความสุขได้ยินเสียงอันนี้แล้วมีความสุข แล้วก็เพราะเขาสอน เราก็หัดกับเขาตรงนั้น แต่ว่าเราไม่มีกีต้าร์เองก็ต้องอาศัยออกมาเล่นของเขาหลังจากนั้นอีกไม่กี่วันก็มี ก็เหมือนโชคชะตาฟ้าบันดาล มีลูกพี่ลูกน้องกันเอากีตาร์มาจำนำแม่ผม กีต้าร์โปร่ง อยู่ดีๆเขาก็มาเอากีตาร์บอก ว่าเอากีต้าร์จำนำไว้หน่อย จำได้ว่า 50 บาทตอนนั้น แม่ก็รับจำนำไว้ พอได้รับจำนำเรา ก็อ้าว เล่นทุกวันเลย ทีนี้พอเราเริ่มเล่นปั๊บก็ชอบ ก็เล่นทุกวัน เลิกเรียนหนังสือวันจันทร์ถึงศุกร์ สามโมงไม่ทำอะไรแล้วรีบกลับบ้าน
แล้วเรื่องแต่งเพลงล่ะ อยู่ๆมาเป็นนักแต่งเพลงมันเริ่มต้นจากอะไร ?
ชมพู ฟรุตตี้ : คือชีวิตมันอย่างที่บอกคือ พอเราเลือกไปทางนี้เนี่ย มันก็เหมือนจะดึงดูดอะไรเข้ามาเรื่อยๆ ก็จะเดินเส้นทางนี้ไปเรื่อย พออายุสัก 12 ก็มีรุ่นพี่ที่เซนต์จอห์น เรียนเซนต์จอห์น รุ่นพี่ที่เขาจบไปแล้วเนี่ยเคยรู้จักกัน เขามีโอกาสไปอัลบั้มโฟล์คซองของวงนานา ตอนนั้นทำวงกัน เขาก็เลยมาชวนไป แล้วตอนที่เข้าไปร่วมกลุ่มเนี่ย พี่ใหญ่เลยที่คอยดูแลอยู่คือพี่ธนิฐ ธนะโกเศศ เป็นนักแต่งเพลงรุ่นเก่านะครับ มือทองเลย เขาก็เป็นคนคอยดูแลให้ ดูแลเรื่องการอัดให้ แล้วก็บางทีเขาก็ดูเรื่องเพลงให้ด้วย พอเขาก็สอนเราก็เริ่มแต่งไปตามลักจำมาบ้าง เขาแนะนำมาบ้าง
มันมีทริคแบบว่า คุณต้องแต่งแบบนี้เลยไหม?
ชมพู ฟรุตตี้ : คืออย่างนี้ก่อนที่จะไปมีโอกาสแต่งเพลงเนี่ย ก็ต้องเล่าด้วยว่าตอนที่เด็กๆเนี่ย คุณแม่เป็นครู เป็นครูสอนสอนทุกอย่าง ครูสมัยก่อนครูประจำชั้นสอนทุกอย่าง คณิต อังกฤษ สังคม ภาษาไทยอะไรได้หมด แล้วคุณแม่เนี่ยชอบแต่งกลอนเป็นครูภาษาไทย ในวันสำคัญของชีวิตของใครก็ตามในบ้าน แม่ก็จะแต่งกลอน วันเกิด วันปีใหม่ วันวาเลนไทน์ วันอะไรก็แล้วแต่ วันครู วันเด็กอย่างนี้แม่จะแต่งกลอน เราก็จะเห็นทุกครั้ง และเราก็จะรู้สึกว่าเห็นรูปแบบของกลอนเนี่ยก่อนที่เราจะเรียนในโรงเรียนซะอีก อ๋อ มันสัมผัสตรงนี้ ไอ้นี้มันสัมผัสตรงนี้ แม่จะแต่งกาพย์ยานี 11 กลอนแปด หรือว่าโคลงสี่สุภาพครับ ก็จะแต่งหลายๆหลากๆไป เราก็ดูแล้วเราก็เริ่มมี แพทเทิร์น ในช่วงนั้นที่เราร้องเพลงด้วยเนี่ย เราก็จะรู้สึกได้ว่า อ๋อเพลงกับกลอนมันคล้ายๆกัน สัมผัสมันจะคล้ายๆกัน กลอนแปดนี้เป็นเพลงเลยก็ได้ เราก็รู้สึกว่าอ๋อเริ่มเข้าใจว่ามันมีโครงแบบนี้ พอมีโอกาสไปทำอัลบั้ม เราก็เอาไอ้ความคิดแบบนั้นเนี่ย เราก็ลองมาปรับแต่งให้มันเป็นกลอนแปดอะไรแบบนี้ไป
นี่ไง !! พรสวรรค์ตั้งแต่เด็กขนาดนี้มันทำให้พี่พูเนี่ยปั้นคนดังๆในวงการบันเทิงวงการนักร้องเนี่ยค่อนข้างเยอะแล้ว ปลายปีนี้เตรียมเปิดบริษัทปั้นคน ?
ชมพู ฟรุตตี้ : มีไอเดียมาหลายปีแล้วหละ แต่ว่าเหมือนกับว่ามันยังไม่ได้จังหวะ ยังไม่ได้ช่วงเวลาที่เหมาะสม รับเฉพาะ 12-19 ปี นี่คือกลุ่มเป้าหมายเลย เพราะว่าเราอยากจะปั้นคนที่มีอายุการใช้งานนาน
คือเราจะสร้างยังไงมาถึงปุ๊บอบรมสอนทุกอย่างเลยเหรอ ?
ชมพู ฟรุตตี้ : คืออยากจะบอกว่าอย่างนี้ไม่ได้เป็นค่ายเพลงด้วยคือเป็นค่ายคนค่ายคนก็เหมือนกับว่า เราจะรับสมัครน้องที่สนใจที่จะเข้าสู่วงการบันเทิงในแขนงต่างๆ จะเป็นนักแสดงก็ได้ เป็นดารา เป็นนักร้อง นักดนตรีหรือว่าถ้าสนใจอยากจะแต่งเพลง อยากจะเป็นโปรดิวเซอร์อะไรอันนี้ก็เป็นอีกแขนงนึง แต่ว่าเราจะเอาฟร้อนแมนก่อน คือศิลปินที่เป็นดารานักร้อง เอาเบื้องหน้าก่อน ส่วนทีมที่อยากจะอยู่เบื้องหลังเนี่ย ส่วนตัวพี่ก็สามารถที่จะแนะนำ พัฒนาช่วยเหลือเขาได้ คิดว่าความคิดของเด็กสมัยใหม่มันน่าจะเป็นประโยชน์ เพราะว่ามันจะมันจะอยู่ในสมัย ส่วนประสบการณ์ของเราน่าจะเข้าไปช่วยเขาตบแต่งอะไรให้มันเข้าที่เข้าทาง
ซึ่งเดี๋ยวรอโปรเจคน่าจะเกิดขึ้นตอนไหน ?
ชมพู ฟรุตตี้ : ปลายปีนี้ครับจะเป็นชื่อบริษัทบอกชื่อบริษัทเลยก็ได้ “แคสรููม ทาเลนท์ เมเนจเมนท์”
แล้วอย่างนี้ลูกสาวเราน่ารักอยู่ ลูกสาวเรามีสิทธิ์ ไปอยู่ในแคสรูมเราไหม ?
ชมพู ฟรุตตี้ : แต่ลูกไม่เอา
ลูกไม่ชอบวงการบันเทิง?
ชมพู ฟรุตตี้ : ชอบ แต่ชอบเป็นคนดู ไม่ชอบเป็นคนเล่น อาจจะเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆเนี่ยครับเหมือนกับว่าพ่อแม่เป็นที่รู้จัก เวลาเขาไปไหน “พ่อเป็นนักร้องนะ แม่ร้องเพลงเพราะ พ่อร้องเพลงเพราะนะ ร้องเป็นหรือเปล่าไหน ร้องๆ”จะโดนดันให้ไปร้อง เลยแบบไม่เอาๆฉันไม่เอา เขาก็ร้องเพลงเพราะนะ แล้วก็ถ้าถามเรื่องแอคติ้งเนี่ย ก็ต้องถือว่าเด็กสมัยนี้ไม่ใช่เฉพาะลูกเราเด็กสมัยมีแอคติ้งเก่งนะ คนโต 24 ครับจบแล้วทำงานแล้ว คนเล็ก 20 ยังไม่เต็มดีเต็มปลายปีนี้ ยังไงฝาก
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี