“โซนี่ พิคเจอร์ส” ฟาดแล้วฟาดอีกสร้างสถิติใหม่ได้ทุกปีไม่รู้จบ ล่าสุดพา“สไปเดอร์แมน : โน เวย์ โฮม” ขึ้นอันดับหนึ่งตลอดกาลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่นำโดย “ทอม ฮอลแลนด์” ผลงานการกำกับโดย “จอน วัตส์” งานนี้ “ดุจดาวพรหโมบล” ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายการตลาด โซนี่ พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเมนต์(ประเทศไทย) ขอการันตีด้วยตัวเองกับปรากฏการณ์ครั้งนี้ แบบเอ็กซ์คลูซีฟสุด
ล่าสุด (No way home) ขึ้นแท่นภาพยนตร์ที่ทำรายได้อันดับ 1 สูงสุดตลอดกาลของโซนี่ พิคเจอร์สถือว่าเป็นหนังทำเงิน สูงสุดของ Sony ในตอนนี้ /อะไรที่ทำให้ไปได้ขนาดนั้น
“ตัวหนังค่ะ เพราะในความเป็นจริงแล้วสไปเดอร์แมนทุกๆ ภาคมันมีเสน่ห์ของมันอยู่แล้ว แต่ภาคนี้คนที่เคยดูแล้วจะรู้ว่าทำไมถึงจำเป็นจะต้องไปดูในโรงภาพยนตร์เท่านั้น เพราะด้วยฉากด้วยความรู้สึกด้วยอารมณ์มันจะส่งผลแตกต่างกันเลยทีเดียว นั่นคือสาเหตุหนึ่งเพราะสไปเดอร์แมนกลุ่มTarget มีตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่เพราะฉะนั้นคนที่ทันยุคหนึ่งของสไปเดอร์แมนดูแล้วก็จะมีความรู้สึกว่าอินและได้อารมณ์ กับคนที่ทันสไปเดอร์แมนในยุคนี้ก็จะรู้สึกว่าอินและได้อารมณ์ในแบบยุคนี้ หนังเรื่องนี้ไม่ได้เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่มีฉากแอ๊กชั่นปกติธรรมดา มันเป็นหนังที่มีเรื่องราวของ Emotional ซึ่งเรื่องนี้พี่ดูหนังมาแล้ว3 รอบ แล้วพี่ไม่เคยคิดว่าพี่ต้องร้องไห้ให้กับซูเปอร์ฮีโร่ตัวไหน แต่ภาคนี้ทำให้พี่มีน้ำตา”
No way home ทำลายสถิติคำว่าตลอดกาลของเรื่องไหนไปบ้าง
“หนังของ Sony ที่ทำเงินสูงสุดก็จะเป็น “สไปเดอร์แมนโนเวย์โฮม” ล่าสุดนี้เลยค่ะ ที่สองจะเป็น “สไปเดอร์แมนฟาร์ฟอร์มโฮม” ที่สามก็จะเป็น “สไปเดอร์แมนโฮมคัมมิ่ง” ที่สี่ก็จะเป็น “สไปเดอร์แมน2012” ที่ห้าจะเป็น “ดิ อะเมซิ่ง สไปเดอร์แมน 2”จริงๆ แล้วต้องบอกอย่างนี้เลยว่าคนดูโนเวย์โฮมภาคสุดท้าย มีความเป็น Fan service ค่อนข้างสูงค่ะ”
นักวิจารณ์เคยวิจารณ์ว่าหนังเรื่องนี้ ที่ประสบความสำเร็จเพราะเป็นการรวมตัวของสไปเดอร์แมนรวมกับเหล่าวายร้ายพี่มองว่ายังไง
“หนังเรื่องนี้มันไม่ใช่เป็นหนังที่มีแค่การรวมตัวกันแล้วมันถึงทำให้ประสบความสำเร็จ แต่ขอบอกเลยว่ามันจะมีปมของสไปเดอร์เเมน การรวมตัวกันไม่ได้ทำให้พี่ร้องไห้ แต่พี่ร้องไห้เพราะเรื่องราว ปมเรื่องบางอย่าง สไปเดอร์แมนภาคนี้จบยังไงเหมือนที่เรารู้กัน ถ้าไม่ได้สปอยล์นะคะ มันก็จบลงที่ว่าอนาคตสไปเดอร์แมนจะเป็นยังไง มันไม่ได้จบตามสูตรสำเร็จของซูเปอร์ฮีโร่ แบบสู้ชนะ จบ แยกวง มันไม่ใช่แบบนั้น”
“นักวิจารณ์ส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจแบบว่าหนังซูเปอร์ฮีโร่ก็จะเลือกผู้ชายหล่อมาคนนึง มีอำนาจพิเศษ ต่อสู้แล้วก็ชนะไปนั่นมันก็เป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่อีกแบบหนึ่ง ซึ่งก็เป็นสาเหตุว่าทำไมหนังซูเปอร์ฮีโร่หลังๆมานี้ ถึงได้หาความเป็นดีฟของซูเปอร์ฮีโร่มากขึ้น ซึ่งซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความดีฟส่วนใหญ่แล้วจะเป็นสายดิสนีย์ มาร์เวลจะเป็นความเอนเตอร์เทน หน้าหล่อ กล้ามตึงแต่พอช่วงหลังๆ เค้าถึงจะหาซูเปอร์ฮีโร่ที่มีความกึ่งๆ ความดาร์กหน่อยๆ เป็นAnti-Hero อย่าง Sony เองก็มีตัวของ Venom ที่มันก็ไม่เชิงฮีโร่นัก แล้วก็พยายามที่จะมีตัวใหม่ชื่อว่า “Morbius” ซึ่งก็ไม่ได้ถือว่าเป็นฮีโร่มากนัก”
ทิศทางของสไปเดอร์แมน (โนเวย์โฮม)
“พี่บอกไม่ได้เพราะเมืองนอกไม่ให้บอกแต่สิ่งที่พี่จะบอกได้เลยว่าถ้าดูสไปเดอร์แมนโนเวย์โฮมจบแล้ว มันเป็นเหมือนการรีเซตใหม่หมดเลย ทุกคนลืมแล้วว่าสไปเดอร์แมนคือใคร เพราะฉะนั้นเค้าจะรู้แล้วว่าอนาคตข้างหน้า เค้าจะเป็นอะไร ยังไง ต่อไปมันเหมือนว่าในอนาคตของคอนเทนท์หนังมันขึ้นอยู่กับรสนิยมของคน ว่าเราจะเลือกเสพหนังอะไร มันมียุคหนึ่งที่คนเสพหนังโรแมนติกคอเมดี้ เสพหนังฟิวกู๊ด ยุคหนึ่งบางคนอาจจะชอบเสพหนังซูเปอร์ฮีโร่ง่ายๆ ยุคหนึ่งคนอาจจะชอบเสพหนังอะไรที่มันมีมิติหรืออะไรที่มันมีความสมจริงเพราะฉะนั้นแล้วการที่จบของสไปเดอร์แมนโนเวย์โฮมแบบนี้ มันเป็นเหมือนการเปิดโอกาสให้ได้คิดว่า ตกลงแล้วทิศทางมันมีมากมายหลากหลายความเป็นไปได้”
โซนี่ บอกว่า จะส่งชิงรางวัลออสการ์แต่ก็มีเสียงวิจารณ์ว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่มันเป็นหนังทำเงิน ไม่ได้เป็นหนักที่เน้นอารมณ์เจาะลึกถึงความเจ็บปวดของคนโซนี่จะใช้เพาเวอร์ในการชิงออสการ์ไหมครับ
“คือพี่คิดว่ามันมีเสียงที่ว่า หนังซูเปอร์ฮีโร่มันจะมี element ที่จะสู้หนังรางวัลไม่ได้ พี่คิดว่าถ้ามันไม่มีประเด็นที่จะเอาเข้าชิง การเอาเข้าชิงกับการชนะรางวัล
มันไม่เหมือนกัน ถ้ายูคิดว่ายูมี ponitมากพออยู่ก็เอาเข้าชิงได้ แต่ชนะหรือไม่ชนะมันไม่สามารถบอกได้ว่าหนังทำเงินจะเป็นหนังที่ได้รางวัลเสมอไป อย่างเรื่อง Parasite มันเป็นหนังทำเงินด้วย แต่ถ้าคนไม่ดูก็จะไม่รู้ว่ามันเป็นยังไง ซึ่งคนไทยเป็นคนที่ชอบดูหนังตามกระแส แล้วเผอิญมันเป็นหนังดีคนก็เลยชี้ชวนกันดูก็เลยเป็นหนังที่ได้ตังค์แต่ถามว่ามันเป็นเรื่องที่ได้รับความนิยมขนาดนั้นไหม สไปเดอร์แมนเป็นหนังที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วแต่เรื่องที่เคยได้รับความนิยมมากกว่ามันก็มี ก็ไม่ใช่ว่าจะได้รางวัลออสการ์ทุกเรื่อง”
ที่ No way home รายได้สูงสุดในตอนนี้ เพราะสไปเดอร์แมนเป็นซุปเปอร์ฮีโร่ที่คนไทยคุ้นเคย
“พี่ว่ามันไม่ใช่เฉพาะคนไทย ที่ทำรายได้สูงสุดไม่ได้จะมีเฉพาะที่ไทย เป็นซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นลักษณะของเด็กข้างบ้านไม่ใช่ซูเปอร์ฮีโร่ที่มีพลังพิเศษแล้วเอาไปต่อสู้ เค้าก็เป็นเหมือนเด็กวัยรุ่นที่มีปัญหาทั่วไป อันนี้เป็นเหมือนคนจริงเจ็บจริงแล้วก็สู้จริงประกอบด้วยภาคนี้ พอมีสามคนมารวมตัวกันทุกคนก็อยากจะรู้ว่ามารวมกันได้ยังไง รวมกันแล้วคืออะไร นั่นแหละคือจุดที่เป็นไฮไลท์ของภาคนี้”
อันนี้เป็นเรื่องที่แฟนหนังอยากจะรู้มาก สไปเดอร์แมนจะมีภาค 4อีกไหม
“ของเมืองนอกพี่ไม่รู้ แต่คนไทยจะอินกับแอนดรูว์มากๆ เพราะในภาพของแอนดรูว์เค้าจะช่วยแฟนเขาไม่ได้ เค้าช่วย MJไม่ได้ก็เลยจะเป็นเหมือนจุดที่มันค้างคาเลยเป็นความรู้สึกว่าเวลาที่เราดูโนเวย์โฮมแล้ว พี่เชื่อว่าถ้ามันมีกระแสมากพอสตูดิโอก็คงจะดูว่าเอาไงดี แต่แน่นอนว่าเราไม่ได้ทำอะไรตามที่กระแสสังคมเรียกร้อง มันไม่อยากมีใครให้โนเวย์โฮมจบแบบนี้ ถ้าเราทำเริ่มต้นตั้งแต่แรก ว่าจะให้โนเวย์โฮมจบแบบนั้นแบบนี้ มันก็จะไม่มีใครอยากจะให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ มันจะเกิดจากการคิดมาว่าจะมี Fan service อยู่ส่วนนึง แต่ในทิศทางของหนังจะเป็นยังไงอาจจะเป็นการจบเพื่อเปิดโอกาสว่า 1 มันมี Multiverse เกิดขึ้น ข้อที่ 2 มันมีหลากหลาย Possibilities ให้Tom Holland เดินต่อไปได้ว่าจะเป็นแบบไหนในทิศทางต่อไป แต่สิ่งที่เมืองนอกพูดเลยว่าโนเวย์โฮมจะเป็นตัวกำหนดทิศทางว่าสไปเดอร์แมนเวอร์ชั่นถัดไปจะเป็นยังไงเพราะโนเวย์โฮม”
แล้วจะมีเปลี่ยนจาก Tom Holland มั้ย
“พี่ว่ามันเป็นคำถามเพื่อเปิด Possibilities ถามว่า Tom Holland ยังจะอยู่ในสไปเดอร์แมนไหม พี่คิดว่ายังอยู่แต่ว่าสตูดิโอก็พยายามบอกแล้วว่ามันมี Multiverse เกิดขึ้นได้ และตอนนี้เหมือน Set up มาว่าเป็นศูนย์หมด ว่าเขาเป็นใครเพราะฉะนั้นแล้วอะไรก็เกิดขึ้นได้”
ได้ยินว่า Sonyจะปั้นซูเปอร์ฮีโร่ที่เป็นผู้หญิง
“ใครก็ตามที่อยู่ในโลกของสไปเดอร์แมนSony มีสิทธิ์สามารถหยิบจับมาทำอะไรก็ได้ มีตัวละครเพียบเพียงแต่ว่าจะหยิบจับตัวไหนขึ้นมาจะต้องมีความคอนเน็คกับตัวละครที่ออกมาก่อน เพื่อที่จะได้มีที่ไปที่มาของ stories อย่าง Venom มันก็มีความคอนเน็คกับสไปรเดอร์แมน อย่า Morbius ก็มีความคอนเน็คกับทาง Venom ทั้งสไปเดอร์แมน เราก็เลยหยิบขึ้นมาทำแต่ในแง่ของสไปเดอร์ผู้หญิงมีความเป็นไปได้แน่ๆ ที่เห็นได้ง่ายเลยคือตัวหนังที่อยู่ในแอนิเมชั่นของพี่มีสไปเดอร์ผู้หญิงเยอะมาก”
จะมีโอกาสไหมที่เวอร์ชั่นแอนิเมชั่นจะออกมาผสมกับเวอร์ชั่นคน
“ตอบไม่ได้เลย ว่าจะมีโอกาสไหมขนาดของสไปเดอร์เวิร์ส ก็จะเห็นสองพาร์ทจะมีพาร์ท 1 กับ พาร์ท 2 พาร์ท 1 น่าจะเป็นปีนี้ แต่พาร์ท 2 น่าจะเป็นปีต่อๆ ไป”
รายได้ที่เป็นตลอดกาลแล้วในตอนนี้(โนเวย์โฮม) ณ เวลา ปัจจุบันฟาดไปแล้วเท่าไหร่
“น่าจะใกล้ๆ 360 ล้าน จริงๆ ถ้าไม่มีโควิดคาดการณ์ไว้ว่าน่าจะได้ 400 up”
พอมีโควิด Sony แทบไม่เอาผลงานเข้าโปรแกรมฉายเลยจนมาถึง (โนเวย์โฮม) วางหมากยังไงถึงให้(โนเวย์โฮม)มาเข้าวันที่ 23 ธันวาคม แล้วก็ประสบความสำเร็จเกินคาดซะด้วย
“พอเราดูหนังแล้วเมืองนอกประกาศแล้วว่าจะเข้าวันที่ 17 ก่อนหน้าที่จะมีโควิดเกิดขึ้นเราจะดูว่าเดทไหนเหมาะกับคนไทยมากที่สุด พอเป็นโควิดแป๊บเดียวคาดการณ์อะไรไม่ได้เลย everyday is a holidayมันไม่มีอะไรและจังหวะไหนที่เพอร์เฟกต์ที่สุด เพราะสถานการณ์ของแต่ละคนไม่เหมือนกัน ก็เลยเป็นสาเหตุว่าถ้าอเมริกาเข้าวันนั้นเราก็เข้าตามหลังอเมริกาเลยแล้วกันอาทิตย์นึงปรากฏว่าฟาดแต่สมมุติว่าถ้าไม่มีโควิดเราก็คิดว่าเราจะได้มากกว่านี้แต่มีความรู้สึกเสียดายแทนคนที่มีความรู้สึกรีรอแล้วไม่มาดูเรื่องนี้เนี่ยมีความรู้สึกว่ามันจะเป็นหนังที่ดูในโรงหนังเท่านั้น คนที่มีความรู้สึกว่า Streaming มันเป็นคู่แข่งของเรา พี่ก็บอกได้เลยว่า Streaming ก็ส่วน Streaming Streaming มันก็เหมาะกับหนังบางประเภทเหมาะกับพฤติกรรมบางอย่างแล้วก็เหมาะกับรูปแบบบางรูปแบบซึ่งไม่ได้เหมาะกับหนังทุกประเภทเสมอไป”
พอทำไว้ดีมากหลังจากนี้จะรู้สึกว่าหนักใจไหม ในการวางหมากต่อไปของค่าย
“ไม่รู้สึกหนักใจเลย เรามองเป็นความตื่นเต้นท้าทายมากกว่า ตอนนี้สิ่งที่เราจะต้องทำมันก็คือการต่อสู้กับสันทนาการมากกว่าทั้งสถานการณ์โควิด สถานการณ์ประเทศมันเป็นยังไงและอาจจะมีการปรับเปลี่ยนกันไปยังสไปรเดอร์แมนเราก็อยากจะมีโอกาสยืนโรงเพื่อให้คนกลับมาดูให้มากที่สุด สมมุติว่าเริ่มมีคนมีความรู้สึกไม่แน่ใจอาจจะมีปัญหาในเรื่องของเงินเราก็อาจจะมีโปรโมชั่นในวันตรุษจีนเข้ามาอีกสักพัก เพื่อเป็นการสนองนีสของแฟนก่อนที่จะมี Morbius เข้าก็จะมีตัวไดเรคเตอร์คัท 7 นาทีออกมา”
คิดว่าหนังบล็อกบัสตอร์ที่กำลังรอปล่อยของ Sony จะเป็นไปในทิศทางใดของการตลาดไทย
“ต้องบอกแบบนี้ว่าหนังทุกๆ เรื่องของ Sony ก่อนที่จะปล่อยเราทำโปรดักชั่นมาก่อนที่จะเกิดโควิดทั้งสิ้นเพราะฉะนั้นเราไม่อาจจะคาดเดาได้ว่าพอหลังจากโควิดไป พี่เชื่อว่าคอนเทนท์ของหนังที่จะเข้าโรง มันจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงไป มันอาจจะเป็นเหมือนยุคที่มีการล้างไพ่ใหม่ แล้วก็โอเคหนังแบบไหนที่จะเหมาะกับการเข้าโรง”
โควิดเราต้องเรียนรู้ในการทำธุรกิจหนังยังไงบ้าง
“เราต้องเรียนรู้ที่จะอยู่กับมันให้ได้ค่ะ ว่าจริงๆ แล้วในการทำ Marketing หนังเรื่องหนึ่งก็จะต้องมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบอาจจะไม่ได้เป็นการทำสื่อในรูปแบบเดิมหรือโฆษณาเเบบเดิม เราอาจจะมีการเปลี่ยนแมสเสจหรือวิธีการพูดคุยมากขึ้น หรือลักษณะของการเอาหนังเรื่องหนึ่งออกมาแล้จะต้องมีวิธีการบิดแมสเสจออกมา เพราะพี่ว่าหลังจากนี้คนที่เลือกจะมาดูหนังในโรงจะมีวิธีการที่เปลี่ยนไป คนก็จะไม่ได้คิดเหมือนเดิมอีกต่อไป”
ขออัพเดท LINE UPปี 2022 ของโซนี่ พิคเจอร์ส
“จริงๆ แล้วเรื่องที่เป็นไฮไลท์ก็จะมี “UNCHARTED” เข้าฉายวันที่16 กุมภาพันธ์ 2565 แล้วก็ 31 มีนาคม จะเป็นคิวของ “MORBIUS”12 พฤษภาคม จะเป็นคิวของเรื่อง “65” ส่วน 21 กรกฎาคมนั้นเป็น “Bullet Train” และหลังจากนั้นก็จะมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ และจะมาเป็นตัวไฮไลท์อีกเรื่องหนึ่งก็คือ SPIDER-MAN ACROSS THE SPIDER-VERSE (Part One) เป็นวันที่ 13 ตุลาคมค่ะ”
ในปี 2022 วางเป้ากับเรื่องไหนไว้ยังไงบ้าง
“ก็คือเรื่องที่พี่บอกมาทั้งหมดนี่ล่ะค่ะ หลักๆ เลยก็คือUNCHARTED, MORBIUS, 65, Bullet Train และ SPIDER-MAN ACROSS THE SPIDER-VERSE (Part One) ก็คือ 5 เรื่อง”
เผยความน่าสนใจของเรื่องล่าสุดที่จะมาโปรแกรมต่อไปเป็นออเดิร์ฟหน่อย
“UNCHARTED” พี่ว่าดูง่ายแล้วก็เป็นสายแอดเวนเจอร์ เป็นแอ๊กชั่นแอดเวนเจอร์ที่แบบสนุกสนานไม่ต้องคิดมากเป็นแอ๊กชั่น ผจญภัยแล้วก็มันจะมีมุข มีความตลกมีไดอะล็อกตลอดเรื่อง พี่คิดว่าโอเค จริงๆ แล้ว “ทอม ฮอลแลนด์” ไม่ได้เล่นหนังสไปเดอร์แมนเป็นเรื่องแรก ก่อนหน้านั้นก็เล่นมาแล้วหลายเรื่องมากเลย เพียงแต่ว่าด้วยความที่เขายังเด็ก เพราะฉะนั้นแล้วบทบาทมันก็ยังไม่ชัดเจนมากแต่พอมา“UNCHARTED” เนี่ยเค้าโตพอแล้วก็สามารถที่จะเป็นดาราแอ๊กชั่นได้เลยซึ่งพี่ว่าเค้าโอเคมากนะคะ”
คนดูจะได้อะไรจาก“UNCHARTED”
“พี่คิดว่าความบันเทิงเนี่ยได้อยู่แล้ว แล้วก็ในส่วนของ “ทอม ฮอลแลนด์” คือเวลาเราดูดาราคนหนึ่งที่เราชอบมากนะคะ เราก็อยากเห็นเขาในหลายบทบาทแตกต่างกันออกไปก่อนหน้านั้นถ้าเค้าไม่ได้เป็นสไปเดอร์แมนมาก่อนแล้วมาเล่น “UNCHARTED” ก็คงไม่ได้รู้สึกอะไรมากแต่พอคนมีความรู้สึกชื่นชอบเค้าจากสไปเดอร์แมนแล้วเนี่ยพี่อยากจะให้ได้ลองมาสัมผัสบทบาทเขาในแบบ “UNCHARTED” ว่าเป็นยังไงบ้างพี่ว่าในแง่ของความสนุกสนานเนื้อเรื่องเรื่องราวการผจญภัยต่างๆ มันเหมือนกับพาเราไปเที่ยวอยู่แล้วประกอบกับว่าเรื่องนี้เนี่ยมี “มาร์ก วอห์ลเบิร์ก” เข้ามาด้วยซึ่งก็เป็นดาราดังเหมือนกัน ซึ่งเด็กสมัยนี้อาจจะไม่ค่อยรู้จักเพราะว่าเค้ามีอายุแล้วแต่ในลักษณะของตัวไดอะล็อกของเรื่องเองแล้วเนี่ยพี่ว่า “UNCHARTED” มีความสนุกมีความเป็นคอเมดี้อยู่”
ทุกซูเปอร์ฮีโร่ที่รับบทบาทโดยดาราดัง พอมาเล่นหนังที่เป็นเรื่องอื่นทำไมถึงมักจะลบภาพการเป็นซูเปอร์ฮีโร่ไม่ได้
“ส่วนใหญ่มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ ซึ่งเราเองเนี่ยเราจะต้องลองมาดูกันว่าคนดูเนี่ยสามารถที่จะยอมรับในความเป็น “ทอม ฮอลแลนด์” กับบทบาทใหม่ของเค้าได้ไหมเพราะจริงๆแล้วเนี่ยเราต้องดูเลยว่า หนังก่อนหน้าเนี่ยซูเปอร์ฮีโร่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น“คริส เฮมส์เวิร์ธ” เอง หรือ “คริสอีแวนส์” เองบทบาทที่ได้รับหลังจากเคยเป็น ธอร์ หรือเป็นกัปตันอเมริกามาแล้วเนี่ย มันก็คือเป็นแบบพริตตี้บอยอ่ะนึกออกไหมคะ มันไม่ค่อยมีอะไรเลยมันเฉยๆ เพราะฉะนั้นเนี่ยของ “ทอม ฮอลแลนด์” เดี๋ยวเราก็ต้องมาดูกันคือถ้าดูเนี่ยไม่ได้คิดว่าเค้ามีความเป็นสไปเดอร์แมนเต็มที่เค้าก็พยายามที่จะเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่สไปเดอร์แมนคือในสไปเดอร์แมนที่เราเห็นมาตลอดเนี่ยเค้าจะมีความเป็นเด็กง้องแง้งเดี๋ยวต้องมาดูกันว่าในส่วนของ “UNCHARTED” เนี่ยเขาสามารถที่จะทำให้คนลืมภาพเค้าจากความเป็นสไปเดอร์แมนได้ไหม”
แสดงว่า โซนี่ น่าจะเห็นศักยภาพของ ทอม ฮอลแลนด์
“ของ “UNCHARTED” เองเนี่ยน่าจะมีโพรเท็นเชียลในการทำเป็นแฟรนไชส์ต่อไปแล้วก็คือว่ามันอยู่ในกลุ่มของสายคนเล่นเกม เพราะฉะนั้นด้วยตามหลักของ “UNCHARTED” จริงๆ แล้วเนี่ย ในตัวเกมส์เนี่ยคนที่เป็นบทของ “ทอม ฮอลแลนด์” จะแก่เลยในตัวเกมอ่ะนะคะ แต่การที่เขาเลือก “ทอม ฮอลแลนด์” มาเนี่ยเพราะว่าคนดูเป็นคนดูสมัยนี้ถ้าเราพูดถึงดาราสมัยก่อนคนดูจะไม่รู้จักจะนึกออกแต่ดาราสมัยนี้มันก็เลยมีเหตุผลไงว่าทำไมเราถึงเอา “ทอม ฮอลแลนด์” มาเล่นบทนี้หรือแบบเอาคนที่อยู่ในช่วงที่คนเป็น Fan Moviesจะจำได้ ซึ่ง “ทอม ฮอลแลนด์” ใน “UNCHARTED” เนี่ย เค้าจะแตกต่างจากสไปเดอร์แมนคือเค้าจะมีความโตมากขึ้นด้วยความที่เราเห็นเค้าเป็นสไปเดอร์แมนมาโดยตลอดเราไม่สามารถที่จะลืมภาพแบบ 100% ความเป็นสไปเดอร์แมนของเค้าได้เพียงแต่แค่ว่าคาแร็กเตอร์ด้วยการพูดหรือด้วยอะไรต่างๆ มันอาจจะทำให้เราเนี่ยสามารถที่จะจดจำเขาได้แบบโอเคเค้าไม่ได้เป็นสไปเดอร์แมนแล้ว”
“เดี๋ยวนี้หนังมันทำออกมาเพื่อให้คนสมัยนี้ดู ยิ่งพอในยุคโควิดผ่านไปมันจะทำให้เราเรียนรู้เลยว่าต่อไปในอนาคตเราจะต้องเลือกหนังเข้ายังไงเราจะต้องฉายหนังวันไหนดีหรือว่าเราจะต้องทำ Marketing หนังแบบไหนเพราะว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนไปแล้ว เพราะว่าถ้าช้าปุ๊บข่าวเมืองนอกมา ไพรเวทซี่เอวี่ติงหลุดก็จะเสียหายกันไปใหญ่โตเลยค่ะ”ดุจดาว กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี