เป็นอีกหนึ่งผู้ประกาศข่าวสำนักข่าวไทย ทาง “ช่อง 9 MCOT HD หมายเลข 30” ที่น่าจับตามอง สำหรับ “เปิ้ล-กุลธิดา พงษ์แจ่ม” กับความสามารถรอบด้าน กับจุดเริ่มต้นของงานข่าว กับทุกประสบการณ์ที่ผลักดันในแต่ละก้าว กับครอบครัวที่เป็นพลังให้กับเธอ แล้วคุณจะรักเธอ ที่เธอเป็นเธอ
การก้าวสู่เส้นทางผู้ประกาศข่าว
ในขณะนั้นเรียนปริญญาโทอยู่ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และทำงานเป็นผู้ประกาศฟรีแลนซ์ที่ NBT ภาคเหนือ สำนักประชาสัมพันธ์เขต 3 วันหนึ่งคุณแม่เห็นประกาศในโทรทัศน์ว่าช่อง 7 รับสมัครผู้ประกาศหน้าใหม่ จึงแนะนำให้ลองสมัครดูเพราะปกติแล้วสมัยเรียนมหาวิทยาลัยตั้งแต่ ป.ตรี ก็รับงานเสริมเป็นพิธีกร และ MC หาเงินจ่ายค่าเทอมมาตลอด และชื่นชอบในการพูดจึงลองยื่นใบสมัครดู รอบออดิชั่นต้องเดินทางจากลำพูนเข้ากรุงเทพฯเป็นการเข้ากรุงเทพฯ ครั้งที่ 2 ในชีวิต คัดเลือกรอบแรกนี้มีผู้สมัครประมาณ 3,000 คน ที่เดอะมอลล์บางกะปิ มีห้องทดสอบอยู่ทั้งหมด 5 ห้อง ในห้องจะมีบรรณาธิการข่าว ผู้ประกาศข่าวรุ่นพี่ และช่างภาพอยู่ในห้อง ก่อนเข้าห้องทดสอบ ทีมงานจะแจกบทข่าวให้คนละ 2 ข่าว ทำความเข้าใจข่าว 5 นาทีและในเนื้อข่าวจะทดสอบพิมพ์ชื่อตำบลผิด อำเภอผิดหรือเว้นวรรคผิด เพื่อทดสอบความรู้รอบตัวและการแก้ไขสถานการณ์ เข้าไปทดสอบคนละ 5 นาทีและรอฟังประกาศผู้ผ่านเข้ารอบทางเว็บไซต์
รอบที่สอง มีผู้ผ่านเข้ารอบทั้งหมด 300 คนจาก 3,000 คน ในรอบนี้ให้ผู้ผ่านเข้ารอบเตรียมบทข่าวที่ตัวเองถนัดมาคนละ 1 บทข่าว และนำข่าวมาPresent ให้คณะกรรมการจำนวน 10 ท่านฟัง โดยก่อนเข้าห้องทดสอบ ทุกคนจะได้กระดาษมาคนละ 1 แผ่น ในนั้นจะบอกคีย์เวิร์ดเช่น ผู้ร้าย,มีดยาว 3 นิ้ว, ใต้สะพานลอย, ตัวประกัน, 5 ชั่วโมง โดยให้นำคีย์เวิร์ดเหล่านี้มานำเสนอเป็นข่าวอีก1 ข่าวต่อหน้าคณะกรรมการ ถือว่าเป็นบททดสอบที่ท้าทายมากสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์ด้านการทำข่าว หรือรายงานข่าวมาก่อน
รอบตัดสิน คัดเลือกจาก 300 คนเหลือ 30 คน โดยทุกคนจะได้เข้ารับการอบรมการอ่านข่าว การรายงานข่าว และทักษะที่จำเป็นในการรายงานข่าว ใช้เวลาอบรม 3 วัน และทำการคัดเลือกในวันที่ 4 โดยมีคณะกรรมการ 10 ท่านและให้ผู้เข้าแข่งขันจับสลากแบ่งทีมรายงานข่าวทีมละ 4 คน และช่วยกันดำเนินรายการข่าวให้จบรายการ โดยใช้เวลากลุ่มละประมาณ 30 นาที ในการทดสอบครั้งนี้คณะกรรมการจะสร้างสถานการณ์เช่น สัญญาณถ่ายทอดไม่ดี มีรายงานด่วนเข้ามา หรือให้ลองรายงานสดในสถานการณ์ม็อบ ที่มีการขว้างปาระเบิด โดยใช้ขวดน้ำโยนเข้าหาผู้รายงานข่าว เพื่อดูปฏิภาณไหวพริบ และการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า หรือแม้กระทั่งการนำรูปบุคคลสำคัญของทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้ผู้แข่งขันบอกชื่อและตำแหน่งของคนนั้นๆให้ถูกต้อง เป็นการทดสอบความรู้รอบตัว ซึ่งนับว่าเป็นการทดสอบที่ยากที่สุด และสุดท้ายผลของความพยายามจึงได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ประกาศหน้าใหม่ช่อง 7 ในปี 2557
เล่าถึงการทำงานกับช่อง 9 ตอนนี้มีรายการอะไรบ้าง
ตอนนี้อ่านข่าวช่วง 11.30-12.30 น.ชื่อรายการ 9 ข่าวเที่ยง เน้นอัพเดทข่าวสารที่กระชับฉับไว ทันทุกสถานการณ์ทั้งในและต่างประเทศ จัดรายการคู่กับ คุณบอล-ธีรวัฒน์ พึ่งทอง และ รายการ 9 ข่าวค่ำ วันเสาร์-อาทิตย์ 19.00-20.40 น. เจาะลึกรอบด้าน เล่าง่าย เข้าใจง่าย จัดรายการคู่กับ คุณสุตา สุธีพิเชฐภัณฑ์
ได้รับโอกาสในการทำงานด้านวิทยุกับคลื่น FM95
ไม่เคยทำงานด้านวิทยุมาก่อนเลย ซึ่งเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ยิ่งเรียนรู้ยิ่งสนุกและท้าทายมาก การจัดรายการวิทยุมีความแตกต่างกับการอ่านข่าวโทรทัศน์ เพราะงานด้านสื่อวิทยุคนดูไม่สามารถมองเห็นภาพของเราในขณะนั้นได้สิ่งที่เราจะสื่อออกไปคือน้ำเสียงเท่านั้น ดังนั้นน้ำเสียงจึงต้องเล่าเรื่องและสื่ออารมณ์ มีความเป็นกันเอง เหมือนเพื่อนมานั่งคุยนั่งเม้าท์ เปิดเพลงให้เพื่อนฟังในบ้าน ต้องมีความรีแลกซ์ในน้ำเสียงและส่งพลังเหล่านี้ออกไปหาผู้ฟัง ซึ่งเป็นงานที่ยากมากในช่วงแรก เพราะเปิ้ลมาจากงานอ่านข่าว จึงต้องปรับโทนจากดุๆ เข้มๆ มาเป็นสดใสน่ารัก สิ่งที่พี่วาสุ ผอ.คลื่น 95 สอนมาตลอดคือ ทำอย่างไรก็ได้ให้คนที่กำลังฟัง นึกภาพตามว่าเราเป็นนางฟ้าใจดีที่กำลังพูดไปยิ้มไปเราจะส่งเสียงออกไปอย่างไรให้ยิ้มแย้มตลอดเวลานั่นคือความยากของงานวิทยุ ส่วนการทำงานด้านวิทยุสิ่งที่สนุกคือการรับสายจากคนฟังทางบ้าน ได้พูดคุยกันเหมือนคนในครอบครัว และได้เปิดเพลงลูกทุ่งทั้งเก่าและใหม่ ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เพลงก็เหมือนข่าวถ้าเราไม่อัพเดทเราก็จะวนอยู่ที่เดิม แต่พูดถึงเพลงลูกทุ่งคือพื้นฐานเปิ้ลเป็นคนชอบฟังเพลงลูกทุ่งตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว และคุณพ่อคุณแม่ มักพาเดินสายประกวดร้องเพลงลูกทุ่งตั้งแต่ชั้น ป.4-ม.3 ถ้วยรางวัลเต็มบ้านเลยค่ะ มีอยู่ 108 ใบ (เดินสายหนักหน่วงมาก)ดังนั้น เพลงลูกทุ่งจึงอยู่ในสายเลือดมาตั้งแต่เด็กฟังทีไรอินทุกที
ไลฟ์สไตล์เป็นคนชอบออกกำลังกายเล่นกีฬา
ชอบออกกำลังกายเพราะเราเป็นคนที่ชอบดูแลรูปร่าง เวลาอ้วนขึ้นจะรู้สึกว่าใส่เสื้อผ้าอะไรก็อึดอัดไปหมด ไม่มั่นใจในตัวเอง อีกอย่างการอ่านข่าวออกหน้าจอโทรทัศน์ คือถ้าน้ำหนักจริงเราเท่าไหร่ ออกทีวีให้บวกเพิ่มไปเลยอีก 10 กิโลกรัมดังนั้นจึงอ้วนไม่ได้เด็ดขาด จึงต้องดูแลตัวเอง ช่วงแรกๆ เดินบนลู่วิ่งสัปดาห์ละ 4-5 วัน ทำมา1 ปีเริ่มไม่มีความเปลี่ยนแปลง และคิดว่าอยากจะลองจริงจังดูสักครั้ง อยากจะมี Six pack สวยๆกับเขาบ้าง ดังนั้นจึงเริ่มศึกษาเรื่องการออกกำลังกายและโภชนาการด้วยตัวเอง ศึกษาอยู่ระยะหนึ่งลองผิดลองถูก จนตอนนี้จัดตารางชีวิตของตัวเอง ต้องหาเวลาว่างในแต่ละวันออกกำลังกายสัปดาห์ละ 5-6 วัน วันละ 40-60 นาที โดยเล่นweight training หรือ Body weight สัปดาห์ละ3 วันเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้กระชับ และเล่นคาร์ดิโอ เช่น กระโดดเชือก, HIIT, TABATAสัปดาห์ละ 2-3 วัน และพักร่างกายสัปดาห์ละ1-2 วัน ตอนนี้กลายเป็นเสพติดการออกกำลังกายไปแล้ว วันไหนไม่ได้ออกกำลังกายจะรู้สึกแปลกๆเลิกงานดึกแค่ไหนก็ยังต้องหาเวลาออกกำลังกายเหมือนเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตไปแล้ว ส่วนเรื่องโภชนาการเปิ้ลจะเน้นการกินโปรตีนให้ได้อย่างน้อยวันละ 70 กรัม โดยเน้นอาหารธรรมชาติถ้าทานไม่ถึงก็จะกินเวย์โปรตีนเสริมให้ครบ และคำนวณแคลอรี่จากอาหาร ทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าปากในแต่ละวันจะถูกจดบันทึกและคำนวณแยกทั้งโปรตีนคาร์โบไฮเดรต และไขมัน ให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย โดยทานไม่เกินวันละ 1,200 แคลอรี่ หากวันไหนแคลเกินก็จะออกกำลังกายชดเชยเพื่อให้แคลอรี่ในแต่ละวันอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม พูดได้เลยว่ากว่าจะได้หุ่นแบบนี้มาต้องอดทนและศึกษาอย่างละเอียดที่สำคัญต้องไม่กดดันตัวเองมากเกินไป เพราะจะทำได้ไม่นาน สำคัญคือห้ามอดอาหารเด็ดขาด
ครอบครัวสนับสนุนในแต่ละก้าวอย่างไรบ้าง
ครอบครัวคือแรงขับเคลื่อนที่สำคัญที่สุดของชีวิตเลยค่ะ คือสนับสนุนทุกทางที่เราชอบ อย่างตอนเปิดรับสมัครผู้ประกาศหน้าใหม่ คุณแม่เป็นคนแนะนำให้มาสมัคร แล้วพอเราได้มาเป็นผู้ประกาศข่าวแล้วครอบครัวก็สนับสนุนเต็มที่ เปิ้ลเป็นลูกคนเดียว พ่อแม่อยู่ต่างจังหวัด ทั้งคุณพ่อคุณแม่ก็เสียสละให้ลูกสาวมาอยู่ห่างไกลบ้าน นานๆ ได้เจอกันทีโดยเฉพาะช่วงโควิดตอนนี้ไม่ได้เจอกัน 2 ปีแล้ว แต่ท่านบอกว่ายังพอหายคิดถึงได้บ้างเพราะเจอลูกสาวทางหน้าจอทีวีทุกวัน ส่วนเรื่องการอ่านข่าวคุณพ่อจะคอยมอนิเตอร์และเป็น Commentator ตลอด ดังนั้นจึงไม่มีการอวยแน่นอน มีแต่บอกให้พัฒนาตรงจุดนั้นจุดนี้ให้ดีขึ้น
สัดส่วนการทำงาน กับการใช้ชีวิต
เวลาทำงานก็ทำเต็มที่ค่ะ อย่างเปิ้ลอ่านข่าวเที่ยง ประมาณ 6 โมงเช้าจะต้องตื่นมาอัพเดทข่าว อ่านข่าวตาม Twitter อ่านหนังสือพิมพ์ออนไลน์ ดูข่าวเช้าย้อนหลัง หลังจากจบข่าวแล้วกลับบ้านก็จะหาเวลาให้ตัวเอง เช่นออกกำลังกาย ดูหนัง ฟังเพลง คือพูดง่ายๆ ว่ากลับบ้านมาจะปล่อยวางเรื่องข่าวเพื่อพักสมอง เพราะเสพข่าวทุกวันมีแต่ข่าวฆ่าแกงกันมันเครียด พอก่อนนอนค่อยเช็คข่าวอีกรอบและนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงค่ะโดยหากมีเวลาอย่างสมัยก่อนที่งาน 5 วัน เสาร์อาทิตย์ ก็จะตระเวนเที่ยวตลอดโดยเฉพาะทะเลอันดามัน แต่ตอนนี้ทำงาน 7 วัน ไม่ค่อยได้ไปไหนจึงพักผ่อนด้วยการทำกิจกรรมเบาสมองที่บ้านแทนค่ะ
ทุกครั้งที่เหนื่อย หรือ ล้า จากการทำงาน ต้องทำอะไร เพื่อให้หลุดจากความรู้สึกแบบนั้น
สำหรับบางคนอาจจะดูหนัง ฟังเพลงแต่เปิ้ลชอบออกกำลังกาย เวลาเครียดเราก็เอาความเครียดไปปลดปล่อย ใส่พลังกับการออกกำลังกายเต็มที่เลย ออกกำลังกายเสร็จพอเหนื่อยแล้วก็จะนอนหลับสบาย ไม่มีเวลามาเครียดต่อ หรือถ้าเครียดมากๆ สิ่งที่มักทำเสมอคือการโทรไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ เพราะการเป็นลูกคนเดียวจึงสนิทกันมากตั้งแต่เด็กๆ แล้วมีอะไรก็จะเล่าให้คุณพ่อคุณแม่ฟังและท่านก็คอยให้คำแนะนำดีๆ ตลอดค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี