ศรีไศล สุชาตวุฒิ หรือ หม่อมศรีไศล วรานนท์ สุชาตวุฒิ นักร้องเพลงลูกกรุง มีผลงานเพลงที่มีชื่อเสียงคือ เพลง รักข้ามขอบฟ้า, เก็บรัก, คิดจะปลูกต้นรักอีกกอ, ชั่วฟ้าดินสลาย, จงรัก ศรีไศล เป็นลูกคนที่ 8 ในจำนวน 10 คน ของนายสรร และนางถมยา สุชาตวุฒิ สมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัชศรีไศล สุชาตวุฒิ วรานนท์
ตุ้ม ศรีไศล เข้าโรงเรียนศรีอยุธยา พญาไท จนจบ ขณะที่เป็นนักเรียนมัธยมได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดร้องเพลงในงานกาชาด ที่สวนอัมพรและได้รับพระราชทานรางวัลจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เพลงที่ร้องชื่อเพลง “ดอกไม้” ประพันธ์โดย ท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ (หม่อมหลวงพวงร้อย สนิทวงศ์)
ปีต่อมาได้รับรางวัลที่หนึ่งจากการประกวดเย็บปักถักร้อยในงาน “ศิลปหัตถกรรมนักเรียน” ณโรงเรียนสวนกุหลาบ และด้วยความที่รักศิลปะ หลังจากจบการศึกษาในระดับมัธยม ศรีไศล จึงเลือกเรียนสาขาวิชาชีพไม่เลือกเข้ามหาวิทยาลัยเช่นพี่ๆ และ เข้าเรียนออกแบบตัดเย็บเสื้อผ้าจาก “สปัน” และได้รับการสอนโดยตรงจากคุณสปัน ภายหลังเมื่อจบจึงได้เริ่มทำงานกับ “สปัน” และต่อมาคุณสปันได้เปิดโรงเรียนสอนตัดเสื้อ
คุณสปันเป็นผู้ชักนำเข้าร่วมร้องเพลงในรายการ “ชรินทร์โชว์” ที่ออกอากาศทุกๆเดือนทางโทรทัศน์ช่องบางขุนพรม (ในเวลานั้น) และนั่นคือจุดเริ่มต้นของ ศรีไศล สุชาตวุฒิ
เข้าวงการเพลงด้วยความบังเอิญ
จุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณพ่อของพี่ไม่สนับสนุนให้เป็นนักร้อง เพราะว่าในสมัยนั้นอาชีพนักร้องถูกมองว่าเป็นการเต้นกินรำกิน และไม่ได้รับเกียรติอะไรมากนัก เมื่อคุณพ่อรู้ว่าไม่มีหนทางที่จะห้ามพี่เป็นนักร้องได้เลยมีการทำข้อตกลงกัน พ่อบอกว่า ลูกไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัยอย่างพี่ๆก็ไม่เป็นไร แต่ต้องไปเรียนด้านวิชาชีพควบคู่ไปกับการร้องเพลงด้วย
แล้วบังเอิญว่าส่วนตัวเรามีความชอบบวกกับชำนาญด้านเย็บปักถักร้อย จึงเลือกเรียนตัดเสื้อ ในตอนนั้นเรียนกับ “พี่เล็ก” สปัน เธียรประสิทธิ์ (ภรรยาคนแรก) ของพี่ชรินทร์ นันทนาคร โดยมีคุณอาท่านหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนกับแม่ และมีบ้านติดกับครอบครัวเธียรประสิทธิ์เป็นคนฝากให้ แล้วพี่เล็กเป็นคนที่ชอบร้องเพลงมากเลยแนะนำให้พี่ร้องเพลงด้วยเสมอ เพลงที่แนะนำคือ Can’t help loving that man จากหนังเรื่อง Show Boat พอพี่เล็กได้ฟังเสียงร้องของพี่เลยแนะนำกับพี่ชรินทร์ เลยได้ไปออกรายการ “ชรินทร์โชว์” ตั้งแต่นั้นมาพี่ก็เข้าวงการบันเทิงมาโดยปริยาย
ความรู้สึกในการขึ้นเวที “ชรินทร์โชว์”
รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยเหมือนกันนะ เพราะเป็นการออกรายการทีวีครั้งแรกของตัวเอง รู้สึกว่าจะเป็นทางช่อง 4 บางขุนพรหม รายการจะใช้วงคีตะวัฒน์ในการบรรเลงออกอากาศ ยุคนั้นมีวงที่มีชื่อเสียงและได้รับความนิยมอยู่เพียง 3 วง เท่านั้นคือ วงสุนทราภรณ์, วงคีตะวัฒน์ และวงกรรณเกษม ตอนออกรายการพี่จะยึด คุณสวลี ผกาพันธุ์ เป็นต้นแบบเสมอ
ทุกคนต่างชื่นชอบเสียงร้องเพลง
ช่วงที่เข้าวงการบันเทิงมาในระยะแรกเวลาที่ร้องเพลงให้ทุกคนฟัง ก็จะมีคนกลุ่มนึงที่ชื่นชอบเสียงของพี่ ถึงแม่ว่าจะเป็นเพียงคนกลุ่มเล็กๆ แต่ในฐานะของนักร้อง และคนที่ทำงานทางด้านนี้ พี่คิดว่ามันเป็นความสุขอย่างนึงนะที่มีคนชื่นชอบผลงานพร้อมทั้งติดตามความเคลื่อนไหวของเรา มันมีความภูมิใจอยู่ลึกๆ
บันทึกแผ่นเสียงครั้งแรก
พี่เป็นนักร้องให้วง “วงคีตะวัฒน์” ตอนที่ไปออกรายการ “ชรินทร์โชว์” ทำให้ได้โอกาสบันทึกแผ่นเสียงครั้งแรก ส่วนตัวไม่เคยลืมเลยว่าตัวเองมาจากจุดไหนนึกถึงอยู่ตลอดเวลาว่าวงคีตะวัฒน์เป็นคนทำให้เกิด และก้าวเข้ามาสู่วงการบันเทิงได้อย่างเต็มตัว เพลงแรกที่บันทึกลงแผ่นเสียงคือเพลง “ รักเอย” และ “ชั่วฟ้าดินสลาย” ของอาจารย์แมนรัตน์ ศรีกรานนท์ และก็มี “ชีวิตละคอน” เพลงรวมของอัศวินภาพยนตร์
แต่ด้วยตอนนั้นพี่เป็นนักร้องหน้าใหม่ของวงการ จึงต้องหานักร้องที่มีชื่อเสียงมากพอมาประกบในเพลงเดียวกัน อย่าง เพลง รักเอย และชั่วฟ้าดินสลาย แผ่นเสียงหน้า A ผู้ขับร้องคือ ธานินทร์ อินทรเทพ ส่วนหน้า B ถึงเป็นพี่ ตอนนั้นไม่ได้มีการน้อยใจ หรือไม่เข้าใจในวิธีการทำงานเลยนะ เพราะสมัยก่อนวิธีการให้นักร้องชื่อดังปะกบกับนักร้องหน้าใหม่ถือเป็นการตลาดที่นิยมทำกันมาก เพื่อเป็นการโปรโมทนักร้องที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว และทำให้นักร้องหน้าใหม่ได้รับความสนใจไปด้วย
ก้าวขึ้นเป็นนักร้องชั้นแนวหน้าอันดับ TOP TEN
ช่วงที่มีชื่อเสียงมากๆ คงเป็นตอนอายุ 33-34 ปี ได้ ในยุคนั้นพี่ร้องเพลงประจำใน “คอกเทลเลาจน์” ซึ่งในสมัยนั้นเพิ่งเริ่มเป็นที่นิยม พอร้องเพลงที่ “คอกเทลเลาจน์” ได้สักระยะพี่ก็เริ่มมีแฟนคลับเพิ่มมากขึ้น คิดว่าอาจเป็นเพราะเขาชื่นชมในเนื้อเสียง และลีลาการร้องของเรา พี่ตระเวนร้องเพลง 3-4แห่งในแต่ละวัน เริ่มตั้งแต่งหกโมงเย็นถึงเที่ยงคืน แห่งละ1ชั่วโมง ช่วงนั้นสถานที่ๆไปร้องเพลงก็มี โรงแรมแอมบาสเดอร์, ปี๊ปอินน์ , โรงแรมอิมพีเรียล, ทิพย์ คอกเทลเลาจน์ สยามสแควร์, โซโห เพลินจิต, มาร์โคโปโล ทองหล่อ, The Green House ทองหล่อ, Your Place สุขุมวิท33, สีทันดร ลาดพร้าว และโรงแรมแมนดาริน นอกจากการรับร้องเพลงในแต่ละวันแล้ว พี่ก็ยังมีงานบันทึกเพลง บันทึกเทปทีวี และถ่ายภาพยนต์ด้วย จึงพูดได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่มีชื่อเสียงที่สุดของพี่เลยก็ว่าได้
เปิดกิจการห้องเสื้อ
มีช่วงนึงพี่ได้ไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่นที่ “โซเอน โตเกียว” กลับมาเลยเกิดไอเดียอยากเปิดร้านของตัวเอง งานออกแบบที่ถนัดคือชุดวิวาห์และชุดราตรี มีเหล่านักร้อง,นักแสดงชื่อดังที่ชื่นชอบในฝีมือเป็นจำนวนมากเป็นลูกค้าประจำเช่น สวลี ผกาพันธ์ เพ็ญศรี พุ่มชูศรี รวงทอง ทองลั่นทม จินตนา สุขสถิต รุ่งฤดี แพ่งผ่องใส ลินจง บุญนากริน ตลอดถึงคนในและนอกวงการอีกมากมายหลายท่าน และพี่ได้ทำเสื้อประกอบภาพยนตร์ให้คุณดอกดิน กัญญามาลย์ และ “อัศวินภาพยนตร์” อีกหลายเรื่อง
จากนักร้องสู่นักแสดง
มีโอกาสได้แสดงภาพยนต์ เพราะ คุณเริงศิริ ลิมอักษร เป็นคนชักชวน พี่เห็นว่ามันเป็นโอกาสที่ดีของเราในการเริ่มต้นลองรับสิ่งใหม่ๆนอกจากการเป็นนักร้อง ภาพยนต์ที่พี่แสดงก็มีเรื่อง “เพลงรักเพื่อเธอ” แสดงกับ คุณพิศมัย วิลัยศักดิ์ และคุณสรพงษ์ ชาตรี, เรื่อง “หนามหยอกอก” กับคุณวิฑูรย์ กรุณา และเรื่อง“แก้ว” กับคุณ ทูน หิรัญทรัพย์ และ คุณลินดา ค้าธัญเจริญ
ต่อมาคุณ ภัทราวดี (ศรีไตรรัตน์) มีชูธน ได้ทาบทามให้พี่ไปแสดงละครเรื่อง“ความรัก” และ “ประชาชนชาวแฟลต”และมีเรื่องอื่นๆต่อมาอีกหลายเรื่อง เพราะงานการแสดงและร้องเพลงที่มากขึ้นทำให้ต้องหยุดกิจการเสื้อผ้าโดยสิ้นเชิง
พี่เคยได้รับคำชมจากคอลัมน์“ลัดดาซุบซิบ”ว่าเป็นนักร้องหญิงที่แต่งตัวดีที่สุดในจำนวน2-3คนในสมัยนั้น ได้รับคำวิจารณ์จากท่านผู้หญิงพวงร้อย อภัยวงศ์ ในการให้สัมภาษณ์ของท่านในนิติยสารฉบับหนึ่งว่า
“ครั้งแรกๆที่ฟังเพลงของ ศรีไศล ยังไม่ค่อยชอบเพราะเธอร้องไม่ลงกับจังหวะห้องของดนตรี (คือ ล้อกับดนตรี ไปก่อนบ้าง ตามหลังบ้าง) ” ท่านวิจารณ์ต่อว่า “แต่ฟังไปแล้วชักชอบ เพราะเป็น “สไตล” ของเขาเอง, (คือสุดท้ายก็ลงได้พร้อมดนตรี)
เรื่องราวความรักที่พลิกผัน
ตอนพี่อายุ 22 ปี ได้ตัดสินใจแต่งงานกับ “ไพบูลย์ ลีสุวัฒน์” หัวหน้าวงคีตะวัฒน์ ทั้งๆที่อายุของพี่ยังน้อยยังมีเวลาใช้ชีวิตวัยรุ่นได้อย่างสบายๆ แต่ที่ตัดสินใจแบบนั้นอาจเป็นเพราะ คุณพ่อ เนื่องจากท่านไม่ค่อยปล่อยให้เราไปไหนมาไหนตามลำพัง ทั้งๆที่อาชีพหลักของพี่คือนักร้อง แล้วต้องตะเวนไปร้องเพลงกับ วงคีตะวัฒน์ ช่วงวันศุกร์ - เสาร์ - อาทิตย์ แล้วสถานที่ร้องเพลงก็แตกต่างกันไปในแต่ละวัน ทำให้เวลาออกนอกสถานที่ต้องมี “พี่ๆ”คนใดคนหนึ่งของเราไปนั่งเฝ้าและกลับบ้านพร้อมกัน
แต่พี่เข้าใจคุณพ่อมาตลอดนะว่าสิ่งที่ท่านทำไปเพราะว่าท่านรักและเป็นห่วงเราจริงๆ ไม่เคยโกรธคุณพ่อเลยสักครั้ง และพี่ก็รักคุณพ่อคุณแม่มาก แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นแต่ลึกๆแล้วพี่ก็แอบอยากมีอิสระบาง ทำให้ตัดสินใจแต่งงานด้วยเหตุผลของความอยากเป็นอิสระมากกว่าเหตุผลอื่นๆ
ชีวิตคู่ที่ไม่ประสบความสำเร็จ
พี่เชื่อว่าสามีภรรยาเมื่อใช้ชีวิตคู่ร่วมกันแล้ว ไม่มีใครหรอกที่อยากให้ครอบครัวของเราล้มเหลว หรือแยกจากกันหรอก โดยเฉพาะพี่ที่อยู่กับ คุณไพบูลย์ มาถึง 10 ปี ถึงแม้พวกเราจะพยายามประคับประคองแล้วก็ตาม ไม่ว่าจะด้วยด้วยความผูกพัน ความรัก หรือลูกของเรา แต่เมื่อมันไม่สามารถจะกลับไปเป็นแบบเดิมได้แล้วเราก็ต้องทำใจยอมรับมันคนเราเมื่อมีพบก็ต้องมีจากทั้งจากเป็นหรือจากตาย แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องโกรธเกลียดกันไปตลอดชีวิตเพียงเพราะเราอย่าขาดจากกัน การตัดสินใจหย่าในเวลาต่อมา เป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากสำหรับครอบครัว สุชาตวุฒิ ครอบครัวของพี่หมายถึงนามสกุล สุชาตวุฒิ ไม่เคยมีประวัติการหย่าร้าง อยู่กับคู่ชีวิตจนตายกันไปข้างนึง แต่มีพี่คนเดียวที่มีความคิดอ่านผิดแปลกไปจากครอบครัวตั้งแต่เด็กแล้ว และมองทุกอย่างแบบเปิดกว้าง เลยไม่คิดว่ามันเป็นเรี่องผิดปกติ
10 ปีที่แต่งงานและการใช้ชีวิตคู่ของ ศรีไศล กับ ไพบูลย์ ลีสุวัฒน์ ต้องจบลงเมื่อตกลงแยกทางกันโดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่า2-3ปีหลังจากนั้นชีวิตของ ศรีไศล ได้พลิกผลันอย่างไม่น่าเชื่อ และในปี 2524 ศรีไศล สุชาตวุฒิ เงีบยหายไปจากวงการอย่างฉับพลันแบบที่แฟนเพลงของเธอพากันงงงัน เธออพยพไป รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เพราะเหตุผลทางครอบครัว
ปี 2527 ศรีไศล ได้สมรสกับพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช ที่ รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา และใช้ชีวืตอยู่อ่างสงบที่เมือง Calabasas ทางเหนือของแอลเอ ในระหว่างที่เธอใช้ชีวิตอย่างเป็นสุขดูแลครอบครัวที่รัก บุตร ธิดา ซึ่งกำลังอยู่ในวัยเรียน และเดินทางไปมาระหว่างแคลิฟอร์เนียและลอนดอนเพราะบุตรชายคนเล็กเรียนอยู่โรงเรียนประจำในประเทศอังกฤษปี 2533 เป็นปีแห่งการสูญเสีย “ท่านพระองค์ชาย” สิ้นชีพพิตักษัย ชีวิตของ ศรีไศล ดำเนินต่อไปกับลูกๆทั้ง 3 พิบูลศรี มัสโท นงนภา แอนเดอร์สัน และสัจจพร ลีสุวัฒน์ และหลานๆ ซึ่งปัจจุบันมีหลานยาย 3คน ศันสนีย์ (โดมินิค),อินทรีย์ (มาติน) มัสโท และ วสุ (คิลเลี่ยน) แอนเดอร์สัน อยู่ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา (ข้อมูลจากวิกีพีเดีย)
ความสุขในชีวิต
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าพี่ภูมิใจในชีวิตของตัวเองทุกๆอย่าง ได้ทำหน้าที่ทุกบทบาทในชีวิต ทั้งการเป็นลูก เป็นแม่ เป็นภรรยา และตอนนี้ก็ได้แต่เฝ้ามองลูกๆ และหลานดำเนินชีวิตของตนเอง นั่นคือความสุขทั้งหมดในชีวิตของพี่
ฝากไว้ท้ายนี้สำหรับแฟนเพลงที่คิดถึงเสียงไพเราะของนักร้องเสียงคุณภาพ ศรีไศล สุชาตวุฒิ พบการกับมาครั้งสำคัญของเธอได้ในคอนเสิร์ต "สำเริงฟัง สำราญกรุง บาย มะจัง" ที่รวมเอาศิลปินรุ่นใหญ่ต้นตำรับเพลงลูกกรุง อาทิ ดาวใจ ไพจิตร, ทิพย์วัลย์ ปิ่นภิบาล มาปะทะศิลปินหนุ่มหล่อรุ่นเล็กขวัญใจแฟนเพลงสาวๆก้อง สหรัถ สังคปรีชา, กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี, บี พีระพัฒน์ เถรว่อง ร่วมด้วยนักร้องหน้าใหม่จากเวที เดอะวอยซ์ แม็กซ์ เดอะวอยซ์ (ณัฐวุฒิ เจนมานะ) และ ปุ้ย เดอะวอยซ์ (ดวงพร พงศ์ผาสุก) ร่วมขับขานให้คุณได้สำเริงสำราญใน วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายนนี้ เวลา 14.00 น. ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี