เส้นทางสายดนตรีแม้บางคนไขว่คว้าแค่ไหนก็ยังไปไม่ถึงดวงดาว แต่บางคนแม้ไม่ได้ไขว่คว้าแต่หากชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้วย่อมเป็นไปตามพรหมลิขิต เฉกเดียวกับชีวิตของ ทิม สอนนา หรือ สุนารี ราชสีมา จากเด็กบ้านนอกลูกชาวนาคนหนึ่งที่มีใจรักในเสียงดนตรีเริ่มต้นเส้นทางจากการเป็นนักร้องประกวดเพียงเพื่อหาเงินช่วยเหลือจุนเจือครอบครัว ในขณะกำลังผิดหวังสุดขีดจากการพ่ายแพ้ในสนามประกวดร้องเพลงระดับประเทศจนสิ้นหวัง แต่กลับมีคนมองเห็นแววฉุดกำลังใจให้เธออีกครั้ง จนวันนี้เธอได้กลายเป็นนักร้องขวัญใจคนไทยทั้งประเทศที่ตราตรึงในหัวใจคนฟัง จนมีคนเรียกเธอว่า “ราชินีลูกทุ่ง” แต่เชื่อไหม คำนี้เธอปฏิเสธมาตลอด และบันเทิงแนวหน้าได้มีโอกาสเปิดใจเรื่องราวชีวิต พร้อมมรสุมครั้งใหญ่ที่มำให้เธอเกือบทิ้งชื่อ “สุนารี ราชสีมา” ไปแล้ว
เริ่มต้นเข้าประกวดร้องเพลง
“เริ่มจากที่โรงเรียนสมัยก่อนเด็กบ้านนอกกับการร้องเพลงเป็นของคู่กันไม่ได้โดดเด่นอะไร เพื่อน ๆ ก็ฟังวิทยุแล้วร้องเพลงเป็นนิสัยของเด็กแต่ไม่มีใครมาบอกว่าเราเสียงดีนะจนคุณครูคนหนึ่งย้ายมาที่บ้านเป็นคนอยุธยา ครอบครัวเขาเป็นลิเกเก่างานโรงเรียนก็จะชวนพี่ไปเล่นลิเกแกเลยได้ฟังเสียงท่านบอกเราเสียงดีทำไมไม่ไปประกวดนี่เลยเป็นจุดเริ่มเวลามีงานโรงเรียน งานวัดพี่เลยได้ไปประกวดตั้งแต่ตอนนั้นอายุราว 9-10 ปี พอประกวดชนะได้ของรางวัลเป็นของกิน ของใช้ทำให้รู้สึกว่าดีจังได้ช่วยครอบครัวด้วย ตั้งแต่นั้นมาพอมีการประกวดอะไรพี่เลยไปหมดเพราบางครั้งจะได้ตังค์ 20 บาท 100 บาท พอเรียนจบ ป.6พี่โอกาสได้เข้าไปกรุงเทพฯ ไปเป็นช่างเย็บผ้ากับพี่สาว ได้มีโอกาสฟังวิทยุเขารับสมัครประกวดร้องเพลง “ชุมทางคนเด่น” พี่เลยตัดสินใจไปสมัครเข้าประกวดโดยหวังว่าจะได้รางวัลชนะเลิศซึ่งจะได้เงิน 100,000 บาท แต่สุดท้ายได้ที่ 2 ทำให้รู้สึกผิดหวัง คิดว่าไม่เอาแล้ววาสนาเราคงไม่มี เลยตั้งใจว่าจะมาเป็นช่างเย็บผ้าไม่อยากประกวดร้องเพลงอะไรอีกแล้ว”
เมื่อโอกาสมาถึง
“วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ คุณอาประจวบ แสนสุข กับภรรยาเขาไปหาพี่ที่บ้านพี่สาวที่มีนบุรี เขาบอกว่าได้ดูรายการที่พี่ไปประกวดเขาหมายพี่เอาไว้ในใจแล้วว่าจะชวนมาทำเพลงให้ได้ แต่พี่บอกไม่ไปเพราะเราไมได้อยากดัง ไม่อยากมีชื่อเสียงที่เราประกวดร้องเพลงเพราะแค่อยากได้เงิน ในเมื่อเราได้ประกวดถึงเวทีสูงสุดในตอนนั้นแล้วแต่เราไม่ชนะ เขาถามว่าหนูอยากได้เงินช่วยพ่อแม่หรือลูก เขาเลยบอกว่าหนูรู้ไหมที่อามาหาหนูมันเป็นเงินมหาศาลยิ่งกว่าตรงนั้นอีก แต่เราปฎิเสธอย่างเดียว สุดท้ายเมื่อพี่สาวและครอบครัวเราไม่ว่าอะไรรวมทั้งญาติ ๆ อยากให้เราไปเป็นนักร้อง เลยถามคุณอาว่าถ้าหนูไปเป็นนักร้องต้องไปเป็นเมียอาด้วยหรือเปล่า เพราะเราก็พอรู้ข่าวมาบ้างว่ากว่าจะเป็นนักร้องต้องโดนปล้ำ คุณอาเลยยกพระขึ้นคอและบอกว่าถ้าอาทำแบบนั้นขอให้มีอันเป็นไป และจะรับเราเป็นลูกสาวบุญธรรม”
ที่มาของชื่อ ‘สุนารี’
“เดิมชื่อ ทิม สอนนา ตอนที่เรายังเด็กมีคุณครูมาบอกความหมายของชื่อแต่ละคนในห้อง มีเพื่อนคนหนึ่งชื่อ สุนารี ความหมายคือเป็นผู้หญิงที่ดี พี่ชอบชื่อนี้มาก พอมาเป็นชื่อเรา ทิม ความหมายประมาณถูกทิ่ม เพื่อน ๆ จะเฮแซวกันในห้อง พอมาเป็นนักร้องขึ้นประกวดตั้งแต่ ป.4 ยังใช้ทิมก่อน แต่หลังจากที่เข้ามาที่กรุงเทพ เลยใช้ สุนารี มาตลอด ส่วนนามสกุล ราชสีมา คือจังหวัดที่เกิด นครราชสีมา”
เมื่อโอกาสมาถึง
“วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อ คุณอาประจวบ แสนสุข กับภรรยาเขาไปหาพี่ที่บ้านพี่สาวที่มีนบุรีเขาบอกว่าได้ดูรายการที่พี่ไปประกวดเขาหมายพี่เอาไว้ในใจแล้วว่าจะชวนมาทำเพลงให้ได้ แต่ตอนนั้นพี่บอกไม่ไปเพราะเราไมได้อยากดัง ไม่อยากมีชื่อเสียงที่เราประกวดร้องเพลงเพราะแค่อยากได้เงิน ในเมื่อเราได้ประกวดถึงเวทีสูงสุดในตอนนั้นแล้วแต่เราไม่ชนะ ตอนนั้นเขาถามว่าหนูอยากได้เงินช่วยพ่อแม่หรือลูก เราเลยตอบว่าใช่ หนูอยากทำงานซื้อนาให้คุณพ่อคุแม่หนู เขาเลยบอกว่าหนูรู้ไหมที่อามาหาหนูมันเป็นเงินมหาศาลยิ่งกว่าตรงนั้นอีก แต่เราปฎิเสธอย่างเดียว สุดท้ายเมื่อพี่สาวและครอบครัวเราไม่ว่าอะไรรวมทั้งญาติ ๆ อยากให้เราไปเป็นนักร้อง เลยถามคุณอาว่าถ้าหนูไปเป็นนักร้องต้องไปเป็นเมียอาด้วยหรือเปล่า เพราะเราก็พอรู้ข่าวมาบ้างว่ากว่าจะเป็นนักร้องต้องโดนปล้ำ ตอนนั้นอาเขาเลยยกพระขึ้นคอและบอกว่าถ้าอาทำแบบนั้นขอให้มีปันเป็นไป และจะรับเราเป็นลูกสาวบุญธรรม ทำให้ตอนนั้นเราตัดสินใจมาอยู่กับเขา”
งานเพลงชุดแรก
“คุณอาประจวบพาเข้ามาที่บริษัทที่ทำอยู่เซ็นต์สัญญา 10 ปี และออกงานเพลงชุดแรก “ลาโคราช” ร้องแก้กับ แสงสุข แดนดำเนิน แต่กระแสออกมาไม่ดีทำให้เริ่มรู้สึกท้อ อาจด้วยความที่เรายังเด็กจริง ๆ อายุแค่ 13 – 14 ปี ไม่เข้าใจหรอกว่าการเป็นคนดังมันลำบากแค่ไหน ยังไม่เข้าใจอะไรโลก รู้แค่ว่าพอไม่ดังแล้วเหนื่อย ไม่อยากทำต่อ แต่ต้องออกงานชุดที่ 2 ชุด “กลับโคราช” มี ครูชลธี ธารทอง แต่งเพลงให้ แต่ไม่เกิดอีกจนนายห้างเรียกพี่เข้าไปแล้วบอกว่าไม่ทำแล้วและคืนสัญญาให้ แต่ด้วยที่คุณอามีสัจจะและต้องรับผิดชอบชีวิตเรา แม้ต้องออกจากบริษัทฯ มาทั้งที่บ้านต้องเช่า ช่วงหลัง ไม่มีรายได้ น้ำไฟ โดนตัด เจ้าของบ้านมาไล่เช้าไล่เย็น เรายังหน้าด้านอยู่ตอนนั้นพี่หนีกลับบ้าน 2-3 รอบ แต่ท่านก็ยังไปตามบอกหนูต้องดัง ต้องอดทน อาจะทำให้เอ็งดังให้ได้ แต่เราบอกจะดังได้อย่างไรอา ทำไป 2 ชุดยังไม่เห็นดังเลย แล้วอยู่กรุงเทพฯ มันลำบาก ไม่รู้จักใครไม่มีข้าวกินขอใครก็ไม่ได้ ไม่เหมือนอยู่บ้านนอก”
เมื่อโอกาสมาถึงอีกครั้ง
“ระหว่างนั้นคุณอาไม่หยุดนิ่งพาพี่ไปหลายบริษัทฯ ลำบากอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง จนวันหนึ่งมาเจอบริษัท ชัวร์ ออดิโอ นายห้างตัดสินใจรับพี่ไว้เขาบอกดูอยู่เหมือนกันตอนที่พี่ประกวดร้องเพลงชอบเสียงดีเลยทำให้มีงานเพลงอัลบั้ม “สุดท้ายที่กรุงเทพฯ” ออกมาแต่ก็ยังไม่ดังอาจเพราะช่วงนั้นกระแสของพี่ “ผึ้ง”พุ่มพวง ดวงจันทร์ มาแรงมากและส่วนใหญ่เป็นเพลงเร็ว แต่ของพี่เพลงช้าเลยทำให้กระแสกลบหมด ทางบริษัทฯ เลยเปลี่ยนแผนให้พี่ทำตามกระแสเปลี่ยนเป็นพลงเร็ว แต่มันไม่ใช่ตัวเราไง พอเพลงออกมาปรากฏว่ามีแฟนเพลงที่ฟังเราฟีดแบกกลับมาอย่าให้สุนารีทำเพลงเร็วเลยไม่เหมาะ ทำเพลงช้าแบบชุดแรกดีแล้วเลยทำให้ออกมาอีกชุดชื่อ “มือถือไมค์ไฟส่องหน้า” มีเพลง “กราบเท้าย่าโม” และอีกหลายเพลง ชุดนั้นราวปี พ.ศ. 2529 ตอนนั้นคุณอาเริ่มทำวงดนตรีให้พี่เดินสายทำให้เริ่มมีคนรู้จักมากขึ้นด้วย จากนั้นออกอัลบั้ม “แรงงานหัวใจ” พี่มาเริ่มดังในปี พ.ศ. 2530 แต่กระแสเรามาเรื่อย ๆ แล้ว”
แจ้งเกิดเพราะเพลง “ส้มตำ”
“ชิ่อเสียงอาจด้วยส่วนหนึ่งมาจากที่พี่ได้มีโอกาสร้องเพลงพระราชนิพนธ์ถวายสมเด็จพระเทพฯ ในเพลง “ส้มตำ” จริง ๆ เพลงนี้ต้องของพี่ผึ้งร้อง แต่พี่ไม่แน่ใจว่าด้วยเรื่องสัญญากับบริษัท หรือเรื่องสุขภาพเลยทำให้พี่ได้โอกาสร้องเพลงนี้ มันเหมือนเป็นจังหวะที่มีอะไรหลาย ๆ อย่างเข้ามาด้วยไม่ว่าจะเป็นร้องเพลงพระราชนิพนธ์ในชุด "มณีพลอยร้อยแสง" ร้องเพลงลูกกรุงเก่า ส่วนเพลงลูกทุ่งใหม่ของเราก็เริ่มมาอยู่ในช่วงที่คนเริ่มชอบ พอคนรู้จักเรามากขึ้นทำให้นักจัดรายการวิทยุไปควานหาเพลงเก่า ๆ ของพี่ตั้งแต่ชุดแรกมาเปิดตามสถานีต่าง ๆ ด้วยเลยทำให้เหมือนทุกอย่างลงตัว เป็นยุคที่ถือว่าพีคที่สุด เป็นช่วงกอบโกย”
มรสุมชีวิตที่ผิดพลาด
“มันเป็นช่วงที่พีคที่สุดตอนนั้นพี่ตัดสินใจแต่งงานตอนอายุ 36 ปี แต่ไมได้เปิดเผยเพราะสมัยนั้นคนไม่ยอมรับ เราไม่แน่ใจว่าถ้าเปิดไปมันจะดีหรือไม่ มรสุมแรกเริ่มจากที่พี่ปิดบังเรื่องการแต่งงาน เรายังไม่ได้วางแผนว่าจะมีลูก พี่กินยาคุมแต่แพ้เลยกินบ้างไม่กินบ้างผลคือทำให้เราท้องลูกคนแรก ตอนนั้นคิดว่าทำอย่างไรดีเพราะตอนแต่งงานไม่ได้เปิดเผย แต่จะบอกแค่กับคนที่ถามเราเท่านั้น พอท้องเริ่มโตขึ้นทุกคนเห็นสุดท้ายเราเลยยอมรับตกเป็นข่าวใหญ่สมัยนั้นสิ่งแรกแฟนเพลงโกรธมากพอไปขึ้นเวทีคนไม่มาดู ทำให้วงขาดทุน พี่ทำใจนะคิดและเข้าใจว่าเขาคงช็อกและเสียใจถ้าตอนนั้นเราตัดสินใจบอกทุกคนไปก็คงไม่น่าจะมีผลเสียอะไรเกิดขึ้นกับเราขนาดนี้ แต่มันตัดสินใจทำอย่างนั้นไปแล้วต้องทำใจยอมรับสภาพ แต่พอเรื่องซาไปได้สักพักท้องเริ่มโตประมาณ 7-8 เดือนแฟนเพลงเริ่มทำใจได้เขาอยากกลับมาดูเรา อยากเห็นเราว่าสุนารีท้องโตเป็นอย่างไร เหตุการณ์นั้นในที่สุดผ่านไปด้วยดี”
“แต่มรสุมยังไม่หมดชีวิตหลังแต่งมันไม่สวยหรูอย่างที่คิดตอนนั้นพี่แยกวงดนตรีจากคุณอาประจวบอออกมาทำเองด้วย ทำให้ต้องดูทั้งวงทั้งครอบครัวสุดท้ายไปไม่รอดพี่ใช้ชีวิตคู่เพียงแค่ 4 ปีกว่า ๆ มีลูก 2 คนช่วงนั้นเสียใจมากพี่ไปอยู่เมืองนอกตอนนั้นรู้สึกเหมือนครอบครังเราล้มเหลว ลูกไปอยู่กับพ่อเราไม่มีใครทำให้หมดกำลังใจ อยากไปอยู่ในสิ่งแวดล้อมใหม่ ไม่อยากอยู่กับสิ่งเดิม ๆ พี่มีวีซ่าของประเทศสหรัฐอเมริกา 10 ปี แต่ละครั้งเดินทางไปอยู่ได้ 6 เดือนเลยตัดสินใจไปอยู่กับเพื่อน เพราะเหมือนเราหมดสิ้นทุกสิ่ง พี่ตั้งใจว่าจะไปตายเอาดาบหน้าทิ้งทุกสิ่ง ทิ้งความเป็นสุนารี แต่พอไปแล้วมันไม่ใช่”
กำลังใจที่ได้รับ
“ช่วงนั้นกำลังใจที่ได้รับมาจากพ่อแม่พี่น้อง พี่คิดว่าถ้าเราเป็นอะไรขึ้นมาคงไม่มีใครเสียใจเท่าพ่อกับแม่เลยทำให้พี่ฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง อีกสิ่งหนึ่งพี่คิดว่าคนที่อยากเป็นแบบเรามีกี่ล้านคนที่ไม่มีโอกาส แต่เราอยู่ตรงนี้แล้วทำไมจะหนี เรามีต้นทุนที่เป็น สุนารี ราชสีมา เกินกว่า 50เปอร์เซ็นต์ที่จะเริ่มต้นใหม่ แต่คนอื่นที่เขาผิดพลาดบางคนไม่มีต้นทุนเลย บางคนติดลบด้วยซ้ำเขายังสู้ ทำไมเราจะไม่สู้พี่จะต้องแข็งแรงและยืนได้ด้วยตัวเอง พอคิดได้อย่างนั้นก่อนวีซ่าหมดวันหนึ่ง พี่เลยตัดสินใจกลับบ้าน เริ่มต้นชิวิตใหม่ และจะไปคุยกับเขาเรื่องขอลูกกลับมาเลี้ยง”
ตำแหน่งราชินีลูกทุ่ง
“พี่บอกเสมอไม่ว่ากับสื่อ หรือคนที่พูดพี่ขอบคุณนะ แต่พี่อยู่ตรงนี้ไม่เหมาะ พี่ได้เป็นแค่นักร้องลูกทุ่งระดับแนวหน้าคนหนึ่งก็ภูมิใจแล้ว ที่ได้อยู่ในใจแฟนเพลงตลอด แต่บางคนยังเรียกคำนำหน้าเวลาพี่ขึ้นเวทีแบบนี้มันแล้วแต่เขาที่ศรัทธาส่วนตัว แต่ตัวพี่เองพี่รู้ว่าไม่เหมาะกับคำว่า “ราชินีลูกทุ่ง” คนที่เหมาะที่สุดคือ พุ่มพวง ดวงจันทร์ วันข้างหน้าจะมีใครอีกต้องรอดูกันไป แต่ ณ วันนี้ยังไม่มีใครเหมาะสม แม้แต่ตัวพี่เองก็ไม่ใช่ พี่ยังไม่ครบ พี่ยังอยู่ในที่ของพี่เพียงแต่ตอนนี้ข้างบนยังไม่มีใครมาแทนที่พี่ผึ้งได้ พี่ไมได้ขึ้นไปไม่ว่าจะเป็นด้วยความสามารถ หรือชื่อเสียง พี่ไม่ได้ขึ้นไปอยู่ในที่ ๆ พี่ผึ้งอยู่เลย ที่ตรงนั้นยังว่าง ยังไม่มีใครขึ้นไปถึงตรงนั้นสักคนเลย เพียงแต่พี่ผึ้งจากเราไปคนเลยมองหาแล้วมองลงมาเจอพี่เป็นคนแรกแค่นั้นเอง”
การรักษาชื่อเสียง
“สิ่งนี้ยากยิ่งกว่าทำยังไงให้ดัง คนเรากว่าจะดังได้คนที่สร้างปั้นเราขึ้นมาเขาลำบากมาก ความดังประกอบด้วย ทุนโปรโมท ทุนเสียงของเรา ทุนเพลง ทุนดนตรีที่ดี ที่ประกอบหลายอย่างและส่งผลให้เรา แต่พอเราดังแล้วจะทำยังไงถึงจะรักษาชื่อเสียงตรงนี้มันขึ้นอยู่กับตัวศิลปินคนนั้น ๆ เอง หรือผู้จัดการก็สำคัญ สิ่งแรกเป็นอย่างไรต้องเป็นอย่างนั้น เสมอต้นเสมอปลาย รู้จักผู้หลักผู้ใหญ่ครูบาอาจารย์ ทำตัวเป็นธรรมชาติที่สุด กับแฟนเพลง ให้เขาเข้าใจว่าเราก็คือคน ๆ หนึ่งเหมือนกันไม่ใช่ว่ามานั่งปั้นหน้าเอาใจกันอย่างเดียว อยู่กับความเป็นจริง เรื่องรักษาเวลา ซื้อสัตย์กับหน้าที่ของตัวเองสำคัญมาก ๆ มันคือเครดิตทางสังคมของเราว่าจะมีงานต่อไปไหม และพวกพ้องต้องมี ตรงนี้สำคัญมาก เวลาเราดัง ๆ เรามีเวลาที่จะสร้างบารมีเราทำไปเถอะเสียแค่แรง ไม่ใช่พอดังแล้วไม่เอาพวกเลยเอาแต่เงินอย่างเดียว แต่พอไม่ดังตอนนั้นแหละเหมือนหมาตัวหนึ่งพวกไม่มีเลย ฉะนั้นระหว่างที่เรามีเราควรช่วยเหลือสังคมช่วยเพื่อน และต้องไม่ลืมบุญคุณคนที่ช่วยเหลือเรา เมื่อถึงเวลาชื่อเสียง ลาภยศทุกอย่างในโลกนี้ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นสัจธรรมชื่อเสียงเหมือนกัน ทุกอาชีพเป็นหมด ทำอย่างไรตอนที่ตั้งอยู่ยืนระยะให้ยาวที่สุด สุดท้ายจะดับไป เราต้องรู้จักให้สังคม พอวันหนึ่งเราเริ่มลง คนที่เขาเคยช่วยอาจขึ้นก็ได้เขาจะนึกถึงเราบ้างพี่ยึดถือการดำรงชีวิตแบบนี้ตลอดมา ทุกคนมาแต่ตัวเรามาถึงตรงนี้ดีที่สุดแล้ว เราต้องยอมรับความจริงไม่ยึดติด อยู่อย่างพอเพียง ชีวิตเราสุดท้ายเอาอะไรไปไมได้”
ฝากถึงแฟน ๆ
“ขอฝากงานเพลงของสุนารีด้วยนะคะ ตอนนี้มีอัลบั้มชุดพิเศษ “ชีวิตภาคค่ำ เพลง “กุหลาบไร้หนาม” งานละครยังไม่มีแต่ตอนนี้มีงานภาพยนตร์ “รวมพลคนลูกทุ่งเงินล้าน” ภาคต่อ จาก “มนต์เพลงลูกทุ่งเอฟเอ็ม” เมื่อ 12 ปีที่แล้ว แต่จะมีบทค่อนข้างเยอะขอฝากผลงานไว้ด้วยค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี