HOME SCHOOL นักเรียนต้องขัง เป็นซีรี่ส์วัยรุ่นลุ้นระทึกจากการสร้างสรรค์ของ GMMTV ที่เพิ่งสตรีมทาง Prime Video เมื่อ 9 มิถุนายนที่ผ่านมา จำนวน 2 ตอน โดยสามารถติดตามสองตอนใหม่ได้ทุกวันศุกร์ กับเรื่องราวการเอาตัวรอดของเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่กลายเป็นที่คุมขังจากข้อบังคับสุดโหด ถ่ายทอดเรื่องราวโดยทัพนักแสดงคุณภาพคับคั่ง “นพพล โกมารชุน,ซินดี้-สิรินยา, กัน-อรรถพันธ์, ชลัฏ ณ สงขลา, ฟิล์ม-รชานันท์, นานิ-หิรัญกฤษฎิ์, ดิว-จิรวรรตน์,เจน-รมิดา, ชิม่อน-วชิรวิชญ์, เค-เลิศสิทธิชัย, เจมี่-จุฑาพิชญ์, เลิฟ-ภัทรานิษฐ์, เอเจ-ชยพล,เจเจ-ชยกร, วิว-เบญญาภา, พริกขิง-สุรีย์ญะเรศ,อินดี้-ธนทัต, ณัฐรินภรณ์ พรหมมินทร์, โชติรส แก้วพินิจ, ปาแปง พรหมพิริยะ, โชติพิพัฒน์ สุทธิจันทร์ ฯลฯ” รังสรรค์ความตื่นเต้นเร้าใจผ่านฝีมือของผู้กำกับคนเก่ง “ขนิษฐา ขวัญอยู่”
“HOME SCHOOL” คือโรงเรียนประจําทางเลือกใหม่ที่ตั้งอยู่กลางป่าที่ห่างไกลผู้คนในทุกๆ 3 ปี จะมีการคัดเลือกนักเรียนที่มีคุณสมบัติตรงตามที่โรงเรียนต้องการ รุ่นละไม่เกิน 13 คน เพื่อเข้าศึกษาในหลักสูตรพิเศษที่ไม่มีโรงเรียนไหนเคยมีมาก่อน และเด็กทั้ง 13 คนต้องใช้ชีวิต เรียน กิน นอน และเอาตัวรอดใน HOME SCHOOL ให้ได้ตลอดระยะเวลา 3 ปี กฎข้อบังคับที่เคร่งครัด ไม่มีสิ่งอํานวยความสะดวก ไม่มีโทรศัพท์ ไม่มีอินเตอร์เนต ต้องตื่นพร้อมกัน นอนพร้อมกันกินข้าวพร้อมกัน และถ้ามีใครคนหนึ่งผิดกฎ คนที่เหลือต้องถูกรับโทษไปด้วย
วันนี้เราขอมาเจาะลึกและชวนคุยกับ นานิ-หิรัญกฤษฎิ์ (รับบท ธิเบต), เค-เลิศสิทธิชัย (รับบทฮิวโก้), เจมี่-จุฑาพิชญ์ (รับบท จริงใจ) และ เลิฟ-ภัทรานิษฐ์ (รับบท เพลง) นักแสดงนำจากซีรี่ส์เรื่องนี้กัน
แต่ละคนรับบทอะไรกันบ้างและในซีรี่ส์เรื่องนี้แตกต่างจากตัวจริงของเราแค่ไหน
นานิ : ตัวละครของผมคือ “ธิเบต” ครับ ธิเบตจะเป็นคนนิ่งๆ แต่อบอุ่นใจดี มีความอินโทรเวิร์ด ไม่ได้อยากสนใจหรือคุยกับใคร แล้วก็ไม่ได้อยากช่วยเหลือใครด้วยซ้ำ ซึ่งมันอาจจะเป็นเพราะเขาโตมากับแม่สองคน สถานการณ์บางอย่างมันบีบบังคับ เพราะว่าเราดูแลแม่มาตลอดเพราะแม่เราป่วย ธิเบตก็จะมีบางอย่างที่คล้ายกับผม เช่นเรื่องนิสัยหรือการใช้ชีวิตบางอย่าง คือผมเป็นคนพลังงานต่ำ ผมจะพูดอะไรเฉื่อยๆ แต่ว่าธิเบตในเรื่องเขาจะมีความพุ่งมากกว่าผม แต่ก็จะมีความอบอุ่นด้วย
เค : เคเล่นเป็น “ฮิวโก้” ครับ เป็นเด็กที่ทำอะไรไม่ค่อยคิด แล้วก็เอาแต่ใจ ตอนที่เริ่มเล่น พี่ฝน (ผู้กำกับ) ก็บอกผมว่าตัวละครฮิวโก้ เราสามารถออกแบบมันได้เยอะมาก เพราะเขาเป็นคนเห็นแก่ตัว มันก็เลยมีทางเลือกในการแสดงหลากหลายมาก คือมันไม่มีทางผิด แค่เอาตัวเองเป็นหลัก ก็เลยรู้สึกว่าง่ายมากในการเล่นเป็นฮิวโก้ เพราะเราไม่ต้องคำนึงถึงใคร ซึ่งมันก็ต่างจากตัวเราตรงที่โดยปกติเราเป็นคนที่ค่อนข้างคิดถึงคนอื่น
เจมี่ : ของมี่เล่นเป็น “จริงใจ” คาแร็กเตอร์เขาจะมีความต่างกับมี่ค่อนข้างมาก คือจริงใจเขามีความแข็งกระด้างมากกว่า แล้วก็จะเป็นคนใช้อารมณ์ ใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหา ซึ่งเป็นสิ่งที่ปกติมี่จะไม่ทำ ก็เลยเป็นอะไรที่ต้องไปคิดมาเหมือนกันว่าอะไรคือเหตุผลที่จะทำให้เราไปถึงจุดนั้นได้ ส่วนความเหมือน น่าจะเป็นเรื่องความคิดที่เขาเชื่อว่าผู้หญิงกับผู้ชายเท่าเทียมกัน เป็นสิ่งที่มี่รู้สึกเหมือนกัน เราก็เลยเข้าใจตัวละครนี้ในประเด็นนี้ แต่ว่าของเขาจะเป็นเวอร์ชั่นที่เอ็กซ์สตรีมไปไกลกว่า
เลิฟ : ส่วนเลิฟเล่นเป็น “เพลง” ค่ะ เพลงจะเป็นคนที่มีปมในใจ อยากได้อะไรก็จะเอาให้ได้จะมีความเป็นเด็กเก็บกด เราต้องทำการบ้านเยอะเหมือนกันว่าเด็กคนนี้เป็นคนยังไง คือเป็นตัวละครที่ไม่เหมือนเลิฟเลย ตอนแรกเลิฟก็ไม่ชอบตัวละครเพลงเลย เพราะไม่ชอบคนแบบนี้ แต่ว่าพอเราเล่นจบแล้วเราก็เข้าใจเขามากขึ้นว่าคนเราทุกคนต้องการความรัก แต่เขาไม่ได้ ก็เลยรู้สึกสงสารตัวละครนี้ค่ะ
การทำงานกับผู้กำกับ (ฝน-ขนิษฐา ขวัญอยู่) เป็นอย่างไรบ้าง
เลิฟ : การทำงานเรื่องนี้คือผู้กำกับจะแชร์คาแร็กเตอร์มาให้เราก่อนว่าตัวละครว่านิสัยเป็นยังไง แล้วเราก็ไปตีความเพิ่มว่าสิ่งไหนที่เราอาจจะปรับให้มันเข้ากับตัวเองมากขึ้น อย่างในเรื่องเพลงเป็นเด็กมีปัญหา แต่ตัวเลิฟเองไม่เคยมีประสบการณ์อะไรแบบนี้เลย แต่จริงๆ คนเราทุกคนมีด้านมืดของตัวเอง ซึ่งมันอาจจะอยู่แค่ในความคิดก็ได้ เลิฟก็ต้องลองใช้วิธีถามตัวเองดูว่า ถ้าสมมุติเราไม่ได้สิ่งที่เราต้องการ ด้านมืดของเราจะทำยังไง คือในความเป็นจริงเลิฟไม่ได้ทำอะไรแบบในเรื่องนะ แต่เราต้องจินตนาการว่าจะแสดงออกมายังไงได้บ้าง
เจมี่ : พี่ฝนผู้กำกับเขาจะให้อิสระกับเราเต็มที่ค่ะ พี่ฝนจะให้เราทำการบ้านมาแล้วลองมาขายก่อนว่า โอเค เราตีความตัวละครมาแบบนี้นะ แล้วตอนอยู่หน้าฉากที่ถ่ายทำพี่ฝนเขาก็จะมาช่วยปรับด้วยอีกที อย่างของมี่ก็ต้องทำการบ้านเยอะหน่อย เพราะว่าจริงใจเป็นตัวละครที่ค่อนข้างต่างจากมี่โดยสิ้นเชิง คือมี่จะไม่ใช่คนที่จะฟาดๆ กับคนอื่น อีกเรื่องหนึ่งคือตัวละครนี้เขามีความมั่นใจ มีความเซ็กซี่เยอะกว่าเรา ก็ต้องพยายามสวมวิญญาณ เวลาเล่นก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกัน เวลาในกองที่เราต้องใส่ความฟาดๆ หรือว่าเปลี่ยนโทนเสียงตลอดเวลา แต่ว่าสนุกค่ะ รู้สึกว่าท้าทายดี
นานิ : ส่วนของผม พี่ฝนเขาบอกว่าเขาถอดแบบตัวละครธิเบตมาจากผมเลย ซึ่งมันยากกับการที่ต้องเล่นเป็นตัวเอง คือผมไม่เข้าใจว่าการเล่นเป็นตัวเองมันเป็นยังไง (หัวเราะ) ผมเครียดไปช่วงนึงเลย มันยากมากจริงๆ ครับ ผมก็ต้องพยายามทำความเข้าใจตัวเองว่าจริงๆ เขาไม่ได้เหมือนเรา เขาก็คือธิเบต แต่แค่ว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่คล้ายกันเท่านั้นเอง
เค : ของผม สิ่งที่ท้าทายที่สุดคือการที่ต้องเล่นให้เหมือนเดิมครับ เพราะด้วยความที่พี่ฝนบอกให้ผมอิมโพรไวส์ เช่น สมมุติว่าซีนนี้ไม่มีบทให้พูด แต่อยู่ดีๆ เขาบอกว่า “เฮ้ย มันเงียบ ฮิวโก้พูดหน่อย” หรือไม่ก็ให้ทำท่าตีความตามบทหน่อย แต่ว่าแต่ละเทคผมทำไม่เหมือนเดิม ผู้กำกับก็จะแบบ “มึงเล่นให้เหมือนเดิมหน่อยดิวะ” อะไรอย่างนี้ผมก็จะลืมว่าเมื่อกี้เล่นแบบไหนแล้วนะ จำไม่ได้
‘ครั้งแรก’ ที่ทุกคนได้ทำในซีรี่ส์เรื่องนี้มีอะไรบ้าง
เจมี่ : ครั้งแรกที่ต้องลุกขึ้นมาตบคนอื่นค่ะ (ยิ้ม) เพราะจริงใจเขาจะมีความเป็นเด็กกว่าตัวละครร้ายๆ ที่เราเคยเล่น แล้วด้วยความที่ยังเด็ก อายุแค่ 16 เขาจะมีความกล้า เพราะเหมือนมันเป็นวัยที่เรารู้สึกว่าเราทำอะไรก็ได้
นานิ : เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองของผมเลยครับ ทุกอย่างก็เลยถือว่าเป็นครั้งแรก แปลกใหม่หมดเลย ไม่ว่าจะเป็นแนวเรื่อง บรรยากาศกองถ่ายทีมงาน ผู้กำกับ หรือว่าเพื่อนๆ ในกอง ก็ถือว่ายากเหมือนกันครับ คาแร็กเตอร์ก็เปลี่ยนไป จากที่เคยเล่นเป็นคนเอเนอร์จี้สูง พูดเยอะ คอยสร้างความบันเทิงให้เพื่อน ซนๆ ฟีลเหมือนฮิวโก้หน่อย แต่พอมาเรื่องนี้ ด้วยความที่ตัวละครธิเบตมันถอดแบบออกมาจากเรา แต่ว่าสุดท้ายมันก็แค่คล้าย ไม่ใช่ตัวเราอยู่ดี มันเลยค่อนข้างงง สับสน บวกกับเนื้อเรื่องมันค่อนข้างเครียดสำหรับตัวธิเบตก็เลยหนักทั้งสมอง หนักทั้งร่างกาย
เค : ของผม ไม่มีเลยครับ เพราะว่าตัวละครนิสัยแบบนี้เลยเราเคยเล่นมาประมาณ 2 เรื่องแล้ว แล้วก็เคยร่วมงานกับพี่ฝนมาแล้วด้วย ก็เลยรู้สึกว่าไม่ได้มีอะไรที่เป็นครั้งแรกขนาดนั้น
เลิฟ : ของเลิฟ คือเป็นครั้งแรกที่ถอดตัวเองจากตัวละครไม่ออก คือวันสุดท้ายที่เล่นเป็นเพลง มันเป็นวันที่หนักมาก เป็นซีนอารมณ์ทั้งวันเลย แล้วพอตื่นเช้าขึ้นมาอีกวัน ต้องไปทำอีกงานนึง อยู่ดีๆ ก็ร้องไห้ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงร้องแต่ตอนนี้โอเคแล้วค่ะ เข้าใจว่าแล้วว่าคงเป็นเพราะเราอยู่กับตัวละครนี้เยอะ เพราะอยู่กับเรื่องนี้ประมาณสามสี่เดือนเลย
ถ้าให้เลือกสลับบทบาทกับคนอื่นๆ ได้ คุณจะเลือกแสดงเป็นใคร เพราะอะไร
เจมี่ : จริงๆ ชอบหลายตัวมากเลยค่ะ ทุกคนมีเรื่องราวสนุกหมดเลย แต่ขอเลือกเป็น “มากิ” เพราะมากิเขาจะมีแบ๊กกราวนด์ที่ค่อนข้างดาร์ก ด้วยความที่เขาโตมาในบ้านเด็กกำพร้าแล้วก็ชีวิตเขาต้องต่อสู้เยอะ เรารู้สึกว่าถึงเขาจะต่อสู้มาเยอะแต่ว่าเขาก็ยังเป็นคนที่มีสติ ยังเป็นคนที่มีการใช้เหตุผลในทุกๆ อย่าง รู้สึกว่าเป็นตัวละครที่น่าสนใจอีกอย่างคือเขาจะเป็นคนที่คอยไขปริศนา ตัวละครตัวนี้ก็จะต้องใช้ความคิดตลอดเวลา
เลิฟ : เลิฟอยากเล่นเป็น “ไวท์” ค่ะ เพราะว่าเลิฟไม่เคยเล่นตัวละครที่มีเอเนอร์จี้แบบนี้ ไวท์เป็นคนแมนๆ ห้าวๆ แต่ไม่ใช่ห้าวแบบตัวละคร “ภา” (แค่เพื่อนค่ะเพื่อน) ที่เลิฟเคยเล่น แต่เป็นห้าวแบบมีเหตุผล ตรงไปตรงมา เลิฟอยากเพิ่มเอเนอร์จี้ให้ได้เท่าพี่เจน (รมิดา จีรนรภัทร) ที่เล่นเป็นไวท์ เพราะว่าพี่เจนเอเนอร์จี้เยอะมาก โดยเฉพาะในฉากที่เราต้องทำภารกิจต่างๆ
นานิ : ผมคงจะเลือกตัวละคร “เป็นหนึ่ง” ที่ชิม่อน (วชิรวิชญ์ เรืองวิวรรธน์) เล่นครับ เหตุผลหลักๆ เลยคือถ้าพูดในมุมการแสดง บทเป็นหนึ่งถือว่าท้าทายนะครับ เพราะเขาเป็นเด็กพิเศษ แล้วก็เป็นตัวละครที่น่ารัก ผมอยากรู้ว่าถ้าผมได้เล่นเป็นเป็นหนึ่ง มันจะออกมาเป็นยังไง อีกอย่างคือเป็นหนึ่งถือว่าเป็นอีกตัวละครสำคัญตรงที่ว่าเขามีสิ่งที่ช่วยเหลือเพื่อนๆ ในแบบของเขาเอง เป็นตัวละครที่ผมตัดสินใจแทนคนดูได้เลยว่ายังไงทุกคนก็ต้องรักเป็นหนึ่ง
เค : ส่วนผมอยากเป็น “มาสเตอร์ปราสาท”(รับบทโดย ชลัฏ ณ สงขลา) ครับ เพราะว่าดูโรคจิตดี (ยิ้ม) คาแร็กเตอร์เขาจะดูเป็นเหมือนไซโคพาธนิดนึง
มีฉากไหนบ้างที่รู้สึกประทับใจกันบ้าง
เค : ผมจะประทับใจพวกซีนแอ๊กชั่นเลยครับเวลาที่เราต้องแข่งขันกันในเรื่อง คือทุกคนก็มีความเห็นแก่ตัวเพราะว่าตัวเองก็อยากชนะ แล้ววิธีการที่ทุกคนแสดงความเห็นแก่ตัวออกมา ผมคิดว่ามันสนุกแล้วก็น่าตื่นเต้นดีครับ
เจมี่ : ชอบเวลาที่ทุกคนเข้าซีนด้วยกันค่ะเพราะรู้สึกว่ามันมีพลังของตัวละครที่ทุกคนมีเรื่องราวของตัวเอง มีคาแร็กเตอร์ที่ชัดเจน แล้วพอทุกคนแบกสิ่งนี้เข้ามาแล้วมันปะทะกันแล้วมันดีค่ะ รู้สึกว่ามันมีพลังแล้วก็วุ่นวายดี แต่เป็นความวุ่นวายที่สนุก มันทำให้เรารู้สึกว่าทุกคนเป็นมนุษย์ ทุกคนเป็นตัวอย่างของเด็กที่ต้องเจอปัญหาหลายๆ แบบ ซึ่งจริงๆ แล้วในสังคมเรามันก็มี แต่ว่าเรื่องราวในซีรี่ส์มันก็จะเอ็กซ์สตรีมกว่าก็เลยทำให้ทุกอย่างมันน่าสนใจค่ะ
ได้เรียนรู้อะไรบ้างจากการร่วมแสดงในโปรเจกท์นี้ และคิดว่าคนดูจะได้อะไรจากการดูซีรี่ส์เรื่องนี้
นานิ : ผมได้เยอะมากเลยครับ ทั้งในแง่ตัวละครที่เราได้เล่น เหมือนว่าพอเราได้รู้จักชีวิตของตัวละคร ก็เหมือนชีวิตเขามันสอนชีวิตเราเหมือนกัน ส่วนในแง่ของบท โรงเรียนในเรื่องก็สอนเราเหมือนกัน ซึ่งพอบทมันเป็นแบบนี้เราก็ได้เรียนไปกับบทด้วย
เค : การได้เล่นเรื่องนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าเข้าใจคนมากขึ้นครับ เพราะวิธีการที่แต่ละคนแสดงออกมา แต่ละอย่างที่เรามองว่าเป็นปัญหาของสังคม แต่จริงๆ แล้วเขาอาจจะเพราะว่าเขามีครอบครัวหรือสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นก็ได้ มันทำให้เราเข้าใจคนในมุมที่ว่าบางครั้งเขาไม่ได้อยากเป็นแบบนั้น แต่ว่าคนรอบข้างหรือสถานการณ์บางอย่างมันทำให้เขาเป็นแบบนั้น ผมรู้สึกว่าบททดสอบของโรงเรียนนี้มันตีแผ่สังคมปัจจุบัน แล้วก็ให้แง่คิดว่าทำไมเราไม่ควรทำแบบนี้ ซึ่งมันเชื่อมโยงกับชีวิตจริงในโลกภายนอกทั้งหมด ไม่ใช่แค่สังคมในโรงเรียน
เลิฟ : เลิฟรู้สึกว่าตัวละครเพลงสอนเลิฟมากๆ ในแง่ของความคิดความเข้าใจ ตอนแรกหนูไม่ชอบเพลงเลย แต่สุดท้ายก็รู้สึกว่าทุกๆ คนมีเหตุผลของตัวเองในการตัดสินใจทำอะไร ก็รู้สึกว่าเพลงให้แง่คิดกับเลิฟเยอะมาก เลิฟคิดว่าคนที่ดูน่าจะได้เข้าใจความคิดของคนมากขึ้น เพราะว่าทุกๆตัวละคร ทุกๆ ตอนมันให้แง่คิดกับเราหมดเลย
เจมี่ : รู้สึกว่าการเลี้ยงดูมันเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ ค่ะ ยิ่งสำหรับเด็กที่กำลังอยู่ในวัยที่กำลังพัฒนา เราควรจะมีความเข้าใจให้กับเด็กๆ วัยรุ่นที่บางทีเขาอาจจะทำตัวไม่ดีหรือเรียกร้องความสนใจ คิดว่าควรรับฟังแล้วก็ภูมิใจในตัวเขา คิดว่าเรื่องนี้ถ้าได้ดูกับครอบครัว มันน่าจะทำให้ผู้ปกครองมีบทสนทนากับลูกๆ ด้วย เพราะว่าเรื่องนี้มันสะท้อนให้เห็นว่าการเลี้ยงดู การคุยกันในครอบครัว การรับฟังและพยายามเข้าใจวัยรุ่นมันเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะมี่รู้สึกว่าปมของทุกคนมันก็เกิดจากครอบครัวและการเลี้ยงดูนี่แหละ
มี่คิดว่าซีรี่ส์เรื่องนี้เป็นรสชาติใหม่ของซีรี่ส์เกี่ยวกับโรงเรียนของไทยค่ะ เพราะว่าตอนที่อ่านบทมี่ก็ยังรู้สึกเลยว่า ว้าว ขนาดนี้เลยเหรอหรือบางช่วงก็จะตั้งคำถามว่า ทำไมโรงเรียนเขาถึงสอนอะไรแบบนี้นะ คิดว่าจะเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้น เซอร์ไพรส์ แล้วก็มีคำถามตลอดเวลาว่าสรุปแล้วโรงเรียนนี้ต้องการอะไรกันแน่
สรุปว่า HOME SCHOOL นี่เป็นโรงเรียนดีหรือไม่ดีกันแน่
นานิ : ต้องไปติดตามดูกันเองนะครับไม่สปอย (ยิ้ม)
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี