หลังจากที่ “Mae Stephens” (สตีเฟนส์ เม) ได้สร้างสีสันบนโลกโซเชียลด้วยเดบิวต์ซิงเกิ้ลอย่าง “If We Ever Broke Up”ที่เป็นไวรัลไปทั่วทั้งโลกโซเชียล จนจำให้เธอกลายเป็นศิลปินที่เปิดตัวซิงเกิ้ลเดบิวต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในปีนี้และมียอดสตรีมมิ่งกว่า 350ล้านสตรีม “Mae Stephens” กลับมาพร้อมซิงเกิ้ลใหม่ล่าสุด “Mr Right” ครั้งนี้ เธอยังมีโอกาสได้ร่วมงานกับไอดอลในวัยเยาว์ของเธอ อย่าง “Meghan Trainor” มาพร้อมคอนเซ็ปต์สุดคูล ผสมกลิ่นอายของดิสโก้-ป๊อป พาทุกคนไปเต้นรำในค่ำคืนแห่งซัมเมอร์นี้ ตัวเพลงเล่าถึงเด็กสาวที่สามารถเลือกทิ้งผู้ชายที่ไม่ใช่ให้ออกไปจากชีวิตและมูฟออนไปเลือกคนที่เหมาะสมกับตัวเองได้
“Meghan Trainor” กล่าวว่า “ฉันรู้สึกเป็นเกียรติมากที่มีส่วนร่วมในการทำเพลงนี้เพราะฉันเป็นแฟนคลับตัวยงของเธอ และตื่นเต้นเป็นอย่างมากตอนที่ทีมของ MaeStephens ติดต่อมาว่าเราจะได้ร่วมงานกันฉันรู้สึกเหมือนว่าเธอคือน้องสาวของฉัน เธอเหมือนเป็นศิลปินในตำนานทั้งๆ ที่อายุยังน้อยอยู่ฉันอดใจไม่ไหวแล้วที่จะให้คนทั้งโลกได้เห็นความสามารถและพลังเสียง เพราะ Mae Stephens คือผู้หญิงที่เปี่ยมไปด้วยความรักพรสวรรค์ และเธอสมควรได้รับการซัพพอร์ตจากทุกคนบนโลกนี้!”
“Mae Stephens” ยังเสริมต่อว่า “จริงๆ แล้วMeghan Trainor คือ Role Model ของฉัน! การได้มาทำงานร่วมกับเมแกนมันเหมือนกับฝันที่เป็นจริงครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ฉันได้ร่วมงานกับศิลปินชื่อดัง แต่เมแกนไม่ทำให้ฉันเกร็งแม้แต่นิดสำหรับการร่วมงานครั้งนี้! เธอเป็นคนที่ใจดี และเป็นโรลโมเดลในการทำเพลงของฉัน ขอบคุณนะเมแกน”
นับตั้งแต่เปิดตัวซิงเกิ้ล “If We Ever Broke Up” ที่เป็นไวรัลบน TikTok เมื่อต้นปีที่ผ่านมา “Mae Stephens” ก็ได้กลายเป็นป๊อปสตาร์คนใหม่ที่ร้อนแรงที่สุดในวงการเพลง โดยซิงเกิ้ลดังกล่าวมียอดสตรีมมิ่งมากกว่า 350 ล้านสตรีมจากทั่วทุกมุมโลก มียอดสตรีมมากถึง 132 ล้านครั้ง บน Spotify และมียอดวิวทั้งหมด 3.3 ล้านวิวบน YouTube ปัจจุบัน “Mae Stephens” ยังมียอดผู้ฟังมากกว่า10 ล้านคนต่อเดือน บน Spotify และแทร็กของเธอยังได้รับรางวัลยอดขายระดับ Silver ในสหราชอาณาจักร และเธอกำลังจะได้รับรางวัลยอดขายระดับ Gold ในสหรัฐฯ เร็วๆ นี้นอกจากนี้ เธอยังได้ขึ้นเล่นในงานเทศกาลระดับโลกอย่าง “Glastonbury Festival” ตามมาด้วยการเล่นเปิดให้กับศิลปินเคป๊อปชื่อดังอย่าง “BLACKPINK” และยังมีงานอื่นๆ อีกมากมายที่เธอจะได้ขึ้นแสดงในซัมเมอร์นี้
“If We Ever Broke Up” ไม่ได้สร้างไวรัลเพียงแถบตะวันตกเท่านั้น เพราะซิงเกิ้ลนี้ยังดังไกลไปถึงแถบเอเชีย จนสามารถขึ้นอันดับ 1บนชาร์ตของประเทศจีน มียอดสตรีมมากถึง 27 ล้านสตรีมต่อสัปดาห์ และยังมีกระแสต่อเนื่องไปถึงประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ จนศิลปินให้ความสนใจกับคอนเทนต์ของซิงเกิ้ลนี้มากมายทั้ง “ITZY” และ “ENHYPEN” ก็ยังร่วมทำคอนเทนต์จากซิงเกิ้ลนี้ กระทั่งนิตยสารชื่อดังอย่างNME ได้พูดถึงเพลงนี้ว่า “เนื้อหาที่มีเลศนัยทำให้เพลงของ Mae Stephens น่าสนใจมากขึ้นจากท่อน If we ever broke up, I’d never be sadด้วยเสียงทำนองที่ติดหู พร้อมจังหวะเพลงอันโดดเด่น หวนชวนให้นึกถึงเพลงอันรุ่งเรืองของ Blu DeTiger การันตีได้เลยว่ายังไงแทร็กนี้ก็ต้องดังพลุแตกอย่างแน่นอน”
ก่อนที่ “Mae Stephens” จะตื่นขึ้นและพบว่าเพลงของเธอกำลังโด่งดังไปทั่วโซเชียล เธอเคยค้นพบบางสิ่งในขณะที่กำลังทำงานที่ร้าน Asda นั่นคือการใช้เสียงดนตรีในการปลอบโยนตนเองระหว่างที่กำลังทำเพลง จนทำให้เธอเป็นนักแต่งเพลงตั้งแต่อายุ 12 ปี และเธอได้ใช้ดนตรีในการนำทางในเส้นทางชีวิตของเธอ ผ่านความยากลำบากในชีวิตวัยรุ่น การระบายความในใจของเธอผ่านบทเพลงที่สะเทือนอารมณ์จากเปียโนเก่าๆ ของย่าเธอ
“ฉันเคยเป็นเด็กที่ขี้โมโห และมันทำให้ฉันเครียดมาก โดยเฉพาะเมื่อกลับจากโรงเรียนฉันพยายามอย่างมากเพื่อหาสิ่งที่จะช่วยปลดปล่อยความเครียด นอกเหนือจากการอยู่กับพี่ชายฉันได้ลองทำสิ่งต่างๆ ทั้งเล่นยูโด สกี ขี่จักรยาน จนกระทั่งได้ลองแต่งเพลง เพียงแค่นั่งลงปิดประตูอยู่คนเดียวในห้อง มีพื้นที่ให้นั่งคิด และปลดปล่อยอารมณ์ออกมา สิ่งๆ นี้น่าจะเป็นสิ่งที่ทำให้ฉันผ่านช่วงชีวิตในวัยเรียนไปได้”
การถูกกลั่นแกล้งที่โหดร้ายในชีวิตวัยเรียนของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อเพื่อนร่วมห้องของ “Mae Stephens” พบช่อง YouTube ที่เธออัปโหลดผลงานของตัวเองลง จนทำให้ได้รับความเกลียดชังมากมาย แต่เธอก็สามารถก้าวผ่านความเลวร้ายนี้มาได้จากดนตรี และพี่ชายที่ช่วยเยียวยาจิตใจของเธอ และทำให้เธอมีความมุ่งมั่นที่จะก้าวไปข้างหน้า และพิสูจน์ให้เห็นว่าพวกเขาคิดผิดที่เคยดูถูกเธอ
ในตอนนี้ “Mae Stephens” ได้กลายเป็นศิลปิน Gen Z ที่พร้อมจะใช้เสียงของเธอเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น และใช้เสียงดนตรีเยียวยาแบบที่เธอเคยพบเจอ “เด็กๆ หลายคนน่าจะต้องพบเจอสิ่งที่เลวร้ายมากกว่าที่ฉันพบเจอมามาก และอีกหลายคนคงไม่ได้สนใจในสิ่งนี้เท่าที่ควร” เธอกล่าวต่อว่า “การได้เห็นเด็กๆ ต้องพบเจอกับเหตุการณ์เหล่านั้นโดยไม่มีใครเข้าไปดูแลเป็นสิ่งที่ฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉันจะสามารถช่วยอะไรได้”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี