กรณี “เกลิน ธัญรดี ชาญชนินท์กุล” ออกมาร้องสื่อขอความเป็นธรรม อ้างถูก “ภวิน ธนิก กมลธรานนท์” นักแสดงซีรีส์วายในสังกัดค่ายดังอย่าง GMMTV ทำร้ายร่างกายอย่างหนัก ง้างปาก บีบคอจนตาเหลือก กระทืบ 3 วันติด พร้อมดำเนินคดีถึงที่สุด ล่าสุดฝ่าย ภวิน ธนิก ได้ตั้งโต๊ะแถลง เล่าความจริงอีกมุม เรียกว่าหนังคนละม้วนเลยทีเดียว
เรื่องที่เกิดขึ้น อยากชี้แจงอย่างไร? “ต้องยอมรับว่าผมคบกับเขาจริง เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน เหตุการณ์เกิดขึ้นเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผมบอกเลิกเขาครั้งแรก เขาจะไปกระโดดระเบียง ผมได้ห้ามและยอมเขาคบต่อ ไม่เลิก หลังจากนั้น 2-3 วัน เขาก็บอกเลิกผม ผมก็ยอมเลิก เริ่มเก็บของออกจากคอนโด ระหว่างที่ผมเก็บของ เขาก็วิ่งไปหยิบเชือกเหมือนจะเอามาผูกคอ ผมได้ห้าม
หลังจากนั้นจะเป็นเหตุการณ์วันที่ 18 ก.พ./19 ก.พ. ที่เขาพูดกับผมว่าถ้าวันที่ 20 ก.พ. ผมไปทำงานแล้วกลับมาเห็นเขาไม่มีลมหายใจแล้วจะทำยังไง ผมก็กังวลตรงนี้ เลยให้เขาโทรหาโรงพยาบาลแล้วนัดว่าวันไหนจะไปกัน
เหตุการณ์มาเกิดขึ้นจริงๆ วันที่ 22 ก.พ. ผมคุยกับเพื่อน เขาไม่พอใจ ก็เลยไปหยิบเชือกมาจะผูกคอ ผมห้าม ผมเอาโทรศัพท์อัดเสียงไว้เพราะเริ่มกังวลแล้วว่าเหตุการณ์ดูบานปลายไปมากกว่านี้ หลังจากนั้นเขาจะกระโดดระเบียง ผมห้าม เลยเริ่มเกิดการทะเลาะกัน เขาก็วิ่งไปหยิบมีดมาจะแทงผม เราก็ป้องกันตัวเอง แย่งมีดจากเขาเอาไปทิ้งหน้าห้อง ระหว่างผมเดินกลับมากั้นระเบียงไม่ให้เขาออก เขาก็ไปหยิบกรรไกรมาจะแทงผม เข้ามาประชิดตัวผมเลยต้องดันเขาออกไป พอดันออกไปครั้งแรก ก็วิ่งมาอีก ผมก็เลยดันอีกแล้วแย่งกรรไกรไปทิ้งหน้าห้อง
พอทิ้งกรรไกรผมก็ตัดสินใจวิดีโอคอลหาเพื่อน ให้ช่วยคุยหน่อยเพราะรู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้วเริ่มเหนื่อย สู้เขาไม่ไหว อธิบายเหตุการณ์กับเพื่อน แล้วเอากล้องฉายไปที่ตรงที่เขาผูกเชือก บอกเพื่อนว่าเขาจะโดดตึก ผมห้ามไปแล้ว ระหว่างที่โทรเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนรู้ เขาวิ่งมาจะไปกระโดดตึก ผมรีบเอาโทรศัพท์ไว้ที่พื้น ห้ามเขา แล้วคอยเล่าเหตุการณ์ต่อว่าเขาจะทำอะไร เขาก็เดินเข้ามาตบหน้าผม พยายามแย่งโทรศัพท์ และบอกว่าถ้าไม่วางสายจะไลฟ์ไอจี ผมเลยวางสายเพื่อน
จากนั้นก็พยายามอุ้มเขาไปสงบสติอารมณ์ในห้องนอน แต่เข้าไม่ได้เพราะเก้าอี้บังอยู่ เลยอุ้มเขาเข้าห้องน้ำ แต่เขาดิ้นผมเลยเสียหลัก หลังเขาเลยไปกระแทกกับอ่างล้างหน้า เขามีอาการชัก ผมเลย CPR จนดีขึ้น แล้วพามานั่งเกลี้ยกล่อมให้กินยา ระหว่างนั้นผมมีโทรไลน์หาเพื่อนบอกสถานการณ์ เพื่อนก็เป็นห่วงทั้งคู่
พอกินยาเขาก็สงบลง แล้วบอกเขาว่าที่คบกันอยู่กลายเป็นความสัมพันธ์แบบท็อกซิก ทะเลาะครั้งต่อไปมันจะรุนแรงมากขึ้นขนาดไหน หรือจะยังไง เราเลิกกันไหม เขาตอบว่าเขาเลิกก็ได้ ผมก็ไปเก็บของ เขาก็บอกให้ผมรีบออกไป พอผมเก็บกระเป๋า เขาก็เดินไปที่ระเบียง ผมวิ่งตามไปช่วยเขา ซึ่งเขาเอาขาสอดออกไปตรงซี่ระเบียง ตอนนั้นผมไม่เห็นว่าเขาเอาขาล็อกไว้ ก็ช่วยเขาออกมา แล้วบอกให้เขาไปอาบน้ำนอน
พอเขาไปนอนและด้วยความกังวลของผม ก็เลยคิดว่าถ้าเกิดผมนอนไปแล้ว เขาทำเหมือนเขาหลับและตื่นขึ้นมาทำอะไร มันจะเกิดอะไรขึ้นไหม ผมก็เลยไม่ยอมนอน รออยู่นอกห้อง อยู่ตรงโซนนั่งเล่นจนเขาตื่น พอเขาสะดุ้งตื่นมาตอนเช้าก็เข้ามาโวยวายผมว่าทำไมไม่เข้าไปนอน ทำไมมานั่งอยู่ข้างนอกและเขาเดินออกไปที่ระเบียงอีกครั้งหนึ่ง ผมก็เลยห้ามไว้และเกลี้ยกล่อมบอกเขาไปนอนไหม และเดี๋ยวผมเข้าไปนอนด้วย เขาก็เลยตกลงเข้าไปนอน
จนเวลา 12.28 นาที แม่ผมโทรมาว่าตื่นหรือยังเพราะผมมีธุระที่บ้าน ผมก็เลยบอกว่าตื่นแล้ว ผมก็ลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟัน แล้วก็บอกเขาว่าเดี๋ยววันนี้จะเก็บของกลับบ้านนะ เพราะเรามีธุระที่บ้านนะ เขาก็ไม่ยอม มันก็เลยเกิดการทะเลาะกัน ผมก็เลยรีบเก็บของ
และในระหว่างที่ผมเก็บของ เขาก็รีบเข้ามากอดเรา ผมก็เลยรีบวางของลงบนพื้นเพราะกลัวของจะตก ช่วงระหว่างนั้นก็มีการทะเลาะกันนิดหน่อย ซึ่งเป็นการทะเลาะเถียงกันไปเถียงกันมา และเขาก็เดินไปเหยียบจอคอมพิวเตอร์เราหนึ่งจอ พอเราเห็นว่าเขามีการทำร้ายของของเราแล้ว เราก็เลยโทรแจ้งตำรวจว่า อยากจะย้ายออกจากคอนโดนะ แต่ว่าตอนนี้มีคนไม่ให้ผมย้ายออกและมีการทำลายข้าวของผมด้วย ก็เลยช่วยให้มาดูหน่อย
ซึ่งระหว่างที่คุยเขาก็มีการทำลายข้าวของของผมเพิ่มด้วย ผมก็เลยแจ้งว่าที่เกิดเหตุมันอยู่ตรงนี้ และหลังจากนั้นผมเห็นข้าวของผมแตก ผมก็เลยรีบชิ่งเก็บข้าวของออกเลย ซึ่งพอลงมาผมก็เลยโทรบอกเพื่อนว่าสถานการณ์ตอนเช้ามันเป็นยังไง มันไม่ดีแล้ว และผมก็เห็นคนมุงอยู่ข้างหน้าหน้าคอนโด ผมก็ออกไปดูว่าเขามุงอะไรกัน ซึ่งผมออกไปผมก็เลยเห็นเคสคอมถูกโยนลงมาแล้ว และผมก็ได้คุยกับพนักงานในคอนโดว่า ผมได้แจ้งความไปแล้วและเคสคอมพิวเตอร์ที่ถูกโยนลงมาเป็นแฟนผมโยนมา ซึ่งในตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่ามีคนเจ็บหรืออะไร พนักงานก็ไม่ได้บอกผม ผมก็เลยเข้าไปดูคอมแล้วก็รอตำรวจมา
พอมีตำรวจและกู้ภัยมา เขาก็ให้ผมขึ้นไปที่ห้องเขา และกู้ภัยก็มาดูว่าเขาเป็นอะไรไหมแล้วพาเขาไปโรงพยาบาล พอลงมาผมก็เลยรู้ว่ามีคนเจ็บซึ่งตอนนั้นผมได้โทรคุยกับพี่สมคิดแล้ว ซึ่งเป็นสามีของพี่รุ่ง และผมก็ได้คุยกับพี่รุ่งแล้วว่าตอนนี้อาการพี่เขาเป็นยังไงบ้าง และพี่เขาก็เลยบอกว่าได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ยังมีการไปล้างแผลทุกวันและมีการตรวจเช็คร่างกายว่าอาการเป็นยังไงบ้าง ซึ่งตรงนี้ผมก็ได้มีการคุยกับพี่รุ่งแล้ว แล้วก็มีเงินช่วยไปจำนวนหนึ่งแล้วครับ
“อีกส่วนหนึ่งก็คือส่วนของงาน จากที่ทุกคนรู้กันว่าเมื่อวานทางบริษัทมีการโพสต์แจ้งข่าวว่าผมโดนพักงาน ส่วนนี้ผมค่อนข้างกังวลมากๆ เพราะว่าที่ผ่านมาผมก็ตั้งใจทำงานตรงนี้มาโดยตลอด ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมก็เข้าใจทางค่ายเพราะว่าเหตุการณ์แบบนี้ส่งผลกระทบต่อค่ายหนัก ซึ่งในส่วนของซีรีส์ ผมก็บอกทางค่ายว่าผมจะขอถอนตัวออกจากซีรีส์ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบให้ซีรีส์เช่นกัน ผมอยากจะขอโทษค่าย ทีมงาน ผู้กำกับ รวมถึงเพื่อนๆ นักแสดงทุกคน ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็ขอโทษทุกคนที่ทำให้ได้รับผลกระทบนี้ด้วยครับ”
ในวันที่เขาไปแจ้งความ เขาบอกว่าภวินทำร้ายร่างกายเขา เราได้ทำร้ายเขาจริงมั้ย? “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆ ส่วนใหญ่มันจะเกิดจากการที่เราไปกอดหรือรั้งไม่ให้เขาทำร้ายร่างกายตัวเอง หรือในตอนที่เขาจะไปบริเวณระเบียง เหตุการณ์มันค่อนข้างชุลมุน”
วันนั้นที่สื่อไปสัมภาษณ์ เขาพูดว่าภวินกระทืบเขา เขาไม่ได้บอกว่าแค่โดนทำร้ายร่างกายเขาบอก ว่าภวินทั้งเตะ ทั้งถีบ เน้นย้ำคำว่า “กระทืบ” ภวินได้กระทำแบบนั้นจริงหรือเปล่า? “ถ้าให้ผมพูดตรงๆ ก็คือมันไม่มี เหตุการณ์ที่มีจะเป็นการที่ตัวผู้หญิงวิ่งไปที่ระเบียง เราวิ่งตาม แล้วก็รีบจับตัว รั้ง กอดเขาไว้ มีอุ้มด้วย ตัวเขาก็ดิ้น คือตัวเราเข้าไปห้าม”
ผู้หญิงบอกกับทางสื่อว่า ภวินมีการเตะเขา แล้วต่อยเข้าที่หัวเขาจริงไหม? “ไม่มีครับ”
ยืนยันว่าในเหตุการณ์นั้น สิ่งที่ภวินทำคือแค่กระชากใช่ไหม? “ใช่ครับ”
แล้วเขาทำอะไรภวินหรือเปล่า? “ผมมีบาดแผลจากมีดที่เขาถือมา เราได้บาดแผลจากการที่เราปกป้องตัวเอง เพราะว่าตอนนั้นมันก็มีการยื้อยุดฉุดกระชากกันด้วย”
ภวินได้ต่อยเข้าที่คางผู้หญิง(แฟนเก่า)ไหม เพราะเขาบอกว่าภวินต่อยคางเขา? “ไม่ได้ต่อยเลยครับ”
สำหรับภวินคิดว่าสิ่งที่ทำเราเพียงแค่จะป้องกันตัวเอง และป้องกันเขาไม่ให้เกิดอันตรายถูกไหม? “คือเราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะกระโดดจริงหรือไม่จริง แต่เราก็ต้องเข้าไปห้ามไว้ก่อน เราไม่อยากเห็นใครเสียชีวิตต่อหน้าเราอยู่แล้ว ในการที่เราช่วยเหลือเขาแล้วเราห้ามไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย แต่เขาถือมีด ถือกรรไกรมา เราก็รู้สึกว่าเราก็ต้องปกป้องตัวไม่ให้บาดเจ็บด้วย”
แสดงว่ารอยช้ำจากที่เขาโพสต์ต่างๆ มันมีคำอธิบายจากภวินได้ใช่ไหมว่าขณะนั้นเกิดอะไรขึ้น และเหตุการณ์เป็นอย่างไร? “ใช่ครับ”
อย่างหลังที่เห็นเขียวๆ ในรูปนั้นคืออะไร? “ตอนนั้นเราพยายามอุ้มเขาให้เขาสงบสติอารมณ์ ขณะนั้นผมเสียหลัก หลังเขาเลยไปโดนเข้ากับอ่างน้ำครับ”
เห็นว่าเรามีอัดคลิปเอาไว้ คือเรามั่นใจในหลักฐานว่าเราไม่ได้ทำอะไรแบบนั้นใช่ไหม? “คือจริงๆ คลิปเสียงถ้าให้พูดก็คือมันตั้งแต่ต้นเหตุการณ์เลย ตอนนั้นผมไหวตัวทัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่เราทะเลาะกันแบบนี้”
เหมือนทางนั้นก็มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วย? “เป็นภาพจากกล้องวงจรปิดข้างหน้าห้องอย่างเดียวครับ”
เขาบอกว่าเขาขาหัก อันนี้เกิดจากการที่เขาจะไปกระโดดระเบียงแล้วเขาเอาขาสอดเข้าไปอย่างที่วินเล่าไหม? “ผมคิดว่าน่าจะเป็นตรงนั้น แต่ที่ผมเห็นคือเขาก็ไม่ได้ขาหักอะไร อาจจะรู้สึกเจ็บจังหวะที่ขาเขางัดกับตัวระเบียง ไม่ได้เกิดจากผม”
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นการทะเลาะของเรามีความถี่มากน้อยแค่ไหนในระยะ 1 เดือนที่คบกัน? “จริงๆ มันเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 ผมจำได้ที่เราทะเลาะกัน ก็ไม่เชิงทะเลาะ ตอนนั้นผมบอกเลิกเขา”
เหตุที่บอกเลิกเขาตอนนั้นเพราะอะไร? “มันเป็นเรื่องที่เขาเทรดฟอเร็กซ์แล้วเสีย แล้วเขามาโทษเรา (เขาบอกว่าเราติดเกม?) ตรงที่บอกว่าเราเล่นเกมจนไม่สนใจเขา คือผมจะบอกว่าเล่นเกมกับเพื่อนมันก็ต้องใส่หูฟังเล่นแหละ แต่ผมก็มองสนใจเขาตลอด แต่พอช่วงกลางคืนเขาจะเริ่มเทรดทอง เทรดฟอเร็กซ์ พอเราคุยอะไรด้วย เขาก็จะไม่รับสารแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงบอกว่าไม่สนใจ ผมเล่นวันนึงก็ไม่ได้เยอะ เรามีประวัติการเล่นบอกหมดทุกอย่าง ผมเล่นวันนึงประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ (การเล่นเกมไม่มีผลกับความสัมพันธ์ของเรา?) ก็ไม่มีผลครับ เอาจริงคือผมเล่นเฉพาะเวลาเห็นเขาจับโทรศัพท์เทรดแล้ว ไม่งั้นก็จะนั่งอยู่ด้วยกัน หาอะไรดูไปเรื่อย”
เป็นคนใจร้อนหัวร้อนไหม? “เมื่อเด็กๆ อาจจะใช่ แต่พอโตมาเราก็คุยกับตัวเองว่าถ้าเราเล่นเกมแล้วหัวร้อนเราจะเล่นทำไม เราเล่นเกมให้มันสนุกไม่ใช่หรอ มันควรสนุกเฮฮา คลายเครียด ไม่ใช่ยิ่งเล่นยิ่งเครียด ก็ไม่ควรเล่นมัน”
ย้อนกลับไปจากเกิดเหตุวันที่ 9 ก.พ แต่เกิดเหตุในวันที่ 22 แปลว่าช่วง 10 กว่าวันระหว่างนี้ความสัมพันธ์มันน่าจะไปต่อได้? “ในช่วง 10 กว่าวันนี้ ก็มีการทะเลาะประปราย แต่ว่าส่วนใหญ่ผมจะยอมเขา เมื่อผมยอม ทุกอย่างมันก็จะจบ”
ในวันที่เขาแถลง ความรู้สึกภวินคิดว่าเป็นหนังคนละม้วนเลยไหม? “ผมรู้สึกว่ามันก็คนละม้วนแหละ แต่ว่าเราก็ฟังฝั่งเขาก่อนว่าพูดอะไรถึงเราบ้าง” (มีอะไรที่เรารู้สึกว่าไม่ใช่เลยในสิ่งที่เขาพูด?) “มีที่แบบผมไปขึ้นคร่อม กระทืบเขา ต่อยเขา ซึ่งพวกนั้นไม่รู้เลย”
เขาบอกว่าเราทะเลาะกับเขาทำร้ายร่างกาย 3 วันติด คือ 21-23? “วันที่ 21 เขาไม่พอใจผมก็เลยมีการจะผูกคอเลย ผมก็ห้ามแล้วก็มีการเกลี้ยกล่อมกัน จบ แล้วก็ไม่ได้มีการทะเลาะอะไรกันเลย 22-23 มีทะเลาะรุนแรง แต่ไม่ได้รุนแรงถึงขั้นตบตี กระทืบเลย มีแต่รั้งเขา ดึงเขาไม่ให้ไปและก็กันเขาไปที่ระเบียง (รอยต่างๆ ที่เกิดที่ตัวเขา เกิดจากการห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง?) ใช่ครับ”
จากเรื่องที่เกิดเครียดขนาดไหน? “เอาจริงๆ เครียดมาก จนแม่ถึงขั้นต้องมาเช็คอาการที่ห้องนอนตลอด ว่าเป็นไงบ้าง ถามตลอด เครียดไหม กินอะไรไหม เพราะผมก็ไม่กินอะไรเลย เก็บตัวอยู่ในห้อง แม่ก็เลยเข้ามาดูเป็นระยะๆ”
ตอนนี้คนมองภาพว่า เป็นผู้ชายที่ใช้ความรุนแรง? “จากที่ผู้หญิงออกมาพูดก็สามารถตีความเป็นแบบนั้นได้ ก็อยากบอกว่า อยากให้ทุกคนใจเย็นๆ และรอดูว่า กระบวนการทางกฎหมาย และสรุปคดีออกมาเป็นอย่างไร”
ย้อนกลับไปวันที่เราขนของออกไปไว้ที่ล็อบบี้ แล้วมีเคสคอมฯ ตกใส่ผู้บาดเจ็บ เขาบอกไม่ได้รับคำขอโทษจากเราในเวลานั้น เราเห็นมั้ยว่ามีผู้บาดเจ็บอยู่ตรงนั้นมีบาดแผลสาหัสต้องนำส่งโรงพยาบาล? “วันนั้นพอผมลงไป เคสได้หล่นลงมาเรียบร้อยแล้ว แล้วมีคนมุงคนเจ็บ ผมไม่รู้เลยว่าใครมุงอะไร เพราะว่าทุกคนยืนเป็นหน้ากระดานแล้วล้อมไว้คนเจ็บอยู่หลังหน้ากระดาน แล้วก็มุงกันเหมือนคอยช่วย ซึ่งผมออกมาจากหน้าคอนโด ผมก็เลยไม่เห็นอะไรเลยว่ามีคนเจ็บ เพิ่งมารู้ตอนลงมาอีกรอบหลังจากกู้ภัยไปช่วยเขาเข้าโรงพยาบาลแล้ว”
หลังจากเราทราบว่ามีคนเจ็บจากเหตุการณ์ที่เราทั้งคู่ทะเลาะกัน เราจัดการยังไง? “ตอนนี้ผมได้โทรหาพี่สมคิดแล้วครับ ที่เป็นสามีของพี่รุ่ง ได้มีคุยสอบถามอาการ พี่รุ่งบอกว่าออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ว่าต้องไปล้างแผลทุกวัน พี่สมคิดต้องหยุดงานเป็นคนพาไป ผมก็ให้เงินช่วยไปจำนวนหนึ่งเป็นค่ารักษา เป็นเงินของผมเอง ในส่วนของอดีตแฟน ผมไม่รู้เลย ผมไม่ได้ติดต่อเลย หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผมไม่ได้ยุ่งกันเลย แต่ผมก็รู้ตามข่าวว่าทางฝั่งนั้นเขาช่วย 15,000 บาท ฝั่งเราก็ช่วยอีกจำนวนหนึ่ง แล้วก็มีส่งกระเช้าไปครับ”
คนมองว่าเราทะเลาะกันสองคน แต่ทำไมมีคนอื่นที่เจ็บด้วย อยากบอกอะไรกับสังคม? “อยากให้ถ้าคนที่มีแฟน หรืออนาคตจะมีแฟน ต่อให้พวกคุณทะเลาะกันขนาดไหน แนะนำว่าอย่าใช้อารมณ์กันแบบนี้ดีกว่า ถ้าเกิดจะทะเลาะกัน ก็ให้คุยกันดีๆ ใช้เหตุผล”
หลังจากนี้เราจะดำเนินการกับเรื่องทั้งหมดยังไงต่อไป? “ตอนนี้ผมโดนเขาแจ้งความไว้ ก็ต้องเป็นไปตามรูปคดีก่อน ซึ่งทางตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมาหาผม ถ้าติดต่อมาผมก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่”
เราได้แจ้งความกลับมั้ย? “ตอนนี้ยังไม่มีครับ เรารอเคลียร์ไปทีละอย่างก่อน ผมไม่ได้แจ้งความ ที่ผมไปคือไปเป็นพยานที่เขาโยนเคสลงมา”
“ผมยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูดในวันนี้ ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดหน้าห้อง ต้องพูดตรงๆ ว่ามันเป็นเคสของเราด้วยที่ทางตำรวจให้เราไปเอามาเพื่อยืนยันตัวว่าเราไม่ได้อยู่ในห้องในขณะที่เขาโยนเคส”
เรามั่นใจในหลักฐานของเราว่าไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา? “มั่นใจครับ ที่ผมบอกว่าอัดเสียงตอนแรก อัดตั้งแต่เริ่มแล้วผมก็ลืมไปเลยจนเกลี้ยกล่อมเขาเสร็จ พอผมไปเข้าห้องน้ำก็เลยเพิ่งเห็นว่าโทรศัพท์อัดเสียงอยู่ ผมมีหลักฐานที่เป็นคลิปเสียง และที่วิดีโอคอลคุยกับเพื่อน เพื่อนผมอัดหน้าจอไว้”
กับความรักครั้งนี้ อะไรที่ทำให้เรารู้สึกเสียใจที่สุด? “รู้สึกเสียใจที่สุดที่เราใช้อารมณ์ เราทะเลาะกันการที่อีกฝ่ายหนึ่งพยายามคุย อีกฝ่ายใช้อารมณ์มันจบกันไม่ได้ดีๆ รู้สึกว่าถ้าเกิดมันเป็นอย่างนี้ คราวหน้าก็อาจจะเป็นเราที่หนีออกมาเลย แยกกันอยู่ไปเลย พออารมณ์เย็นค่อยกลับมาคุยกันอย่างนี้ดีกว่า”
“สถานะตอนนี้โสดครับ ผู้หญิงก็คืออดีตแฟน ถามว่ากลัวเรื่องที่ผู้หญิงจะฆ่าตัวตายมั้ย ก็มีคิดกังวล ก็กลัวอยู่นะครับ มันเป็นข่าวใหญ่กลัวว่าเขาจะทำอะไรหรือเปล่า”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี