กว่า 7 ปีบนเส้นทางบันเทิงของ “นักแสดงรุ่นใหม่” ที่มีโอกาสได้แสดงความสามารถด้านการแสดงในบทบาทต่างๆ ล่าสุดนักแสดงหนุ่มมากฝีมือ ก้าวหน้า-กิตติภัทร แก้วเจริญ กับผลงานละครเรื่องล่าสุด “รถรางเที่ยวสุดท้าย” ละครดีๆทั้งให้แง่คิดและความบันเทิง โดยความร่วมมือของไทยพีบีเอส (Thai PBS) ร่วมกับ บริษัท สตาร์ฟีนิกซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กำกับการแสดงโดย ฝุ่น-จีรภา ระวังการณ์ ซึ่งวันนี้ดำเนินเรื่องมาถึงเกือบจะถึงบทสรุปแล้ว และแฟนๆ ละครก็ให้การตอบรับเป็นอย่างดีด้วย!!!
ก้าวหน้า-กิตติภัทร ได้รับโอกาสดีให้มารับบทเด่นของเรื่องในบท “นที” คนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น ตั้งใจ อยากจะคว้าความฝันของตัวเองให้ได้ ฐานะดี แต่ก็อยากทำอะไรด้วยตัวเอง ด้วยนิสัยที่เป็นคนที่ประนีประนอมกับทุกอย่าง สามารถเข้ากับทุกคนได้ ในทุกๆ ช่วงวัย ทุกเพศ ทุกอายุ ยอมรับความคิดต่าง ความเห็นต่าง จนบางทีทำให้เขารู้สึกว่าสูญเสียความเป็นตัวเองไปในบางครั้ง!!!
ก้าวหน้า บอกว่า ด้วยคาแร็กเตอร์นี้ทำให้เขาดูโตขึ้น พร้อมบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับละครเรื่องนี้ และเส้นทางในวงการบันเทิงที่เขาจะก้าวต่อไปในอนาคต
● คาแร็กเตอร์ของ นที แตกต่างจากตัวเองอย่างไรบ้าง
“ก็คล้ายๆ กันนะครับ บางครั้ง ก้าว ก็เป็นคนที่ยอมมากๆ ในสมัยก่อน แต่ว่าพอเราโตขึ้น เราได้เรียนรู้ที่จะยอมรับความต้องการของตัวเอง ยอมรับที่จะดื้อบ้าง อย่างเช่น บางทีเรายอมให้คนอื่นเลือกของสิ่งนั้นไปก่อน แต่ในใจจริงของเรา เราอยากจะขอเลือกก่อน แต่มาตอนนี้เราได้เรียนรู้ในตัวละครแล้วมาใช้ในชีวิตจริงว่าบางครั้งเราจะยอมอย่างเดียวไม่ได้ เราอาจจะต้องเอ่ยปากบอกถึงความต้องการของตัวเองบ้าง เพื่อให้คนอื่นได้รับรู้ ซึ่งสุดท้ายแล้ว เราอาจจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งสำหรับตัวเรา และคนอื่น ไม่ใช่หาผลลัพธ์ที่ดีสำหรับคนอื่นอย่างเดียว”
● มีการดีไซน์การแสดงของตัวละคร นที ไว้อย่างไร
“ก้าวมีโอกาสได้เล่นละครกับทางไทยพีบีเอสมาแล้ว ก็เลยทำให้เราเข้าใจสไตล์ของไทยพีบีเอสอยู่บ้าง ไทยพีบีเอสเป็นสื่อสร้างสรรค์สังคม ดังนั้นพอเราได้อ่านบท เราก็จะเข้าใจง่าย แล้วเราก็คิดว่าเราอยากจะทำให้คาแร็กเตอร์ดูมีมิติมากยิ่งขึ้นก็เลยทำการบ้านหนักนิดนึง แล้วยิ่งได้มาเจอกับ พี่ฝุ่นผู้กำกับฯ ซึ่งเขาให้โอกาสมากๆ จากที่เราได้ลองซ้อมอ่านบทกันแล้ว เรามาคุยคาแร็กเตอร์กัน พี่ฝุ่นบอกเลยว่า ให้ทำการบ้านมา อยากทำอะไรให้ลองทำมาก่อน แล้วเดี๋ยวพี่จะเซฟให้ มันเลยทำให้เราได้ทดลองเป็นตัวละครจริงๆ ก้าวทำการบ้านด้วยการอ่านบทเยอะมากๆ แล้วก็วิเคราะห์บทพูดมากๆ ว่าในแต่ละคำที่ นที พูดออกมา หรือแม้แต่การพยักหน้า หรือไม่พยักหน้าหมายความว่าอย่างไร บางทีพยักหน้าเขาอาจจะไม่ได้ตอบว่าใช่ก็ได้ครับ”
● ฉากที่รู้สึกว่าเล่นยากที่สุดในมุมของนที
“น่าจะเป็นตอนที่เราเล่นเป็น อารักษ์ (นิรุตติ์ ศิริจรรยา) เป็นซีนในละครเวที ตอนที่ บริพัตร กับ มุกดา ขึ้นเครื่อง ซึ่ง 2 คนนี้ อารักษ์ สนิทและรักมากที่สุด คนหนึ่งเป็นเพื่อนรักอีกคนเป็นคนที่เขารักเมื่อจากไปแล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าจะได้เจอกันอีกไหม เหมือนโลกเขาพังครับ และซีนนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนโดนหักหลัง และเหมือนโลกนี้ไม่เหลือใครแล้วเขาต้องอยู่คนเดียว...โลกทั้งโลกพังถล่มลงมาตอนแสดงเสร็จยอมรับว่าเป็นซีนที่รู้สึกภูมิใจครับที่เล่นได้ เพราะว่าเป็นอีกซีนที่ทำการบ้านมาหนักเหมือนกัน และน่าจะเป็นจุดที่ อารักษ์ แย่ที่สุดด้วย จริงๆ พี่ฝุ่นก็ไม่ได้มาบรีฟว่าจะต้องร้องไห้หรือเปล่า เขาให้ลองเล่นก่อน ถ้าไม่เอาค่อยแก้ แต่พอเล่นไปแล้วเขาซื้อก็เลยโอเค เต็มที่ครับ ซีนนั้นเป็นซีนที่เราถ่ายคิวหลังๆ ทำให้ภาพแฟลชแบ็คที่เราถ่ายกันมาตั้งแต่ต้นเรื่องยันมาถึงตรงนี้ มันอยู่ในสต๊อกของเราแล้ว พอเราแฟลชแบ็ค สิ่งที่เราเคยถ่ายเข้ามามันทำให้เราสามารถสื่ออารมณ์นี้ออกมาได้ง่าย”
● มีเทคนิคในการเรียกน้ำตามั้ย
“ไม่รู้เหมือนกันครับ แต่จะบอกว่า ก้าวไม่สามารถกำหนดน้ำตาข้างซ้ายข้างขวาได้นะ ซึ่งพี่ฝุ่นก็ไม่ได้ซีเรียสว่าต้องน้ำตาไหลข้างซ้ายหรือขวาก็เลยปล่อยอารมณ์ออกมาเต็มที่ เป็นซีนที่อยากให้ดูกันมากๆ”
● ฟังดูเหมือนชอบบทดราม่า
“เรียกว่ามีโอกาสได้เล่นบทดราม่าบ่อยดีกว่าครับ อาจจะเป็นเพราะว่าผู้จัดฯ หรือผู้กำกับฯ เห็นซีนดราม่าจากงานเรื่องแรกที่เราเล่น แต่บทคอเมดี้ก้าวก็เคยเล่น ก็ชอบก็สนุกดีเหมือนกันครับ แต่คอเมดี้ยากกว่าอีกนะ เพราะว่ามันจะต้องมีจังหวะในการเล่น”
● ถ้างั้นมีบทที่อยากเล่นบ้างมั้ย
“ได้หมดเลยครับ ก้าวเป็นคนที่ชอบทดลองมากๆ อยากลองทำอะไรหลายๆ อย่าง กับไทยพีบีเอสอยากบอกเลยว่าเป็นช่องที่ให้โอกาสก้าวได้ทำหลายอย่างมาก เรื่องที่แล้วไปพายเรือ ก้าวคิดว่าก้าวไม่มีโอกาสถ้าไม่ได้เล่นละครเรื่องนี้ก็คงไม่มีโอกาสไปพายเรือ 30 ฝีพายกับคนแข่งเรือพายจริงๆ ที่จังหวัดน่าน อย่างเรื่องนี้เราก็ได้มาเจอกับ อาหนิง-นิรุตติ์ กับ อาหมู-สมภพ เป็นโอกาสยากมากๆ ที่เราจะได้เจอกับนักแสดงรุ่นใหญ่และเก่งขนาดนี้ แล้วอาหนิงกับอาหมูคือจะคอยสอนเราตลอด อาหนิงกับอาหมูจะเป็นคนที่ไดนามิคดีมาก การเล่นของเขาจะมีจังหวะที่เป็นเอกลักษณ์ น้ำเสียง การผ่อนเสียงหนักเบา แล้วก็เรื่องของอารมณ์ อาเก่งมาก ก้าวก็อยากจะเล่นให้เก่งได้อย่างอาครับ ก็มีแอบดูการเล่นของอาเหมือนกัน เพราะว่าเราจะต้องเล่นเป็น อารักษ์ ตลอดเวลาที่เล่นกับอา ก้าวก็แอบสังเกตว่าอาเล่นยังไง คำพูดติดปากของอาหนิงด้วยครับ ก้าวรู้สึกว่าโชคดีมากเลยครับที่ได้ร่วมงานกับทั้งสองท่านแล้วละครเรื่องนี้ก็ยังทำให้ความคิดของก้าวเติบโตด้วย รู้สึกว่าตัวเองโชคดีที่มีโอกาสมาเล่นละครเรื่องนี้”
● แล้วการร่วมงานกับตังตังและปอนด์ ซึ่งเป็นนักแสดงในรุ่นๆ เดียวกัน
“ก้าวเคยร่วมงานกับพี่ตังตัง ในละครเรื่องต้นไม้น้อยใหญ่ เป็นละครสั้น 1 ตอน ในเซต เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระพันปีหลวง ของไทยพีบีเอสคือเราก็สนิทกันมาจากเรื่องนั้นแล้ว พอมีเรื่องนี้ติดต่อเข้ามา แล้วรู้ว่าพี่ตังตังเล่น ก็รู้สึกดีใจครับได้เจอกันอีกครั้ง นั่งคุยนั่งเม้าท์กัน ส่วนปอนด์ได้มาเจอกันเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก ตอนแรกก็เกร็งๆ แต่ว่าพอได้มาทำงานด้วยกันแล้วรู้สึกว่าเราคล้ายกันมาก แปลกมากคือก้าวเลี้ยงแมว แต่ปอนด์เลี้ยงหมา แต่ว่าชื่อ เปโซ เหมือนกัน สุดท้ายก็สนิทกันครับ”
● ละครเรื่องนี้เป็นเรื่องราวของคน 2 วัย มีความรู้สึกอย่างไรกับคน 2 วัย
“ก้าวรู้สึกว่าเราจะอยู่ด้วยกันในสังคมนี้ด้วยความเข้าใจกัน เห็นต่างได้แต่ว่าต้องเข้าใจกันครับ เหมือนว่าทุกคนมีความคิดหรือว่ามีทัศนคติเป็นของตัวเองได้ แต่สุดท้ายแล้ว ก้าวคิดว่าเราต้องมีความเข้าใจกันความเห็นอกเห็นใจกัน และความโอบอ้อมอารีมันจึงจะสามารถจูนเข้าหากันได้นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สังคมไทยกำลังเป็นปัญหาปัญหาที่คนต่างวัยไม่เข้าใจกัน ก้าวคิดว่าเราสามารถพูดคุยกันด้วยความเข้าใจ และเปิดใจทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่แค่เด็กที่จะต้องเปิดใจเข้าหาผู้ใหญ่ หรือว่าผู้ใหญ่ที่เปิดใจเข้าหาเด็ก แต่ว่าเราควรจะเปิดใจเข้าหากันอย่างจริงจังและจริงใจ”
● ในเรื่องนี้จะมีการแต่งตัวพีเรียดด้วย เป็นละครซ้อนละครรู้สึกอย่างไรบ้างกับลุคนั้น
“ก็ชอบนะครับ ได้ใส่วิก แต่ว่าวิกอันนั้นร้อนมากเพราะว่าผมจะต้องยาวมาปิดถึงต้นคอก็เลยค่อนข้างที่จะร้อนนิดนึง แต่ว่าน่ารักก็ชอบครับ พี่ๆ บอกว่าเหมือน เจอร์รี่ F4 แต่ในเรื่องเรารับบทเป็น อาหนิงตอนหนุ่มครับ ไม่รู้ว่าเหมือนหรือเปล่านะครับ”
● คนดูจะได้อะไรจากการชมละครเรื่องนี้
“คนดูจะได้ความเข้าใจในความแตกต่างของช่วงวัย ก้าวว่าการพูดคุยกันด้วยเหตุผล และการยอมรับความแตกต่างเป็นสิ่งที่สำคัญมากในสังคมไทยและในทุกๆ สังคมเลย เราหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะเจอคนต่างวัยต่างเพศต่างเชื้อชาติต่างศาสนา แต่ว่าเราเลือกที่จะยอมรับซึ่งกันและกันอยู่ด้วยกันด้วยความเข้าใจและเห็นอกเห็นใจกัน นี่เป็นสิ่งที่ก้าวอยากให้มันเกิดขึ้น คิดว่าถ้าทุกคนเข้าใจกันและยอมรับในความแตกต่างสันติภาพมันเกิดแน่นอน”
● รู้มาว่าก้าวมีความสามารถในการเล่นโขนได้ด้วย
“ใช่ครับ หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าก้าวสามารถเล่นโขนได้ รำได้ ก้าวได้มีโอกาสเรียนโขนมาตั้งแต่เด็กๆ แต่พอเข้ามากรุงเทพฯ ไม่ได้มีโอกาสได้เล่นไม่ได้ไปรื้อฟื้นความรู้เก่าๆ ถ้ามีโอกาสที่ทางไทยพีบีเอสได้ทำละครเกี่ยวกับโขน แล้วถ้าก้าว ได้เล่นก็น่าจะเป็นโอกาสดีที่จะได้กลับมารำอีกครั้งครับ”
● อยากฝากทิ้งท้ายอะไรมั้ย
“ก้าวก็ขอฝากละครเรื่อง รถรางเที่ยวสุดท้าย ด้วยนะครับ พวกเรานักแสดงและทีมงาน รวมทั้งผู้จัดไทยพีบีเอส และบริษัท สตาร์ฟีนิกซ์ (ประเทศไทย)จำกัด เราตั้งใจ ทุ่มเทกับละครเรื่องนี้มาก ฉากก็อลังการ ก้าวเชื่อว่าทุกคนที่ชมละครเรื่องนี้จะได้ข้อคิดและอะไรดีๆ กลับไปจากละครเรื่องนี้เยอะมากๆ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี