น้ำตาแตกกันไปเลยสำหรับ “พลอยชมพู” ในวันถ่ายเอ็มวีเพลง “TIMELINE” เพราะเป็นเอ็มวีที่พลอยชมพูหยิบยกเอาเรื่องราวของชีวิตตัวเองช่วงที่เจอมรสุมถาโถมอย่างหนักมาถ่ายทอดเป็นเอ็มวีเพลงนี้ โดย “พลอยชมพู” เล่าว่า

“เรื่องราวในเอ็มนี้จะตีความฉีกจากตัวเพลงตรงที่ว่าเราต้องการเล่าเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของเราเองตอนที่เราอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวในต่างประเทศจนสุขภาพจิตเริ่มแย่ ต้องไปพบจิตแพทย์ในชีวิตจริง แต่ในอ็มวีเราเลยให้เลซี่ล็อกซี้มาเป็นตัวแทนของหมอที่เราไปปรึกษาที่มาทำให้เราเริ่มเข้าใจและลุกขึ้นมาสู้ใหม่ค่ะตอนถ่ายทำก็ร้องไห้ทั้งเอ็มวีค่ะ5555 ถ่ายซีนร้องไห้ตั้งแต่เช้ายันเย็น ด้วยความที่เอ็มวีนี้เราอยากจะเล่าเรื่องราวของเราเองที่เราต้องอยู่ต่างประเทศคนเดียวเกือบปี เป็นช่วงเวลาที่แย่ที่สุดในชีวิตที่ทำให้เราเริ่มหมดหวังในตัวเอง คิดสั้นเพราะไม่รู้ชีวิตจะไปยังไงต่อ และเหมือนทุกคนที่เรารักเขาดูใช้ชีวิตอย่างมีความสุขโดยที่ไม่มีเรา เราก็ได้แต่มองเขาผ่านหน้าจอแต่ไม่สามารถเป็นส่วนหนึ่งของความสุขเขาได้ เลยเป็นแรงบันดาลใจของเอ็มวีนี้ค่ะ

ซีนที่ชอบที่สุดสุดคิอซีนฉายโปรเจคเตอร์ค่ะ เป็นซีนที่ตื่นเต้นมากที่สุดแล้วเพราะเป็นซีนอารมณ์ที่เราจะต้องย้อนกลับไปดูวีดีโอตัวเองตอนเด็กๆ ซึ่งเป็นฟุตเทจที่หนูเองก็ไม่เคยได้เห็นมาก่อนเหมือนกัน เพราะคลิปมันเก่ามากสมัยทุกอย่างยังเป็นเทปเป็นแผ่นซีดีอยู่ พอได้ดูก็น้ำตาแตกเพราะมันทำให้นึกถึงเรื่องราวในวัยเด็ก เราเริ่มต้นมายังไง กว่าจะโตต่อสู้กับเรื่องราวมามากมาย เรายังมีคนสองคนคือพ่อแม่คอยอยู่เคียงข้างเรามาตลอด มันก็เลยกลายเป็นซีนที่ชอบมากที่สุดไปเลย

ส่วนเสื้อผ้าหน้าในเอ็มวี เราอยากให้ลุคในเพลงนี้ดูมีความธรรมชาติมากขึ้นแต่ยังแฟชั่นอยู่ เราเลยพยายามตีโจทย์ให้ดู simple แต่ยังคงเป็นความตัวเอง และพยายามใช้เสื้อผ้าและเมคอัพในการสื่อความรู้สึกในแต่ละซีนของเอ็มวีด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชุดขาวที่สื่อถึงความซึมเศร้า การใส่กำไลข้อเท้าต้องการสื่อถึงการถูกจำกัดอิสระ ผสมทั้งความหวานละมุน พั้งค์หน่อยๆ และแอบมีความแฟนตาซีนิดๆ ค่ะก็ขอฝากเอ็มวีเพลง Timeline ไว้ด้วยนะคะหนูทุ่มเทมากๆ ทำแทบทุกอย่างทุกขั้นตอนเองเริ่มตั้งแต่เรื่องของการคุยคอนเซ็ปต์ ประสานจัดการหา material ในการถ่าย การจัดการงบ รวมถึงการโปรโมทเพลง จัดการหลังบ้านทำคอนเทนต์ เหมือน 10 ตำแหน่งที่ค่ายทำมันมารวมอยู่ที่หนูคนเดียวซึ่งก็ทำให้เรารู้สึกกดดันและเหนื่อยเหมือนกัน แต่ไหนๆ ได้กลับมามีโอกาสปล่อยเพลงเหมือนๆ ศิลปินคนอื่นแล้วเราก็อยากจะทำให้มันเต็มที่ที่สุดค่ะ หนูทุ่มเทและรู้สึกภูมิใจมากๆ และหวังว่ามันจะทำให้เราได้รู้จักกันมากขึ้นด้วยค่ะ