เรียกได้ว่าเป็นการกลับมาทวงบัลลังก์อย่างสวยงาม สำหรับ POPPY C. (ชัชชญาส่งเจริญ) หรือ ป๊อปปี้ วง 3.2.1ที่หวนคืนวงการเพลงด้วยการประกาศตัวศิลปินหญิงเดี่ยวเบอร์แรกของค่าย RABBIT MOON ภายใต้การดูแลของ เมธวิน อังคทะวานิช CEO บริษัท แรบบิท มูน คอร์ปอเรชั่น จำกัด พร้อมซิงเกิ้ลใหม่ Try Me (ลองดู) สไตล์ POP R&B ที่กระแสตอบแรงจนเจ้าตัวยิ้มปลื้ม งานนี้ชีวิตจริงลัคกี้อินเกมแอนด์ลัคกี้อินเลิฟ เพราะความรักครั้งกับรุ่นพี่ก็สดใสจนหลายคนอิจฉา
“เป็นความรักที่มีแต่ความรู้สึกสบายใจมากๆ ค่ะ เราคือคนที่เต็มที่กับความรักมากๆ กันทั้งคู่ และให้ความสำคัญกับคนที่เรารักเสมอ จากความผิดหวังในความรักที่ผ่านมา ทำให้เรากลัวการเริ่มต้นใหม่ กลัวความผิดหวัง โดนหักหลัง และกลัวเสียใจมากๆ แต่พอได้มารู้จักกัน เราใช้เวลาค่อยๆ เปิดใจ รักอย่างมีสติ บาลานซ์ความสัมพันธ์ดีๆ ให้เกียรติ เรียนรู้ และปรับตัวเข้าหากันจนวันนี้ เราซัพพอร์ตกันในทุกเส้นทางของชีวิต ไม่ว่าเราหรือเค้าจะทำอะไร ก็จะคอยอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจกันเสมอ อย่างเส้นทางครั้งนี้ในการกลับมาเป็นศิลปินของป๊อปปี้พี่เค้าก็คอยซัพพอร์ตตั้งแต่ก้าวแรกจนวันนี้เลยค่ะ สำหรับรักครั้งนี้คบกันมาประมาณ 1 ปีกว่าๆ อายุห่างกันประมาณ 10 ปีค่ะ เป็นความพอดีที่ลงตัวมากๆ เรา 2 คน ผ่านประสบการณ์ความรักทั้งสมหวังและผิดหวังกันมาทั้งคู่ จนตอนนี้ที่มาเจอกัน เราเรียนรู้จากความผิดหวังต่างๆ ที่ผ่านมา ทำให้เรามีมุมมองความรักที่อยู่บนความเป็นจริง และให้เกียรติซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีเลยค่ะ เรื่องอนาคต เคยถามกันว่า ถ้าเรามองถึงอนาคต เราตั้งใจวางแผนเรื่องความมั่นคงในชีวิตของเราทั้งคู่ก่อน แล้วถึงวันที่เราพร้อม หนูเชื่อว่าเราจะสามารถอยู่ดูแลกันได้เป็นคู่ชีวิตที่ดีต่อกัน อาจจะอีก 3-4 ปี ค่อยๆ อยู่ดูแลกันไป เราจะเป็นคู่ชีวิตที่ดีของกันและกัน เราคุยกันตลอดว่า ความรักไม่ใช่แค่เรื่องของคน 2 คน เราเลยมองภาพกว้างมากๆ ทั้งครอบครัว คนรอบตัวพี่เค้าและคนรอบตัวที่สำคัญมากๆในชีวิตเรา เราให้เกียรติและใช้ทุกๆวันเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความตั้งใจรักของเรา 2 คนจริงๆ ณ วันนี้ สมรสเท่าเทียมได้เกิดขึ้นแล้ว กฎหมายรองรับ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆสำหรับทุกๆ คู่ LGBTQIA+ เราได้แสดงถึงความเท่าเทียมในสังคม ทำให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่มากๆ หนูในฐานะคู่รักอีก1คู่ รู้สึกภูมิใจในความรักที่ไม่มีการแบ่งแยก เป็นความรักที่บริสุทธิ์ ไม่ว่าเราจะเป็นใคร เพศไหน ทุกคนเท่าเทียมกันจริงๆ ทำให้เราได้มองถึงอนาคตร่วมกันอย่างจริงจัง ด้วยความมั่นใจ และมั่นคงมากยิ่งขึ้น ถ้ามีโอกาสได้แต่งงาน หนูถือว่า เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน ในฐานะคนรัก คู่ชีวิต และการให้เกียรติคนในครอบครัวของเราทั้งคู่เช่นกัน แต่สุดท้ายแล้ว การแต่งงาน ก็ไม่ใช่ตัวการันตีถึงชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ เพราะการมีคู่ชีวิตที่จะอยู่ด้วยกันไปตลอด ขึ้นอยู่กับการประคับประคองความสัมพันธ์ของคน 2 คน ว่าจะจับมือกันผ่านอุปสรรคต่างๆ ไปได้ไหม ไม่ว่าจะผ่านเรื่องดีหรือร้ายในชีวิต จะยังอยู่เป็นความสุขของกันและกันไหมมากกว่า หนูเชื่อว่า สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่เป็นห่วงมากที่สุด คือการที่เราจะมีคู่ครองในชีวิตที่รัก ซื่อสัตย์ ให้เกียรติ และสามารถดูแลเราต่อไปในอนาคต ถ้าลูกมีความสุขและมั่นคงจริงๆ คนเป็นพ่อเป็นแม่ก็จะหมดห่วงค่ะการสมรสเท่าเทียมดีมากเลยค่ะ มันเป็นส่วนที่สำคัญมากๆ สำหรับทุกๆ คู่รัก และแสดงถึงความเท่าเทียมและเปิดกว้างของสังคมไทยเราได้ดีมาก ดีใจกับทุกๆคนมากจริงๆ ค่ะ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี