คำถาม: ในที่สุดก็ได้เวลาแล้วที่จะทำภาคต่อของหนังที่หลายคนหลงรักอย่างBeetlejuice ทั้งหมดนี้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้อย่างไรครับ
ทิม เบอร์ตัน:ผมทำงานกับอัล [กอฟ] และไมล์ส [มิลลาร์] ในWednesdayก็เลยรู้จักพวกเขาเป็นอย่างดี ดีมากเลยนะเพราะพวกเขาถนัดในการทำงานร่วมกัน และผมก็ทำหนังเรื่องนี้โดยใช้แนวทางคล้ายกับในภาคแรก ซึ่งก็คือเรามีบทอยู่แล้ว แต่เราก็ทำงานกับนักแสดงที่ด้นสดได้เก่งหลายคนเลย ผมได้เรียนรู้ว่านั่นคือส่วนหนึ่งของความสนุกในหนังภาคแรกซึ่งมีแนวทางการทำงานกันแบบหลวมๆ เราแก้ไขบทไปด้วยขณะถ่ายทำและพึ่งพานักแสดงสมทบที่รับบทได้หลากหลายมาช่วยเพิ่มสีสันให้บทพูด ภาคนี้ก็มีแนวทางคล้ายกันอยู่ เราพยายามย้อนกลับไปหาความสนุกจากการทำหนังภาคแรกโดยไม่คิดมากจนเกินไป ทุกคนมีส่วนช่วยสร้างตัวละครของตัวเอง ก็เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นครับที่เราได้กลับไปทำงานตามแบบฉบับของหนังภาคแรก
คำถาม: คุณช่วยเกริ่นนำเรื่องราวในภาคนี้ได้ไหมครับ
ทิม เบอร์ตัน:คุณถามผิดคนแล้วล่ะ [หัวเราะ] ผมเป็นคนกำกับนะ คือมันเป็นการย้อนกลับไปหาครอบครัวดีทซ์ในอีก 35 ปีต่อมาแล้วดูว่าพวกเขาเป็นยังไงกันบ้าง มีบางอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวนี้ที่นำไปสู่เหตุการณ์ต่างๆ ตามมา แต่หลักๆ คือมันเป็นการย้อนกลับมาดูว่าตัวละครเป็นอย่างไรกันบ้างในตอนนี้
คำถาม: ตัวละครบีเทิลจู๊ดส์มีอายุยาวนานหลายร้อยปีเขาได้เปลี่ยนแปลงไปบ้างไหมในช่วงเวลาสั้นๆ ที่ผ่านมานี้เมื่อเทียบกับอายุของเขา
ทิม เบอร์ตัน:ตัวละครบีเทิลจู๊ดส์ไม่ค่อยมีพัฒนาการหรือการเติบโตอะไรหรอกครับ เขาก็เป็นเขาเหมือนอย่างเคยนั่นแหละ เราจะเปิดเผยบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ไม่ได้บอกไว้ในภาคแรก แต่เขาก็เป็นตัวละครที่ประหลาดมากอยู่แล้ว นี่แหละเป็นเหตุผลที่ผมชอบกลับมาหาเรื่องนี้ เพราะมันแตกต่างออกไปเล็กน้อยและมีกฎเกณฑ์ในแบบของมันเอง ซึ่งผมชอบนะ
คำถาม: ตัวละครบีเทิลจู๊ดส์ฝังอยู่ในวัฒนธรรมป๊อปของเรา และหนังเรื่องนี้ก็ถ่ายทอดจินตนาการและวิสัยทัศน์ของคุณออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมการสร้างวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงในครั้งนี้ต้องอาศัยอะไรบ้าง
ทิม เบอร์ตัน:เรามีส่วนที่เป็นการรำลึกถึงหนังภาคแรกอยู่บ้างครับ โบ เวลช์เป็นผู้ออกแบบงานสร้างในภาคนั้น และในภาคนี้ผมก็ได้ทำงานกับ [ผู้ออกแบบงานสร้าง] มาร์ค สครูตันที่ผมทำงานด้วยในWednesdayมีแง่มุมบางส่วนที่ผมจะเรียกว่าเป็น “ส่วนหนึ่งของโลกใบนั้น” ยกเว้นบ้านซึ่งเป็นของใหม่ทั้งหมด มีบางฉากที่คล้ายกับของเก่าเพราะมันอยู่ในโลกใบเดียวกัน เราขยายมันออกไปเล็กน้อยแต่ก็ไม่อยากขยายมากจนเกินไป เราสร้างฉากทั้งหมดขึ้นมาเพราะฉะนั้นมันจึงขยายใหญ่ขึ้นแต่ก็ไม่ขยายมากเกินไป และอย่างที่บอก ทั้งหมดนี้อยู่ในแนวทางแบบหลวมๆ ที่เน้นความเป็นธรรมชาติและการด้นสด ทุกคนได้พัฒนาตัวละครของตัวเองและเข้าถึงบทไปพร้อมกัน
คำถาม: คุณสนับสนุนให้ทีมนักแสดงที่ถนัดด้านงานคอเมดีได้ด้นสดด้วยหรือเปล่าครับ
ทิม เบอร์ตัน:ในเรื่องนี้จะเน้นเป็นพิเศษเลยครับ ทุกคนตั้งแต่ไมเคิล แคทเธอรีน วิโนนา เจนนา จัสติน วิลเลม โมนิกา ทุกคนได้มีส่วนร่วมหมดและผมก็ชอบนะ บทหนังเป็นเหมือนพิมพ์เขียวที่เรามีเอาไว้ จะได้ไม่ต้องมาคิดว่า “เอ๊ะ ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นนะ” มันก็ทำให้ผมนึกถึงภาคแรก ถ้าคุณลองอ่านบทของภาคนั้นแล้วมาดูบทพูดสุดท้ายที่ออกมา คุณจะเห็นว่ามันแตกต่างกันเลยมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เพิ่มเข้ามาและในภาคนี้ก็เหมือนกัน มันแทบจะเหมือนการทำหนังแอนิเมชันตรงที่ว่ามีหลายคนเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์บทขึ้นมา
คำถาม: ในวินเทอร์ ริเวอร์ เวลาก็ผ่านไป 35 ปีแล้วเช่นกัน คุณต้องกลับไปยังเมืองเดิมในเวอร์มอนต์ที่คุณใช้ถ่ายทำเมื่อคราวที่แล้ว ประสบการณ์นั้นเป็นอย่างไรบ้างครับ
ทิม เบอร์ตัน:การกลับไปเวอร์มอนต์เป็นเรื่องน่าสนใจมากเพราะเราสงสัยกันมาตลอดว่า “มันเป็นยังไงนะ มันถูกสร้างใหม่หมดเลยรึเปล่า” แต่ก็น่าแปลกที่มันแทบจะเหมือนเดิมเลยครับ ประหลาดดีนะ คุณคงไม่คิดว่า “เวลาผ่านไป 35 ปีแล้ว” คุณน่าจะคิดว่า “อ้อ เรามาที่นี่เมื่อสัปดาห์ที่แล้วนี่นา” มันแปลกมากๆ เลยล่ะ แต่ก็นั่นแหละ เป็นเพราะว่าบรรยากาศมันเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว สถานที่นั้นเป็นเหมือนตัวละครตัวหนึ่งทั้งในภาคเก่าและภาคนี้ มันเหมือนการได้กลับไปทำงานกับคนที่เราคุ้ยเคยอีกครั้ง การกลับไปที่นั่นชวนให้ซาบซึ้งใจอยู่นะ การกลับไปสัมผัสที่นั่นมันช่วยเติมเต็มบางอย่างให้ผม
คำถาม: ทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับBeetlejuice, Beetlejuiceมักจะให้ความเห็นคล้ายๆ กันว่าพวกเขาสนุกกันมากกับการทำหนังเรื่องนี้ แล้วคุณล่ะครับ
ทิม เบอร์ตัน: ไอเดียเรื่องความสนุกของคนเราอาจจะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงก็ได้นะ ไอเดียเรื่องความสนุกของผมอาจจะแตกต่างจากคนอื่นก็ได้ แต่ผมบอกได้ว่า “ใช่ ผมสนุกนะ” ถือเป็นประสบการณ์ครั้งหนึ่งที่น่าพึงพอใจที่สุดตลอดเวลาที่ผ่านมายาวนานเลยแหละ หลังจากทำงานในวงการนี้มาหลายปีจนกระทั่งผมหันเหความสนใจไปบ้าง หรืออาจจะไม่ได้สนใจวงการมากขนาดนั้นแล้ว แต่หนังเรื่องนี้นำผมกลับไปหาสิ่งที่ผมรักซึ่งก็คือการทำหนัง เราผลักเรื่องธุรกิจออกไปก่อนแล้วมุ่งตรงไปยังการทำหนัง เพราะฉะนั้นก็ใช่ ผมได้มีช่วงเวลาที่เป็นศิลปะ ตื่นเต้นเร้าใจ และเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ ถ้าเรียกว่าความสนุก ก็ใช่แหละ
คำถาม: มีส่วนไหนที่โดดเด่นออกมาหรือที่คุณชอบเป็นพิเศษบ้างไหม
ทิม เบอร์ตัน: ผมไม่มีส่วนที่ชอบเป็นพิเศษนะ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของประสบการณ์โดยรวมและคุณสมบัติความแปลกใหม่ของมันมากกว่า ผมว่านั่นแหละที่สำคัญ คือเรามักจะมีความคาดหวังที่ผูกติดอยู่กับความเป็นแฟรนไชส์แต่ในเรื่องนี้ไม่มีความคาดหวังเลย ไม่มีแม้กระทั่งไอเดียพื้นฐานว่ามันคืออะไรด้วยซ้ำ ซึ่งในบางครั้งก็มีประโยชน์นะ เหมือนกับว่าคนไม่รู้จะจัดมันให้อยู่ในหมวดอะไรดี แต่ผมว่ามันจะมีความน่าตื่นเต้นที่บอกไม่ถูกเวลาคุณทำสิ่งที่ตัวคุณเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร และBeetlejuice ก็เป็นแบบนั้นมาตลอด
คำถาม: หนังของคุณทำมาเพื่อการดูบนจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ ทั้งการสร้างโลกที่กว้างขวางและรายละเอียดต่างๆ แล้วมันก็จุดประกายความน่าทึ่งและความพิศวงเหมือนกับนิทานที่เราเคยฟังเมื่อตอนเป็นเด็ก ประสบการณ์การดูหนังสำคัญต่อคุณไหมครับในตอนเด็กๆ
ทิม เบอร์ตัน:แน่นอนครับ มีโรงหนังแห่งหนึ่งในเบอร์แบงค์ [แคลิฟอร์เนีย] ชื่อโรงหนังคอร์เนลล์ เขาจะฉายหนังควบสามเรื่องในราคา 50 เซ็นต์ ผมไม่มีทางลืมประสบการณ์ครั้งแรกๆ ที่เข้าโรงหนัง ผมจำได้ว่าได้ดูJason and the Argonautsเป็นหนังเรื่องแรกและยังคงจำได้อยู่ ประสบการณ์เหล่านั้นสามารถส่งผลต่อตัวคุณ มันส่งผลต่อตัวผมในตอนนั้น และทุกวันนี้ก็ยังส่งผลอยู่ในระดับหนึ่งนะ… เป็นเรื่องที่น่าทึ่งเลยล่ะ
คำถาม: คุณคิดว่าทำไมผู้ชมจึงควรจะได้ดูBeetlejuice, Beetlejuiceรวมถึงหนังเรื่องอื่นๆ จากจอใหญ่ในโรงภาพยนตร์ครับ
ทิม เบอร์ตัน:เมื่อไม่กี่ปีก่อน ดูเหมือนจะมีการแบ่งขั้วระหว่างภาพยนตร์กับทีวี ผู้คนตั้งคำถามว่า “แล้วอนาคตจะเป็นยังไงต่อไป” ผมว่าโชคดีนะที่เราได้เห็นว่าหนังยังคงเป็นสิ่งสำคัญ การได้เห็นภาพบนจอใหญ่… เหมือนอย่างหนังเรื่องนี้ เราสร้างมันขึ้นมาเพื่อการฉายบนจอใหญ่ เราสร้างมันมาเพื่อให้ผู้ชมได้สัมผัสในโรงภาพยนตร์ สร้างมาเพื่อขอบเขต ขนาด และเสียงในโรงภาพยนตร์ ดังนั้นการดูในโรงจึงสำคัญมาก โชคดีที่ว่าการแบ่งขั้วได้จางลงไปบ้างแล้ว และผู้คนก็ยังคงตระหนักว่าการดูหนังในโรงภาพยนตร์นั้นเป็นประสบการณ์ที่งดงามและสำคัญมากแค่ไหน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี