30 กันยายน 2567 จากกรณีที่นักแสดงสาวชื่อดัง มิ้นต์ ชาลิดา วิจิตรวงศ์ทอง ได้โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว"@mint_chalida" ขอความช่วยเหลือหลังจากที่น้องชายแท้ๆ 'มอส ราชัย'โดนชายชาวต่างชาติทำร้ายร่างกาย ด้วยการเตะเข้าที่หน้า ครอบครัวมิ้นต์ต้องการให้ผู้ก่อเหตุมารับผิดชอบในสิ่งที่ทำ ก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะบินกลับประเทศไป (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : น้องชาย'มิ้นต์ ชาลิดา'ถูกฝรั่งเตะเสยคาง หวั่นเรื่องเงียบคู่กรณีเตรียมบินกลับประเทศ)
ล่าสุด 'มิ้นต์ ชาลิดา' และ 'ม่อน ธนัชชัย' ได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ผ่านทาง 'ไนน์เอ็นเตอร์เทน' ระบุว่า "ที่เกิดเหตุเป็นบาร์ร้านอาหารของม่อนอยู่ติดกับโรงแรมขนาดเล็กของมอส ได้มีกลุ่มชาวต่างชาติเข้ามาเช็กอินโรงแรม ก่อนชายต่างชาติ 1 คน ซึ่งมีอาการคล้ายมึนเมาพยายามเข้ามาในร้านอาหาร แต่พนักงานไม่อนุญาตให้เข้าเนื่องจากร้านใกล้ปิดแล้ว อีกทั้งยังเห็นท่าทางของชายชาวต่างชาติดูคล้ายคนมึนเมาจึงกังวลเรื่องความปลอดภัยแต่การสื่อสารอาจทำให้ไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมด เนื่องจากชาวต่างชาติรายดังกล่าวเป็นใบ้และหูหนวก"
แต่หลังจากนั้นชาวต่างชาติรายดังกล่าวก็ยังพยายามหลบเข้าบริเวณหลังร้านซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้คนทั่วไปเข้าได้อยู่แล้ว ชายคนดังกล่าวยังได้มีการผลักหน้าพนักงานร้านเบาๆ พนักงานเห็นท่าไม่ดีจึงมีการโทร. เรียก มอส ซึ่งเป็นพี่ชายของม่อน และเป็นเจ้าของโรงแรม ให้เข้ามาดูความเรียบร้อย ตอนนั้นเหตุการณ์ดูเหมือนสงบลงแล้ว แต่ชายชาวต่างชาติกลับเดินลงมาจากโรงแรมอีกครั้งแล้วมาทำร้ายร่างกายมอส โดยได้เตะเข้าที่บริเวณกราม ชกเข้าบริเวณใบหน้า กระชากเสื้อ ซึ่งน้องชายก็ได้พยายามยกมือไหว้ขอชีวิตแล้ว แต่ชายชาวต่างชาติก็ไม่มีท่าทีสลด ซึ่งชายชาวต่างชาติยังแสดง ท่าทางเหมือนมีอาวุธด้วย หลังเกิดเหตุได้โทรศัพท์แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ทันที ซึ่งตำรวจใช้เวลา 40 นาที ในการเดินทางมาถึง และไม่สามารถควบคุมคนก่อเหตุได้ในทันที จึงมีการประสานเจ้าหน้าที่เพิ่มเติมและควบคุมไปยังสถานีตำรวจ
'มิ้นต์ ชาลิดา' กล่าวต่ออีกว่า ขณะอยู่บนสถานีตำรวจผู้ก่อเหตุยังคงไม่มีท่าทีสลด ยังเดินมาหาน้องชายที่นั่งอยู่ต่อหน้าตำรวจได้ตามปกติ และผู้ก่อเหตุไม่พกพาสปอร์ต มีเพียงชื่อที่สามารถให้ข้อมูลกับตำรวจได้ ก่อนจะปล่อยตัวผู้ก่อเหตุกลับบ้านไป จากนั้นตำรวจแจ้งว่าต้องรอคุณหมอเข้าในสัปดาห์หน้า จะใช้เวลาอีกราว 7 วัน ให้ทางเจ้าหน้าที่นิติเวชเข้าตรวจร่างกายของน้องชาย ซึ่งกว่าจะได้หมายเรียก ก็ถึงวันที่ผู้ก่อเหตุมีแผนเดินทางกลับประเทศในวันที่ 3 ตุลาคม แล้ว ซึ่งอาการของผู้ก่อเหตุในตอนนั้นมันดูไม่ใช่การมึนเมาปกติ อาจจะต้องมีการตรวจปัสสาวะเพิ่มเติมเพื่อหาสารเสพติด แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับไม่ตรวจ
โดยดาราสาว'มิ้นต์ ชาลิดา' เปิดเผยว่า สิ่งที่กังวลที่สุดคือเรื่องนี้จะเงียบหายไป เนื่องจากตำรวจ แนะนำว่าให้อภัยผู้ก่อเหตุเพื่อเห็นแก่ภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของประเทศ คำพูดที่พูดกับเรากับน้อง เราเป็นคนไทย ปล่อยไปเถอะต่างชาติ เพื่อประเทศเราจะได้แบบไม่เป็นไรนะ เราแบบ เฮ้ย มันได้เหรอ การที่ถูกเตะ ถูกทำร้ายร่างกาย แต่พูดว่าเราเป็นคนไทย เราต้องยอมต่างชาติ มันไม่ถูกต้อง ในการที่เราได้ยินจากน้องมาจากที่เราขึ้นกับผู้ต้องหาแล้ว แต่เราก็มีความสงสัยในคำตอบของทางตำรวจเหมือนกันว่ามันได้เหรอ
"ยังยอมรับว่ารู้สึกโกรธมากกับเรื่องดังกล่าว เนื่องจากที่ผ่านมาครอบครัวไม่เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ พ่อแม่เห็นคลิปแล้วก็น้ำตาตกใน ลูกไหว้ย่อขอชีวิตแล้วแต่ยังถูกเตะเข้าที่หน้า คือทางน้องก็บอกเราว่าไม่เจ็บ ไม่เป็นไรไม่อยากให้เราไม่เป็นห่วง ส่วนตัวไม่อยากใช้ชื่อเสียงที่สร้างมากับเรื่องแบบนี้ แต่เพราะกลัวไม่มีความคืบหน้าของคดีและคนก่อเหตุจะลอยนวล จึงต้องออกมาปกป้องน้องชายพร้อมย้ำว่าจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ตอนนี้ทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้พยายามสืบข้อมูลของผู้ก่อเหตุด้วยตัวเอง ไม่กังวลว่าภาพลักษณ์ของร้านจะเสีย เพราะต้นเหตุไม่ได้เกิดจากร้าน แต่เกิดจากตัวชาวต่างชาติร้ายดังกล่าวเพียงคนเดียว" มิ้นต์ ชาลิดา กล่าว
ขอบคุณข้อมูลจาก : Nineentertain
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี