เป็นอีกหนึ่งเซเลบริตี้สาวมากความสามารถสำหรับ “เรย่า-รัชยา นิลกรรณ์” หรือเจ้าของธุรกิจ Rayya Tax Agent บริษัทที่ปรึกษาและบริการดูแลบัญชี และภาษี ให้กับคนไทยในออสเตรเลีย หรือ อดีตโค้ชเรย่า เบรนเวฟ ที่ล่าสุดบินลัดฟ้าจากประเทศออสเตรเลียกลับไทยพร้อมประกาศแต่งงานกับคู่รักสาวนอกวงการ “แทม-ณัฐฐิมณฐ์ แสนยามาศ” โดยงานนี้ทั้งคู่จับมือร่วมแถลงข่าวพร้อมประกาศตัวเป็น LGBTQ หรือคู่รักยูริ ณ ห้อง MAGZ20 เดอะเคอร์ฟ เนเบอร์ฮู้ด อ่อนนุช 17 โดยงานแต่งงานของทั้งคู่เตรียมจัดขึ้นในวันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ หลังจากงานแต่งทั้งคู่ยังเตรียมแพลนอยู่ร่วมฉลองประเทศไทยประกาศใช้ พ.ร.บ สมรสเท่าเทียม ในวันที่ 22 มกราคมนี้ ด้วย
l จุดเริ่มต้นความรัก
เรารู้จักกันในกลุ่มโซเชียลกลุ่มเฉพาะของ LGBTQ นี่แหละค่ะ คือตอนนั้นเราโสดมาสักระยะหนึ่งแล้ว มีคนมาจีบเราก็ไม่ได้คิดจะสนใจ เรารู้สึกเหนื่อยกับการที่เราคบผู้ชายเพราะเราก็เคยแต่งงานมาแล้ว พอถึงเวลาที่เราอยากมีใครสักคนเราคิดว่าอายุขนาดนี้เราอยากหาใครสักคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขกายสุขใจความเข้าอกเข้าใจอยู่กันแบบง่ายๆ สบายใจเหมือนเป็นเพื่อนพี่น้อง แล้วมอบความรักให้กันและกันด้วยดูแลกันและกัน พอเค้าเข้ามาขอทำความรู้จัก เราก็ยังไม่ได้ตัดสินใจที่จะให้เบอร์เค้าซะทีเดียวก็เลยบอกให้เค้าเอา LINEมาก่อน แล้วพอวันนึงเรารู้สึกว่าพร้อมเราก็เลยแอดไป
l เรย่า ทำไมเปลี่ยนมาเป็น LGBTQ เริ่มรู้ตัวตอนไหน
จริงๆ ตั้งแต่เด็กมาก็คบผู้ชายและคบทอมสลับกันไปมาตลอดนะคะ แต่ยังไม่เคยคบผู้หญิงแบบ sapphic
l แล้วตอนเค้ามาจีบเป็นอย่างไร เพราะเรย่าคบผู้ชาย มาโดยตลอด
เรย่า : เห็นพี่เค้าแบบผมยาวหน้าตาเก๋ๆ ผิวสีแทน น่ารักดีดูแปลก ซื่อๆ เค้ากล้ามากกล้าที่จะมาจีบเรา แต่พอคุยแล้วรู้สึกว่าเราเข้ากันได้ดีมากเราคุยกันได้ทุกเรื่องพอเราเริ่มจะชอบเค้า เค้าก็ไปตัดผมสั้นทำตัวเป็นทอมซะอย่างงั้นเพราะเขาอยากจะชนะใจเรา เรานี่เซ็งไประยะหนึ่งเลย เพราะเราอยากคบผู้หญิงผมยาวสวยๆ เราไม่ได้อยากคบทอมแล้วอ่ะ แต่เหมือนเราชอบเขาไปแล้ว เลยลองคบดูทะเลาะกันบ่อยมากไม่ใช่เรื่องอะไรเลยแต่เรารู้สึกว่าเราไม่ได้อยากคบผู้ชายหรือคบทอมแล้วมันก็จะหงุดหงิดรำคาญใจเวลาเห็น และความคาดหวังต่างๆ ที่เราอยากให้เขาเป็นแต่เราก็คิดถึง สมัยแรกๆ ที่ได้เจอแทมมี่ เราขอให้เขากลับไปเป็นตัวของตัวเองเถอะเป็นผู้หญิงเหมือนเดิม เราก็เริ่มทำตัวแมนขึ้นเรื่อยๆ แทมมี่เขาก็เริ่มทำตัวหญิงขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ ด้าน เลยคุยกันให้เค้าเป็นตัวของตัวเอง เรย่าเป็นตัวของตัวเอง แล้วเราดันทำถึง สุดท้ายเลยตกลงกันในความเป็นตัวของตัวเอง ความรักไม่มีเพศ แค่เราเข้าใจกัน แล้วพอเป็นแบบนี้มันดันเป็นส่วนผสมที่ลงตัวพอดี ตอนนี้เราเข้าใจและไม่ทะเลาะกันเลยแล้วเป็นตัวของตัวเองมากๆ เรารู้สึกดีใจภูมิใจที่ได้ดูแลเขา เค้าก็ออกจากงานมาเป็นแม่บ้านดูแลเราดูแลครอบครัวอย่างดีมากๆ รู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ลงตัว
l แล้วพี่แทมล่ะคะ เคยคบผู้หญิงมาก่อนไหม
แทม : สำหรับแทมเคยคบทั้งผู้ชายแล้วก็ทั้งผู้หญิงค่ะแต่ด้วยตอนนั้นเรารู้สึกชอบเขามากจะทำยังไงถึงจะชนะใจเขาได้ พอเค้าเริ่มคุยกับเรา เราก็รีบไปตัดผมสั้นทำตัวเป็นทอมเลยเผื่อจะชนะใจเขา เราก็พยายามปรับตัวนะไม่ได้รู้เลยว่าจริงๆเค้าชอบผู้หญิงผมยาวมากกว่า สุดท้ายพอเค้าบอกให้เราเป็นตัวของตัวเองเราก็เป็นตัวของตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด แล้วเรย่าก็ดูแลแทมมี่ดีมาก
l ทำไมถึงกล้าที่จะจีบเรย่า นานไหม คิดว่าอะไรที่ทำให้เค้าใจอ่อน
แทม : ไม่ได้ตัดสินใจนานนะคะที่จะจีบ เห็นเค้าสวยมีเสน่ห์น่ารักดีเป็นสเปกของเรา เราเลยตัดสินใจคุยกับเขา แต่เขาก็ยังไม่ได้ให้เบอร์เราหรอกเขาก็บอกเอา LINE ไอดีมา เราก็หวังนะว่าเค้าจะแอดLINE มาแล้ววันนึงเค้าก็แอดมาจริงๆ ส่วนเรื่องทำให้เขาใจอ่อนน่าจะเป็นความบ้าบิ่นของเรามากกว่า เหมือนเค้าคงเห็นความตั้งใจของเราค่ะ ว่าเรานี้ก็ไม่ได้สวยแซ่บ ขนาดนั้น หรือมีอะไรมากที่จะไปเทียบกับความเป็นเรย่าได้แต่สิ่งที่มีคือความตั้งใจจริง เรย่าเค้าอาจจะมองว่าเราซื่อๆ และเราตั้งใจที่จะมีเค้าจริงๆ ในชีวิต เราอยากให้เขาเป็นคู่ชีวิตของเราและอยู่กันตลอดไปจริงๆ ทุกอย่างที่เราแสดงออกไปเรย่าคงมองเห็นตรงนั้น
l อะไรที่ทำให้ทั้งคู่ตัดสินใจแต่งงานกัน
เรย่า : ตอนแทมมี่ทำตัวเป็นทอมเค้าก็ขอเราแต่งงานแหละ คงกลัววันนึงเรากลับต่างประเทศแล้วจะต้องแยกกัน แต่เรย่าเองน่ะไม่ค่อยจะสบายใจ เพราะไม่รู้ว่าจะเข้ากันได้มากแค่ไหน สิ่งนี้ใช่สำหรับชีวิตเราจริงไหมแต่พอเราลองปรับ พอพี่เค้าเป็นผู้หญิง เป็นควีนส์ แล้วเราเป็นฝ่ายดูแลเทคแคร์เขา เป็นผู้นำในชีวิตคู่ เรากลับแฮปปี้กับแบบนี้มากๆ เลย รู้สึกชีวิตฟินขึ้นมากอะไรก็ลงตัว ในทุกๆ ด้าน เราเลยเป็นคนขอเค้าแต่งงานเองอีกรอบ และตัดสินใจว่า จะหยุดอยู่ที่คนนี้จริงๆ ไปตลอด
l กฎหมายที่ประเทศออสเตรเลียเรื่องสมรสเท่าเทียมเป็นอย่างไรบ้าง
เรย่า : เป็นเวลาห้าปีแล้วที่ ออสเตรเลีย ออกกฎหมายให้การแต่งงานของคนเพศเดียวกันถูกต้องตามกฎหมาย หลังจากผลการสำรวจทางไปรษณีย์ เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2017 พระราชบัญญัติการแต่งงานได้รับการปรับปรุงเพื่อให้มีความเท่าเทียมกันในคู่รักเพศเดียวกันในปี พ.ศ.2010 ออสเตรเลียอนุญาตให้คู่รัก Gay และ Lesbian สามารถจดทะเบียนเป็นคู่ชีวิตหรือ Civil Partnership ได้ก่อนที่ในปี พ.ศ.2019 จะประกาศกฎหมายให้คู่รักเพศเดียวกันมีสถานภาพสมรสได้
l มองอย่างไรที่ตอนนี้ประเทศไทยกำลังจะมีกฎหมายเรื่องสมรสเท่าเทียม
เรย่า : เรย่าว่ามันสำคัญมากนะคะ ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายได้ทุกคนอยู่ภายใต้กฎหมายและกฎหมายก็เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ให้ความยุติธรรมกับทุกคน เราเชื่อว่ากลุ่ม LGBTQ ทุกคนเคารพกฎหมายไม่มีใครอยากที่จะเป็นคนนอกกฎหมายเราเต็มใจและพร้อม จริงๆ มันเป็นข้อดีของประเทศชาติด้วยซ้ำในการดูแลคนทั้งประเทศทุกกลุ่มให้อยู่กันอย่างสันติ มีความเท่าเทียมในทุกด้าน มีสิทธิในความเป็นมนุษยชน ในการใช้ชีวิต เรื่องนี้มันสำคัญมากๆ จริงๆ คู่ชีวิตที่แต่งงานกันถ้าเค้าตัดสินใจจะแต่งงานกันแล้วนั่นหมายถึงไม่ใช่แค่เรื่องนอนด้วยกันแต่เป็นเรื่องของความตั้งใจที่จะรับผิดชอบกันและกันไปตลอดชีวิตทั้งในเรื่องความซื่อสัตย์ทั้งเรื่องทรัพย์สินเงินทอง ไม่ว่าใครจะเป็นคนออกไปทำงานหรือใครจะเป็นแม่บ้านอยู่ ใครเป็นคนดูลูกลูกเป็นลูกของใคร ทุกอย่างอยู่ภายใต้กฎหมายทั้งสิ้น หากคนกลุ่มนี้ไม่ได้อยู่ภายใต้กฎหมายนั่นหมายถึงเราก็ทำอะไรเหนือกฎหมายได้ รวมถึงเราก็อาจจะขาดสิทธิประโยชน์ต่างๆ ความเท่าเทียมที่เราสมควรที่จะได้รับ สมรสเท่าเทียมเป็นเรื่องที่ยุติธรรมที่สุดแล้วที่ทุกประเทศในโลกควรจะจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย
l สมรสเท่าเทียมที่ประเทศออสเตรเลียเป็นอย่างไรบ้าง
เรย่า : เราเกิดเป็นคนไทย ออสเตรเลียมีมานานแล้วค่ะเรื่องสมรสเท่าเทียม แม้กฎหมายสมรสเท่าเทียมยังไม่ออกในอดีต ออสเตรเลียก็จะมีงานที่เรียกว่า Madigras ในทุกเดือนมีนาคม เป็นขบวน parade ของ LGBTQ ที่ทุกชาติทั่วโลกจะต้องมาร่วมเดิน ถือเป็นประเทศที่มีการเฉลิมฉลองและ เรียกร้องสิทธิของ LGBTQ ที่มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก ซึ่งเค้าทำสำเร็จแล้ว เรย่าเองเป็นคนไทยมองเรื่องนี้ที่ประเทศไทยมาตลอดและภูมิใจกับการที่ประเทศไทยเราพัฒนามาได้ถึงจุดที่เป็นสากลและประเทศไทยเรารักประชาชนของเรา มอบความเท่าเทียมให้กับคนทุกกลุ่ม ทั่วทั้งประเทศ มันเป็นความภาคภูมิใจแล้ว อีกอย่างแทมมี่เค้าก็เป็นคนไทยอาศัยอยู่ในประเทศไทยเค้าเป็นคนกลุ่มน้อยกลุ่มหนึ่ง ซึ่งเรารู้สึกภูมิใจที่เราได้ทำสิ่งนี้เพื่อตัวเราเองเพื่อเขาและเพื่อประเทศไทยของเราด้วย
l อยากให้พูดถึงการยอมรับความเท่าเทียม ระหว่างเพศ และให้คนไทยร่วมกันสนับสนุน
เรย่า : คนเราต้องรู้จักรับและให้ คนกลุ่มนี้ยังให้ความเท่าเทียมกับทุกๆ คนที่เป็นชายรักหญิง แล้วทำไมกลุ่มที่เป็นชายรักหญิงถึงให้ความเท่าเทียมกับกลุ่มที่เป็น LGBTQ ไม่ได้พวกเรายังให้ความเท่าเทียมกับพวกคุณเลยแล้วพวกคุณจะเป็นผู้รับฝ่ายเดียวหรอ เรื่องเพศเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยุคสมัยเปลี่ยนไป แต่เรื่องจิตใจเป็นเรื่องสำคัญ สังคมจะพัฒนาไปได้นั้น จะปฏิเสธไม่ได้ว่าเรามีคนในทุกรูปแบบทุกกลุ่มที่มีความคิดสร้างสรรค์ที่แตกต่างกันมารวมตัวกันเพื่อพัฒนาสังคมนั้นให้ดีขึ้น กลุ่ม LGBTQ หลายครั้งเป็นคนสำคัญสำคัญที่พัฒนาด้านต่างๆ ของประเทศไทย ในเมื่อเรายอมรับมันสมองความสามารถของคนกลุ่มนี้แล้วเหตุใดเราจึงมาจำกัดเรื่องเพศ ความสำคัญของกฎหมายของประเทศคือการดูแลทุกคนให้อยู่กันอย่างสันติสุข อยากให้ประชาชนคนไทยมองว่าเพศสภาพในทุกรูปแบบ ไม่ได้ตัดสินว่าคู่นี้จะอยู่กันได้ตลอดหรือไม่คู่นี้จะแต่งงานแล้วไม่มีการหย่าร้างเราไม่มีสิทธิ์ตัดสินใครเราต้องมองตัวเราเองก่อนว่าเราทำอะไรเพื่อให้สังคมอยู่อย่างสันติสุขบ้าง ตรงนี้คือสิ่งสำคัญ
l ความพิเศษของการจัดงานแต่งครั้งนั้นเป็นอย่างไร มีเซอร์ไพรส์อะไรบ้าง อื่นๆ
เรย่า : ความพิเศษน่าจะเป็นเรื่องของตั้งแต่ก่อนงานแต่งจะจัดขึ้นได้ ขอบคุณที่ ฝ่ายครอบครัว และผู้หลักผู้ใหญ่ที่ท่านเป็นคนรุ่นเก่ามากๆ และอยู่ในหลายสายงาน ทั้งข้าราชการ อาจารย์ ทหาร ตำรวจ สามารถยอมรับสิ่งนี้ได้และให้เกียรติมางาน ไม่ได้คิดว่าเราทำเสื่อมเสียสถาบันการศึกษา ที่เราเรียนอยู่ในระดับปริญญาเอก ซึ่งเราทั้งคู่ปลาบปลื้มมากพิธีไม่ได้เด่นไปกว่างานแต่งของชายหญิงทั่วไปแต่ความสำคัญ อยู่ตรงนี้ว่า เจ้าสาวกับเจ้าสาว และ ผู้ใหญ่ให้เกียรติมางานเรา นั่นแปลว่า งานนี้ จะเป็นกระบอกเสียงให้ การแต่งงาน LGBTQ เปิดกว้างขึ้นคนกล้าทำตาม เปิดเผย ไม่ต้องเก็บเงียบ ซ่อนตัวกันอีกต่อไปค่ะ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี