“ไฟว์สตาร์ โปรดักชั่น” ส่ง “พนอ” สานต่อความสยองทุกสองนาที ดีกรีภาพยนตร์ไสยศาสตร์ของแท้ที่พร้อมจะปล่อยของให้ทุกคนต้องสยอง กับต้นกำเนิดของความสยองที่มาแบบทวีคูณกว่าเดิม ซึ่งปรากฏการณ์ของภาพยนตร์ ลองของ 1 และ ลองของ 2 นับเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม การันตีได้จากภาพยนตร์ทั้งสองเรื่องได้เข้าฉายกว่า 40 ประเทศทั่วโลกและยังคงฉายต่ออย่างยาวนานและต่อเนื่องถือเป็นความสำเร็จของภาพยนตร์ไทยไสยศาสตร์เรื่องแรกๆ ที่ก้าวไปตีตลาดทั่วโลก

แน่นอนว่าในปี 2568 ภาพยนตร์เรื่อง “พนอ” จะเป็นภาพยนตร์ไสยศาสตร์ชวนสยองเรื่องล่าสุด ที่จะมาทำให้ทุกคนได้เสียวสยองทุกสองนาทีอย่างแน่นอน กำกับภาพยนตร์โดย ตั้ม-พุฒิพงศ์ สายศรีแก้ว พร้อมแล้วที่จะมาปลุกปั้นต้นกำเนิดความเสียวสยองของคนเล่นของ

โดย ตั้ม-พุฒิพงศ์ ได้เล่าให้ฟังถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ว่า “แน่นอนว่าการทำภาพยนตร์ที่บอกเรื่องราวของจุดเริ่มต้นของความสยองของภาพยนตร์อย่าง ลองของ ที่เคยโด่งดังและทำลายสถิติการเข้าโรงฉายทั่วโลกมาแล้วมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่อีกมุมหนึ่งผมมองว่ามันเป็นความท้าทาย ที่ผมจะมาขยี้ปมความเสียวสยองของคนเล่นของให้ลงลึกว่าความจุดเริ่มของตัวพนอเกิดมาจากอะไร และเหตุผลได้ที่ทำให้พนอกลายเป็นพนอในภาพยนตร์ลองของ1-2 ปมต่างๆ จะผูกไปด้วยความเชื่อทางไสยศาสตร์ที่ในหนังเรื่องนี้มีให้เห็นทุกรูปแบบ โดยความขลังของไสยศาสตร์ทุกรูปแบบนี้ก็จะมีจุดเด่นที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนและหวังผลต่างกัน แต่ตั้งอยู่ในความเชื่อความศรัทธาที่คล้ายกัน ไม่ว่าเวลาจะเดินทางไปอีกสักกี่ปีการเล่นของด้วยวิธีกรรมทางไสยศาสตร์ก็ไม่เคยสูญหายไปจากโลกนี้ เพียงแค่เปลี่ยนรูปแบบในการทำไสยศาสตร์ให้จับต้องได้ง่ายและใกล้ตัวมากยิ่งขึ้น ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องพนอนี้ทุกคนจะได้เห็นจุดเริ่มต้นของ พนอ ที่บอกได้เลยว่าความลับเบื้องหลังของตัวละครตัวนี้มันจะมีรอยต่อที่ทิ้งท้ายมาจาก ลองของ 2 มันเลยทำให้ตัว พนอ จึงเป็นตัวละครที่มีความซับซ้อนหลายมิติเป็นความยากที่มีเสน่ห์ เพราะต้องเชื่อมความสัมพันธ์ของลองของ แต่เล่าในแบบที่ยังไม่เคยมีใครรู้เลยว่าต้นกำเนิดของ พนอ เป็นมาอย่างไร และในส่วนของเรื่องการดีไซน์เอฟเฟกท์ต่างๆ มันจะมีความเรียลผมพยายามใช้ CG ให้น้อยที่สุด แล้วมาให้ความสำคัญในการทำเมคอัพเอฟเฟกท์ที่ดูสมจริง เพราะรูปแบบการโดนของแต่ละคนก็จะแตกต่างกันออกไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าถามว่าน่ากลัวขนาดไหนผมว่าไม่แพ้ลองของที่ผ่านมาแน่นอนครับอยากให้ทุกคนได้ไปชมกันนะครับ16 มกราคม 2568 นี้แน่นอนในโรงภาพยนตร์เท่านั้น”