“เกบ วัทคิ่นส์” – “มายด์- กษิรา” – “เพรทเซล” – “ดรีมแกลส์” และ “ยลภา” ร่วมเผยความรู้สึก สุดปลื้มได้พบปะแฟนคลับจากทั่วโลก หลังโชว์ผลงานผ่านแนวดนตรีที่โดดเด่นของแต่ละคน จากการผลักดันภายใต้โครงการ Music Exchange โดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี ที่ได้รับการสนับสนุนให้ไปแสดงผลงานในเวทีระดับนานาชาติ

“เกบ วัทคิ่นส์” (Gabe Watkins) ศิลปินลูกครึ่งไทย-ออสเตรเลียที่มีสไตล์เพลงแนวอินดี้ป๊อปสากล ดาวรุ่งมาแรงแห่งค่าย What The Duck เผยความประทับใจว่า

"ผมได้รับโอกาสขึ้นแสดงในเทศกาลดนตรีในต่างประเทศมากมาย อาทิ TMC Christmas Town 2024 ที่ไต้หวัน รวมถึงเทศกาล We Are Tomato Music Festival ที่เวียดนาม และ AXEAN Festival 2024 ที่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งการได้ไปโชว์การแสดงที่ต่างประเทศ ให้ความรู้สึกที่สุดยอดมากๆ มันเหมือนความฝันที่เป็นจริง สิ่งหนึ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนหลังจากแสดงจบ คือผู้ฟังให้เสียงปรบมือต้อนรับ อีกทั้งแฟนเพลงที่ไม่เคยรู้จักเพลงของผมมาก่อนเริ่มติดตามผลงานของผมมากขึ้น ซึ่งผมมองว่าเป็นโอกาสและกำลังใจที่ดีมาก ๆ สำหรับศิลปินไทย"

มายด์- กษิรา พรนภดล หรือ mindfreakkk ศิลปินอิสระแนวอินดี้ป๊อป บอกเล่าความรู้สึกว่า

"หลังจากได้เล่นในเทศกาลดนตรีระดับนานาชาติอย่างงาน SXSW SYDNEY 2024 ที่ออสเตรเลีย, Zandari Festa ที่เกาหลีใต้ และ AXEAN Festival 2024 ที่อินโดนีเซีย มีผู้จัดงานหลายแห่งติดต่อเข้ามาเพื่อให้เราไปร่วมแสดงในงานอีเวนต์ของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้ร่วม Music Camp กับศิลปินต่างชาติ ได้ไปทำเพลงร่วมกัน ซึ่งในอนาคตอาจจะมีเพลงใหม่ออกมาจากการที่ได้ไปร่วมด้วย" 

ขณะที่ เพรทเซล (Pretzelle) ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ปจากค่าย 54 ENTERTAINMENT ที่มีสมาชิกประกอบด้วย มาธวี รัตนวิจิตร (อิ๊น) อภิศรา ชมภูศรี(เกรซ) และ อัญรินทร์ ชัยอนันต์โสภณ (อุ๋มอิ๋ม) ร่วมแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับว่า

"พวกเราได้มีโอกาสร่วม เทศกาล TAIPEI CITY IDOL EXPO ที่ไต้หวัน  เทศกาล IDOL KINGDOM SHANGHAIที่ประเทศจีน และ เทศกาล HOI Music Festival ที่เวียดนาม การได้แสดงในต่างประเทศทำให้ได้เรียนรู้ว่า ผู้ชมแต่ละที่มีความชอบที่แตกต่างกัน ประสบการณ์เหล่านี้สอนให้เราปรับตัว และเข้าใจว่าการสื่อสารผ่านดนตรีนั้นสำคัญแค่ไหน พวกเราได้ฝึกฝนการสื่อสารกับผู้ชมที่พูดคนละภาษา และเรียนรู้วิธีดึงดูดคนดูให้สนใจในโชว์ของเรามากขึ้น"  

ด้าน ยลภา (YONLAPA) วงอินดี้ป๊อปร็อกเมดอินเชียงใหม่ สร้างชื่อในเวทีนานาชาติด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรีที่แตกต่างและเป็นตัวแทนของซาวด์ไทยยุคใหม่ มีสมาชิก 4 คน ได้แก่ ยลภา เพียรพนัสสัก (น้อยหน่า) นักร้องนำ และ มือกีตาร์ อานุภาพ เฟยลุง (กันย์) มือกีตาร์ นาวิน รักในศิล มือเบส และชลันธร สุนทรพิทักษ์ (ฟิว) มือกลอง วงนี้โดดเด่นด้วยซาวด์ที่มีความร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นไทย ซึ่งพวกเขาร่วมเล่าถึงความประทับใจกับความสำเร็จที่ได้รับว่า

“พวกเรา ได้แสดงบนเวทีระดับนานาชาติ อย่าง เทศกาล Baybeats Music Festival 2024 ที่ประเทศสิงคโปร์ เทศกาล SXSW SYDNEY ที่ประเทศออสเตรเลีย และเทศกาล DEFOAMAT ที่ประเทศญี่ปุ่น การที่พวกเราสามารถทำให้เพลงของเราเข้าถึงผู้ฟังต่างชาติ โดยไม่ต้องเปลี่ยนสไตล์หรือเอกลักษณ์ เป็นสิ่งที่พิสูจน์ว่าดนตรีของไทยมีศักยภาพในระดับโลก และเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อน Thai Music Wave โครงการนี้ไม่เพียงเปิดโอกาสให้ศิลปินไทยได้แสดงศักยภาพบนเวทีสากล แต่ยังช่วยให้โลกได้เห็นความหลากหลายของเพลงไทยที่ไม่ได้มีเพียงแค่แนวเมนสตรีมเท่านั้น”

การผลักดันศิลปินไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีสากลจึงถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ตัวอย่างความสำเร็จจากศิลปินในโครงการ Music Exchange ภายใต้สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) หรือ CEA ร่วมกับคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมด้านดนตรี ที่ได้สนับสนุนให้ศิลปินไทยได้ไปแสดงผลงานในเวทีระดับนานาชาติ ซึ่งความสำเร็จนี้ไม่เพียงช่วยขยายฐานแฟนคลับ แต่ยังยกระดับวงการเพลงไทยให้เป็นที่ยอมรับและแข็งแกร่งในระดับโลกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้สามารถติดตามความเคลื่อนไหวล่าสุดและโอกาสในการสนับสนุนวงการดนตรีของไทย รวมถึงรายละเอียดโครงการ Music Exchange ได้ที่เว็บไซต์ www.cea.or.th และเฟซบุ๊ก www.facebook.com/CreativeEconomyAgency  

014