บันดาร์เสรีเบกาวัน (เอเอฟพี/รอยเตอร์/บีบีซี นิวส์) - บรูไนเริ่มบังคับใช้กฎหมายอาญาภายใต้กฎหมายชารีอะห์ ที่มีบทลงโทษรุนแรงแล้วในวันนี้ โดยบทลงโทษมีหลายระดับเช่นการเฆี่ยนตี การตัดมือและเท้า รวมถึงการขว้างปาหินใส่ผู้กระทำความผิดในข้อหาต่างๆ เช่น การลักขโมย การนอกใจคู่สมรส และการมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน

บรูไนเริ่มใช้กฎหมายใหม่ตามกฎหมายชารีอะห์ของอิสลามในวันพุธ เพิ่มโทษหนักคนรักเพศเดียวกันถึงขั้นประหารชีวิต ด้วยการปาหินใส่จนตาย จากเดิมที่คนรักเพศเดียวกันในบรูไน มีโทษสูงสุดจำคุก 10 ปี ส่วนผู้หญิงที่ทำแท้งจะถูกโทษโบยในที่สาธารณะ และคนที่ลักขโมยจะถูกตัดมือ โดยกฎหมายชารีอะห์เป็นกฎหมายทางศีลธรรมของศาสนาอิสลามใช้บังคับชาวบรูไนทั้งหมดทั้งที่นับถือศาสนาอิสลามและศาสนาอื่น รวมถึงชาวต่างชาติที่อาศัยในบรูไน โดยการเริ่มการบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบหลังจากที่ชะลอการบังคับใช้มาหลายปี ทำให้บรูไนกลายเป็นประเทศแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บังคับใช้กฎหมายชารีอะห์ในระดับชาติ เช่นเดียวกับหลายประเทศในตะวันออกกลาง เช่น ซาอุดีอาระเบีย

การผลักดันบังคับใช้กฎหมายนี้ ทำให้เกิดเสียงคัดค้านจากทั่วโลก สหประชาชาติกล่าวว่า เป็นกฎหมายที่โหดร้ายและไร้มนุษยธรรม ในขณะที่ดาราและคนดังหลายคน นำโดย จอร์จ คลูนีย์ ดาราฮอลลีวู้ด และ เอลตัน จอห์น นักร้องชื่อดังชาวอังกฤษ ออกมาเรียกร้องให้คว่ำบาตรโรงแรมที่บรูไนเป็นเจ้าของ ล่าสุด เจ้าหน้าที่และผู้นำกลุ่มความหลากหลายทางเพศในแคลิฟอร์เนีย ก็ร่วมเรียกร้องให้คว่ำบาตรโรงแรมในลอสแองเจลิส ที่บรูไนเป็นเจ้าของ คือโรงแรมเบเวอร์ลี ฮิลส์ และโรงแรมเบลแอร์ ส่วนผู้นำกลุ่มคนรักเพศเดียวกันในลอสแองเจลิส เรียกร้องให้นครลอสแองเจลิส สหรัฐ รวมถึงทั้งโลก ให้ออกมาตรการลงโทษอย่างรุนแรงต่อบรูไน ด้านสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ระบุว่า กฎหมายใหม่ของบรูไนดังกล่าว เป็นกฎหมายที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และลดศักด์ศรีความเป็นมนุษย์ และนับเป็นการก้าวถอยหลังด้านการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน

อย่างไรก็ตาม สุลต่านฮัสซานัล โบลเกียห์ ยังคงเดินหน้าตามแผนต่อไป โดยออกแถลงการณ์เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ว่า บรูไนบังคับใช้กฎหมายเพื่อความสงบในประเทศและกฎหมายชารีอะห์ มีเป้าหมายในการให้ความรู้ เคารพและปกป้องสิทธิ์ของบุคคลทุกคน ส่วนในบรูไนเอง ชุมชนคนรักเพศเดียวกัน แสดงความรู้สึกช็อกและกลัว กับการลงโทษอย่างรุนแรงดังกล่าว ในขณะที่สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นเผยว่า กลุ่มคนข้ามเพศในบรูไนจำนวนไม่น้อยได้พากันเดินทางออกจากบรูไน ตั้งแต่ก่อนที่กฎหมายใหม่ฉบับนี้จะเริ่มบังคับใช้ สำหรับบรูไนเป็นประเทศเล็กๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่ร่ำรวยจากทรัพยากรน้ำมัน มีประชากรราว 420,000 คน และมีโทษประหารชีวิต แต่ยังไม่มีการลงโทษด้วยวิธีดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2500