9 ต.ค. 2562 เว็บไซต์ นสพ. South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ “Dark tourism: three ghost tours in Southeast Asia where history, beliefs and horror combine to offer spine-tingling thrills” ว่าด้วยตำนานสถานที่สุดเฮี้ยนในกรุงเทพฯ เมืองหลวงของประเทศไทย ที่รอให้นักท่องเที่ยวไปท้าพิสูจน์ ซึ่งมีผู้นำทัวร์คือ จัสติน ดันน์ (Justin Dunne) ชาวมลรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่มาเปิดบริษัท Bangkok Haunt ในประเทศไทย
ทัวร์ของจัสติน พาไปเยือนมาแล้วทั้งโรงแรมที่ว่ากันว่ามีเรื่องแปลกๆ ที่อธิบายไม่ได้ คลินิกทำแท้งเถื่อน โรงภาพยนตร์แบบดั้งเดิม (Stand Slone) แห่งสุดท้ายในประเทศไทย หรือทางรถไฟที่บรรดาคนขับแท็กซี่เล่าว่าหากผ่านไปแถวนั้นในเวลากลางคืน อาจเจอหญิงสาว 2 คนในชุดดำ โบกเรียกให้พาไปส่งที่ทางรถไฟ ก่อนจะเห็นร่างของพวกเธอขาดครึ่งตรงทางรถไฟนั้นเพราะพวกเธอนั้นเป็นวิญญาณของคนที่ประสบอุบัติเหตุรถไฟทับ
เรื่องหลอนๆ บางเรื่องยังเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ทางการเมืองของไทย อาทิ ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) สถานที่เกิดเหตุนองเลือดที่ทหารและกลุ่มแนวร่วมฝ่ายขวาจัดบุกเข้าไปฆ่านักศึกษาในวันที่ 6 ต.ค. 2519 และบริเวณถนนราชดำเนิน ใกล้กับอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งมีประชาชนเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมากในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ปี 2535 จากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่สืบทอดอำนาจจากคณะทหารที่ทำรัฐประหาร
โดยแขกที่พักบริเวณโรงแรมในย่านราชดำเนิน เล่ากันว่า บางครั้งอาจได้ยินเสียงร้องไห้ขอให้ช่วยเหลือดังมาจากในกระจก แต่เมื่อหันไปดูก็ไม่พบอะไร ซึ่ง จัสติน ระบุว่า ผู้ที่สนใจ “ทัวร์ขนหัวลุก” ของเขานั้นมักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่ต้องการหาทางเลือกใหม่ๆ นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวกระแสหลัก เพราะคนไทยไม่ต้องการไปรบกวนดวงวิญญาณเหล่านั้นเนื่องจากกลัวจะต้องประสบโชคร้าย
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ที่ประเทศสิงคโปร์ ก็มีนักท่องเที่ยวเดินทางไป “ล่าท้าผี” เช่นกัน ณ สุสานจีนขนาดใหญ่ “Bukit Brown” ภายในเมือง ซึ่งมีตำนานของ “Pontianak” หรือผีตายท้องกลม หมายถึงหญิงสาวที่ตายระหว่างคลอดลูก โดยหญิงที่ตายในลักษณะนี้เชื่อกันว่าเฮี้ยนสุดๆ จนถูกนำไปเล่าในภาพยนตร์สยองขวัญครั้งแล้วครั้งเล่า Pontianak ปรากฏตัวในลักษณะสวมชุดสีขาว ผิวขาวซีด ผมดำ แต่มีตาสีแดง ล่อลวงด้วยเสียง และชายที่หลงกลก็จะถูกฉีกร่างเป็นชิ้นๆ ก่อนจะกลืนกิน
สุสาน Bukit Brown มีเนื้อที่ 200 เอเคอร์ (หรือ 506 ไร่) มีหลุมศพ 1 แสนหลุม ที่นี่มัคคุเทศก์จะบรรยายเกร็ดประวัติศาสตร์เรื่องพิธีฝังศพชาวจีน จุดเด่นของสุสานแห่งนี้คือหลุมศพของ Chew Keok Leong แพทย์ผู้มีชื่อเสียงที่มีพื้นเพเดิมเป็นชาวกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีนในปัจจุบัน หน้าหลุมศพมีหุ่นทหารชาวซิกข์ 2 คน ถือปืนเฝ้าอยู่ แคลร์ โหลว (Claire Leow) ผู้ร่วมก่อตั้งทัวร์สุสาน เล่าว่าได้ยินเรื่องแปลกๆ จากผู้เฝ้าสุสานคนก่อน
อาทิ ที่นี่เคยมีทั้งการทำพิธีหลั่งเลือดเพื่อรับคนเข้าแก๊งมาเฟีย ในช่วงทศวรรษ 1970s (ปี 2513-2522) การลักลอบมามีเพศสัมพันธ์ การทำพิธีกรรมทางไสยศาสตร์ แม้กระทั่ง “คอหวย” ที่มาแสวงหาเลขเด็ดไปเสี่ยงโชค จนบางครั้งผู้ดูแลสุสานต้องแกล้งปลอมเป็นผี โดยการนำถุงดำใส่ขยะมาสวมแล้วย่องไปหลอกด้วยการพูดภาษาจีนสำเนียงฮกเกี้ยน เพื่อปรามพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมของผู้มาเยือนบ้าง
ความเฮี้ยนของ Bukit Brown ถูกพูดถึงในปี 2555 เมื่อทางการสิงคโปร์ตัดถนนผ่านพื้นที่สุสาน ร่างไร้วิญญาณจำนวน 4,000 ศพ ถูกขุดขึ้นมา กลายเป็นเรื่องร่ำลือว่าคนตายไม่อาจพักผ่อนได้อย่างสงบ ชาวออสเตรเลียรายหนึ่งเล่าว่าไปถ่ายทำวีดีโอในยามค่ำคืน และใช้แอพพลิเคชั่นที่สร้างขึ้นสำหรับจับคลื่นสัญญาณแปลกๆ ซึ่งพบปฏิกิริยาเสียงรบกวนบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถสรุปได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ อย่างไรก็ตาม มีบางคนโต้แย้งว่า การที่สุสานเป็นแบบเปิดให้เดินผ่านได้ แถมยังรกและเต็มไปด้วยสัตว์เลื้อยคลาน ทำให้ผู้คนรู้สึกกลัวขึ้นมามากกว่า
ปิดท้ายที่ปีนัง ประเทศมาเลเซีย วินสตัน ลิ้ม (Winston Lim) มัคคุเทศก์นำเที่ยวสถานที่ผีสิง เล่าถึงคฤหาสน์แห่งหนึ่งที่สร้างบนที่ดินซึ่งชาวบ้านเตือนก่อนก่อสร้างแล้วว่ามีคำสาปแต่เศรษฐีที่จะสร้างบ้านไม่เชื่อ เมื่อสร้างเสร็จปรากฏว่าลูกสาวเศรษฐีและคนรับใช้ทยอยตายลง สุดท้ายตัวเศรษฐีเองก็ไม่รอด ต่อมาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นบุกยึดคฤหาสน์ดังกล่าวและทำเป็นสถานที่บำเรอกามของทหาร มีผู้หญิงมากมายตกเป็นทาสทางเพศที่นี่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี