เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2564 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Anti-vaccine activists peddle theories that Covid-19 shots are deadly, undermining vaccination ระบุว่า ท่ามกลางนโยบายเร่งฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้กับชาวอเมริกันให้ได้อย่างกว้างขวางโดยเร็วที่สุด บุคลากรด้านสาธารณสุขต้องเผชิญปัญหาสำคัญอย่างหนึ่งคือ “ลัทธิต่อต้านการฉีดวัคซีน (Anti-vaccine)” ที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องมาก่อนที่โลกจะเผชิญกับสถานการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่นี้
ปีเตอร์ โฮเตซ (Peter Hotez) ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ และเป็นผู้เขียนหนังสือ “การป้องกันโรคระบาดครั้งต่อไป : การทูตวัคซีนในห้วงเวลาของการต่อต้านวิทยาศาสตร์ (Preventing the Next Pandemic: Vaccine Diplomacy in a Time of Anti-Science) กล่าวว่า นักเคลื่อนไหวต่อต้านการฉีดวัคซีนได้เผยแพร่ข้ออ้างที่ไม่ถูกต้องมานานหลายทศวรรษแล้ว เช่น การฉีดวัคซีนให้กับเด็กๆ จะทำให้เด็กป่วยเป็นออทิสติก
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงทฤษฎีสมคบติดกันระหว่างภาครัฐ ธุรกิจแอกชนขนาดใหญ่ และสื่อมวลชน ซึ่งในเวลานี้ ผู้ที่มีแนวคิดดังกล่าวกำลังอาศัยข้อผิดพลาดโดยบังเอิญจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งที่ตัวแปรสำคัญอยู่ที่อายุและภาวะสุขภาพของแต่ละบุคคล โดยคนเหล่านี้จะสร้างกระแสตื่นตระหนกให้เกิดขึ้นเสมอกับทุกอย่างทีเกิดขึ้นหลังการฉีดวัคซีนและกล่าวโทษว่าเป็นเพราะวัคซีน
เช่นเดียวกับ ไมเคิล ออสเตอร์โฮล์ม (Michael Osterholm) ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและนโยบายโรคติดเชื้อ มหาวิทยาลัยมินนิโซตา (University of Minnesota's Center for Infectious Disease Research and Policy) ที่อธิบายว่า อายุที่เพิ่มขึ้นบวกกับสุขภาพที่แข็งแรงน้อยลง ทำให้ผู้สูงวัยจำนวนมากต้องทนทุกข์ทรมานหลังการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ทั้งนี้ ในประชากรทุกๆ 10 ล้านคน จะมี 800 คนที่อายุระหว่าง 55-64 ปี มักเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายหรือโรคหลาดเลือดหัวใจใน 1 สัปดาห์ แต่ปัญหาคือบุคลากรสาธารณสุขไม่พร้อมรับมือข่าวลือที่แพร่กระจายผ่านสื่อมวลชนรวมถึงสื่อออนไลน์ต่างๆ เช่น ข่าวอาจบรรยายว่าผู้ตายได้รับการฉีดวัคซีนในเวลา 08.00 น. ก่อนจะเสียชีวิตในเวลา 16.00 น. ด้วยอาการหัวใจวาย พร้อมกับการตั้งสมมติฐานที่เป็นเหตุเป็นผล
ออสเตอร์โฮล์ม กล่าวต่อไปว่า บุคลากรด้านสาธารณสุขต้องทำงานด้านการสื่อสารความเสี่ยงให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเกี่ยวกับวัคซีนทั้งที่เป็นเรื่องจริงและเรื่องที่ผู้คนจินตนาการขึ้นเอง และต้องย้ำว่ามีโอกาสเพียงครั้งเดียว แม้จะมีการชี้แจงภายหลังว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องอะไรกับวัคซีน เช่น ผู้ตายเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ความเสียหายก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
กลุ่มต่อต้านวัคซีน เช่น National Vaccine Information Center and Children's Health Defense ซึ่งก่อตั้งโดย โรเบิร์ต เอฟ. เคนเนดี จูเนียร์ (Robert F. Kennedy Jr.) กำลังโหมกระแสความหวาดกลัวการฉีดวัคซีน โดยอ้างข่าวผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่งในทวีปยุโรป ที่หลายๆ ประเทศกำลังทยอยฉีดวัคซีนให้ประชาชนเช่นกัน โดย เคนเนดี โพสต์ข้อความผ่านเว็บบล็อกส่วนตัว ทั้งการไม่เชื่อรายงานชันสูตรศพที่ระบุว่าหญิงชาวโปรตุเกสเสียชีวิตนั้นสาเหตุไม่เกี่ยวกับวัคซีน
การตั้งข้อสงสัยบุคลากรสาธารณสุขในเดนมาร์กที่ระบุว่ามีผู้เสียชีวิต 2 รายหลังการฉีดวัคซีนโดยชี้แจงว่าทั้ง 2 มีอายุมากและป่วยโรคปอดเรื้อรัง รวมถึงการให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อ เคนเนดี ก็ตั้งคำถถามถึงการเสียชีวิตของผู้สูงอายุในบ้านพักคนชราในนอร์เวย์ซึ่งบางคนสุขภาพไม่ดีและป่วยหนักอยู่แล้วหลังการฉีดวัคซีนเป็นสัญญาณอันตราย โดยเจ้าหน้าที่ยืนยันว่าผู้ตายเสียชีวิตเพราะโรคประจำตัวไม่ใช่จากวัคซีน นอกจากนี้ เคนเนดี ยังกล่าวหาบุคลากรสาธารณสุขว่าทำตามคู่มือการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับวัคซีนที่คุ้นเคย และการใช้กลวิธีเชิงกลยุทธ์
ขณะที่ในสหรัฐฯ กรณีการเสียชีวิตของ เกรกอรี ไมเคิล (Gregory Michael) สูตินรีแพทย์ วัย 56 ปี ในรัฐฟลอริดา เมื่อวันที่ 5 ม.ค. 2564 หลังทนทุกข์ทรมานกับภาวะเกล้ดเลือดลดต่ำลง ซึ่งเกล็ดเลือดเป็นองค์ประกอบในเลือดที่ควบคุมการตกเลือด บ่งชี้ว่าเขาอาจพัฒนาภูมิคุ้มกันต่ำ กลายเป็นเอีกเรื่องที่ถูกนักต่อต้านวัคซีนนำไปตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความปลอดภัยของวัคซีนและการกำกับดูแลของรัฐบาล โดย เฮดิ เน็คเคลมานน์ (Heidi Neckelmann) ภรรยาของ ไมเคิล โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่าพยายามดูแลสามีทุกวิถีทางแล้วแต่ไม่อาจยื้อชีวิตไว้ได้
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (CDC) กำลังสอบสวนหาสาเหตุการเสียชีวิตของแพทย์ผู้นี้ รวมถึงปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวกับวัคซีนทั้งหมด ขณะที่ทางการรัฐแคลิฟอร์เนีย แนะนำให้หยุดฉีดวัคซีนที่พัฒนาโดย โมเดอร์นา (Moderna) เนื่องจากมีอัตราการแพ้สูง แจ่หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน วัคซีนดังกล่าวก็ได้รับอนุญาตให้นำกลับมาฉีดได้ตามเดิม ออสเตอร์โฮล์ม ย้ำว่า ตนเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและต้องติดตามทุกกรณี เพราะไม่อยากให้คนอื่นๆ มองว่ากำลังกวาดขยะซุกไว้ใต้พรม
ทั้งนี้ ชาวอเมริกันร้อยละ 27 มีแนวโน้มหรือได้ตัดสินใจแน่นอนไปแล้วว่าจะไม่ฉีดวัคซีน แม้จะเป็นการรบริการโดยไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกทั้งวัคซีนได้รับการรับรองทางวิทยาศาสตร์ โรรี สมิธ (Rory Smith) ผู้จัดการฝ่ายวิจัยของ First Draft องค์กรไม่แสงงหากำไรที่ทำงานแจ้งเตือนข่าวลือผิดๆ เกี่ยวกับวัคซีน กล่าวว่า คนเหล่านี้อาจอ่อนไหวเป็นพิเศษ ขณะที่กองบรรณาธิการของ KHN สัมภาษณ์เชิงลึกผู้เชี่ยวชาญด้านความผิดปกติของระบบเลือดจำนวน 7 คน ทั้งหมดยืนยันว่า ยังไม่มีข้อบ่งชี้ที่เพียงพอจะสรุปได้ว่าวัคซีนเกี่ยวของกับการตายของหมอไมเคิล
ผู้เชี่ยวชาญยังย้ำถึงประโยชน์ของการฉีดวัคซีนที่มีมากกว่าความเสี่ยงตกเลือด และถึงจะสรุปว่าวัคซีนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของแพทย์รายนี้ มันก็ยังเป็นกรณีที่พบได้ยากมาก หากเทียบกับจำนวนวัคซีนที่ฉีดไปแล้วกว่า 20 ล้านโดส ซึ่ง เจมส์ เซห์นเดอร์ (James Zehnder) ผู้อำนวยการศูนย์พยาธิวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด (Clinical Pathology at Stanford Medicine) ย้ำว่า ไม่ควรให้ใครมาเสียเวลาคิดว่าวัคซีนปลอดภัยหรือไม่
อดัม คูเกอร์ (Adam Cuker) ผู้อำนวยการศูนย์ความผิดปกติของโลหิตเพนน์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย (Penn Blood Disorders Center at the Hospital of the University of Pennsylvania) มองว่า อาจเป็นเรื่องบังเอิญที่อาการผิดปกติของ ไมเคิล อาจก่อตัวขึ้นอย่างเงียบๆ และมาแสดงอาการไม่นานหลังฉีดวัคซีน ทั้งนี้ ในแต่ละวันจะมีชาวอเมริกันเฉลี่ย 30 คน ได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะภูมิคุ้มกันในเลือดต่ำ
รายงานของแพทย์ระบุว่า ช่วงเวลาเจ็บป่วยของ ไมเคิล บ่งชี้ว่ามาจากสาเหตุอื่น โดยภรรยาของเขาโพสต์ข้อความผ่านเฟซบู๊กส่วนตัว เล่าว่า ไมเคิลเริ่มมีอาการเลือกออกหลังผ่านไป 3 วันนับจากวันที่ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 เข็มแรก ซินดี นูเนิร์ต (Cindy Neunert) นักโลหิตวิทยาในเด็ก จาก Columbia University Irving Medical Center เมืองนิวยอร์ก กล่าวว่า เมื่อฉีดวัคซีนไปแล้วต้องใช้เวลา 10-14 วันเพื่อสร้างแอนติบอดี
ขณะที่ ดีปัก ภัทท์ (Deepak Bhatt) หลายคนใหญ่ไม่ทราบมาก่อนว่าตนเองมีภาวะเกล็ดเลืดดต่ำ ซึ่งภาวะดังกล่าวเชื่อมโยงกับวัคซีนบางชนิด เช่น ในการฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัดเยอรมัน-คางทูม ทุกๆ 1 ล้านโดส จะพบคนที่มีภาวะดังกล่าวประมาณ 26 ราย ด้เน สเวน โอลสัน (Sven Olson) ผู้ช่วยศาสตาจารย์ด้านโลหิตวิทยาและเนื้องอก Oregon Health & Science University's school of medicine กล่าวว่า การเสียชีวิตอาจเกิดได้ทั้งจากโรคหัด หรือแม้แต่จากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ถึงกระนั้น เซห์นเดอร์ ยังยืนยันว่า แม้แต่ในผู้ที่มีภาวะเลือดออก การฉีดวัคซีนก็ยังดีกว่าการปลอดให้ติดเชื้อ ส่วน คูเกอร์ กล่าวว่า ตนเรียกร้องให้ผุ้ปาวยระบบประสาทได้รับการฉีดวัคซีน โดยสังเกตว่าปัญหาต่างๆ สามารถแก้ไขได้โดยการติดตามระดับเกล็ดเลือดอย่างใกล้ชิดและปรับยาหากจำเป็น การฉีดวัคซีนให้คนจำนวนมากย่อมมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์แต่พบได้ยากตามมา แต่ก็มีเหตุการณ์บังเอิญที่ไม่เกี่ยวกับวัคซีนด้วย ดังนั้นหากกลุ่มต่อต้านวัคซีนยกเพียงกรณีเดียวโดยไม่มีการพิสูจน์ความเชื่อมโยงเพื่อกีดกันคนจากการฉีดวัคซีน นั่นเป็นเรื่องที่แย่มาก
บาร์บารา โล ฟิชเชอร์ (Barbara Loe Fisher) ประธาน National Vaccine Information Center ยืนยันว่า เว็บไซต์ขององค์กรใช้ข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ เช่น สำนักข่าว CNN สถานีโทรทัศน์ CBS นสพ.Miami Herald ไปจนถึงหน่วยงานรัฐอย่าง CDC และผู้พัฒนาวัคซีนอย่างไฟเซอร์ (Pfizer) และตั้งคำถามว่า เหตุใดทางการถึงยกเลิกความเชื่อมโยงระหว่างการฉีดวัคซีนกับการเสียชีวิตอย่างรวดเร็ว รู้ได้อย่างไรว่าเกี่ยวกับวัคซีนหรือไม่ เช่นเดียวกับ เคนเนดี ที่ย้ำว่า ตนไม่เคยกีดกันใครจากการฉีดวัคซีน แต่เป็นเพียงการถ่ายทอดข้อมูลและความจริง อันเป็นสิ่งที่ทั้งรัฐบาลและแพทยสภาควรทำ
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า มีผู้คนที่ต่อต้านทุกๆ มาตรการที่ออกมาเพื่อควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 โดย ริชาร์ด คาร์เพียโน (Richard Carpiano) ศาสตราจารย์ด้านนโยบายสาธารณะและสังคมวิทยา University of California-Riverside กล่าวว่า คนเหล่านี้ทั้งปฏิเสธการมีอยู่ของไวรัสโควิด-19 แล้วคัดค้านทั้งการสวมหน้ากากปิดปาก-จมูก นโยบายอยู่บ้านหยุดเชื้อ รวมถึงการติดตามเส้นทางการเดินทางแต่ละวันว่าไปที่ใดมาบ้าง อีกทั้งยังบอกว่าสาธารณสุขเป็นศัตรูหมายเลข 1 ของประชาชน
เมื่อเร็วๆ นี้ นักเคลื่อนไหวต่อต้านการฉีดวัคซีน กระตือรือร้นที่จะลดทอนความน่าเชื่อถือของวัคซีน และกล่าวโทษไวรัสโควิด-19 เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตของผู้คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ผู้ใช้สื่อออนไลน์หลายรายเลือกตัดต่อวีดีโอคลิปที่ ทิฟฟานี โดเวอร์ (Tiffany Dover) พยาบาลในรัฐเทนเนสซี ที่จู่ๆ ก็ล้มลงหลังจากฉีดวัคซีน โดยผู้ใช้สื่อออนไลน์ที่เผยแพร่และส่งต่อคลิปดังกล่าวอ้างว่าพยาบาลรายนี้เสียชีวิต แต่จริงๆ แล้วเพียงแค่เป็นลมเท่านั้น
โดริท ไรส์ (Dorit Reiss) ศาสตราจารย์ด้านกฎหมายจาก UC Hastings College of Law เมืองซานฟรานซิสโก กล่าวว่า แม้ความจริง โดเวอร์ จะไม่ได้เสียชีวิตและฟื้นสติจากอาการเป็นลม แต่บนโลกออนไลน์ก็มีการโพสต์ภาพใบมรณบัตรปลอมและข่าวปลอมว่าด้วยการเสียชีวิตของพยาบาลรายนี้ นอกจากนี้ นักเคลื่อนไหวต่อต้านวัคซีนยังไปคุกคามโดเวอร์และครอบครัวผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย
ขณะที่ สมิธ กล่าวเสริมว่า นักเคลื่อนไหวเหล่านี้มีความชำนาญในการใช้สื่อทั้งรูปภาพและคลิปวีดีโอเพื่อปั่นกระแส (Manipulating) โดยอ้างถึงผลเสียชองวัคซีน ตั้งแต่อาการออทิสติกในเด็กไปจนถึงอาการชักในผู้รับวัคซีนรายอื่นๆ ยิ่งรูปภาพและวีดีโอปลุกเร้าอารมณ์และใช้กราฟิกมากขึ้นเท่าใด มันจะยิ่งมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าจริงๆ แล้วมันจะเกี่ยวหรือไม่เกี่ยวกับวัคซีนก็ตาม
ในเดือน ธ.ค. 2563 มีการโพสต์ข้อความบนเฟซบู๊กหลายครั้งว่ามีพยาบาลในรัฐอลาบามาเสียชีวิตจากการฉีดวัคซีนเข็มแรก ขณะที่ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายหนึ่งอ้างว่าพยาบาลคนดังกล่าวชื่อ เจนนิเฟอร์ แม็คคลุง (Jennifer McClung) ทำงานที่ Helen Keller Hospital in Sheffield ซึ่งแม้ว่าพยาบาบคนดังกล่าวจะเสียชีวิตจริง แต่สาเหตุมาจากการติดเชื้อโควิด-19 ไม่เกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนแต่อย่างใด กลุ่มต่อต้านวัคซีนมักสร้างนิทานจากเมล็ดเล็กๆ ของความจริง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข่าวลือผิดๆ โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับวัคซีนจึงดูน่าเชื่อถือมาก แต่ข้อมูลเหล่านี้จะถูกแยกออกจากบริบทโดยสิ้นเชิง ทำให้เกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนไปจนถึงข่าวเท็จ
ก่อนหน้านี้ยังมีกรณี สถาบัน รอน พอล เพื่อสันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง (The Ron Paul Institute for Peace and Prosperity) บิดเบือนข่าวการเสียชีวิตของผู้สูงอายุ 24 คน ในบ้านพักคนชราทางเหนือของเมืองนิวยอร์ก โดยอ้างว่าเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีน แต่เมื่อตรวจสอบจึงรู้ว่าการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในบ้านพักคนชราดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงปลายเดือน ธ.ค.2563 ซึ่งในเวลา นั้นยังไม่มีประชาชนทั่วไปคนใดได้รับการฉีดวัคซียป้องกันโควิด-19 ประกอบกับวัคซีนจะมีผลป้องกันโรคได้ต้องฉีด 2 ครั้งต่อคน
แต่ เคนเนดี กลับเผยแพร่ข่าวผิดๆ ทับซ้ำไปอีกเรื่องผู้เสียชีวิตมีสาเหตุมาจากการฉีดวัคซีน ทั้งที่เชื่อมโยงข้อมูลกับสำนักข่าวท้องถิ่นที่รายงานข่าวซึ่งเป็นข้อมูลที่ถูกต้อง ซึ่ง คูเกอร์ กล่าวว่า การบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อกีดกันไม่ให้ฉีดวัคซีนนั้น เป็นพฤติกรรมที่ขาดความรับผิดชอบและเป็นอันตรายต่อสุขภาพของประชาชน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี