14 ก.พ. 2564 สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา เสนอข่าว Covid passports could deliver a 'summer of joy,' Denmark hopes เมื่อวันที่ 13 ก.พ. 2564 ระบุว่า เดนมาร์ก ประเทศที่มีประชากรไม่ถึง 6 ล้านคน อาจกลายเป็นที่แรกในโลก ที่ใช้ระบบหนังสือเดินทางที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 หรือ “วัคซีนพาสปอร์ต (Vaccine Passport)” โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ภายในสิ้นเดือน ก.พ. 2564 ซึ่งเดนมรร์กเป็นหนึ่งในประเทศที่กระจายวัคซีนได้ดีมากประเทศหนึ่งของโลก ตั้งเป้าว่าประชาชนจะได้รับการฉีดวัคซีนครบทุกคนภายในเดือน มิ.ย. 2564
แต่ถึงกระนั้น ด้วยความที่เดนมาร์กเลือกใช้วิธีควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ด้วยมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวด ทั้งการปิดประเทศโดยผู้เดินทางเข้าเดนมาร์กต้องเข้ากระบวนการกักกันโรค สั่งปิดกิจการเกือบทั้งหมด และห้ามรวมกลุ่มชุมนุมเกิน 5 คน ก็กลายเป็นแรงกดดันต่อด้านเศรษฐกิจด้วย โดย มอร์เทน บอดส์คอฟ (Morten Bodskov) รักษาการรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของเดนมาร์ก กล่าวว่า เดนมาร์กยังคงเผชิญผลกระทบอย่างหนักจากสถานการณ์โรคระบาด แต่บางส่วนของสังคมต้องก้าวไปข้างหน้า และชุมชนธุรกิจต้องไปต่อได้
เช่นเดียวกับ เจปป์ โคฟอด (Jeppe Kofod) รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเดนมาร์ก ที่กล่าวว่า มีงานกว่า 8 แสนตำแหน่งในเดนมาร์กที่เชื่อมโยงกับการค้าระหว่างประเทศ นี่จึงเป็นเรื่องพื้นฐาน หากต้องการให้การส่งออกและการซื้อ-ขายกลับมาอีกครั้ง หนังสือเดินทางที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิดก็เป็นเครื่องมือที่จะทำให้สิ่งเหล่านั้นเกิดขึ้น และในฐานะที่เดนมาร์กเป็นประเทศหนึ่งที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลอย่างแพร่หลาย จึงเหมาะสมในการถูกเลือกให้ทดสอบเทคโนโลยีใหม่นี้ ด้วยความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน
ลาร์ส เรมเม นีลเซน (Lars Ramme Nielsen) ผู้แทนหอการค้าเดนมาร์ก ให้ความเห็นว่า การนำเทคโนโลยีมาใช้อย่างรวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญ หากไม่ทำอะไรเลยและเอาแต่นั่งรอก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น การเริ่มต้นเมื่อโควิด-19 หายไปแล้วมันจะสายเกินไปสำหรับโครงการนี้ และจะรู้สึกดีมากหากจะมีฤดูร้อนแห่งความสุข ไม่ว่าฟุตบอลหรือดนตรี ดังนั้นจึงควรเริ่มต้นให้เร็วกว่านั้นเพื่อวางแผน ทั้งนี้ ในช่วงฤดูร้อนของปี 2564 เดนมาร์กเป็นหนึ่งในประเทศที่ร่วมจัดการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ “ยูโร 2021 (EURO 2021)” ด้วย
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า เทคโนโลนี 2 ชนิดที่คาดว่าจะนำมาใช้สำหรับออกใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 คือ “คลาวด์ (Cloud)” ที่เป็นการเก็บข้อมูลทางไกลไว้ในเซิร์ฟเวอร์กลาง กับ “บล็อกเชน (Blockchain)” ระบบที่ซับซ้อนกว่าแต่ปกป้องความเป็นส่วนตัวได้ดีกว่า และเนื่องจากการที่หลายประเทศในยุโรปอยู่ภายใต้มาตรฐานกลางด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของสหภาพยุโรป (EU) ที่เข้มงวด ทำให้ต่างฝ่ายต่างรอดูท่าทีว่าจะมีประเทศใดเริ่มต้นระบบนี้ก่อนเป็นแห่งแรก
การลงทุนในระดับสูงในการพัฒนาระบบใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 เป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีในภาคเอกชน ว่าหลังจากนี้มันจะกลายเป็นวิธีการทั่วไปในการเปิดพรมแดน สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2563 และอีกหลายองค์กรก็มีทางเลือก เช่น มูลนิธิ Commons Project Foundation , บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีอย่าง IBM รวมถึง Clear ซึ่งเป็นบริษัทที่เชี่ยวชาญด้านระบบยืนยันตัวตน
คาร์สเทน สตอร์เนอร์ (Carsten Storner) ผู้แทน IBM สาขาเดนมาร์ก กล่าวว่า นี่เป็นโครงการริเริ่มระดับโลก ไม่ใช่แค่วัคซีน แต่จะเปิดพื้นที่จัดเก็บข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดกับโควิด-19 รวมถึงผลการทดสอบแอนติเจน และใครจะรู้่ว่าในอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นในรูปแบบต่างๆ ทั้งนี้ ระบบใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 จะเริ่มใช้กับผู้ที่เดินทางเพื่อทำธุรกิจก่อนเป็นกลุ่มแรก เพื่อสร้างความกระตือรือร้นที่จะเริ่มการค้ากับต่างประเทศ ซึ่งคิดเป็น 1 ใน 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ของเดนมาร์ก
เม็ทท์ โดเบล (Mette Dobel) ประธานภูมิภาคของบริษัทเหมืองแร่และปูนซีเมนต์ FL.Smidth กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าพนักงานมีความสำคัญเพียงใดในการออกสู่ตลาดใหม่และรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าเดิม เพราะเป็นธุรกิจที่ไม่สามารถขับเคลื่อนผ่านร้านค้าบนเว็บไซต์ได้ การเจรจาแบบพบเจอกันโดยตรงโดยเฉพาะในโครงการค่อนข้างใหญ่เป็นเรื่องจำเป็น บริษัทมีพนักงาน 300 ชีวิตในเดนมาร์กที่เดินทางตลอดเวลา ดังนั้นต้องให้พวกเขาได้เดินทาง
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า เมื่อภาคธุรกิจเริ่มดำเนินการแล้ว ระยะต่อไปก็จะเป็นคิวของภาตบริการรวมถึงภาคการบันเทิงขนาดใหญ่ในเดนมาร์ก ที่จะได้ใช้ระบบหนังสือเดินทางที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ซึ่งด้วยวัฒนธรรมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลที่เข้มแข็ง เดนมาร์กอาจเป็นสนามทดสอบที่สมบูรณ์ของเทคโนโลยีใหม่นี้ แต่ถึงกระนั้น ใช่ว่าชาวเดนมาร์กทุกคนจะเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว เนื่องจากมีผู้ที่กังวลเรื่องการแบ่งชนชั้นทางสังคมหากมีการนำระบบนี้มาใช้
เชลินา แฮนเซน (Chelina Hansen) หญิงชาวเดนมาร์กที่เพิ่งเป็นแม่ลูกอ่อน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เพราะอยู่ในช่วงให้นมบุตร เป็นหนึ่งในคนที่ร่วมลงชื่อคัดค้านผ่านเว็บไซต์ของรัฐสภา โดยให้เหตุผลว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน เพราะการเดินทางจะเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ที่ไม่มีใบรับรองการฉีดวัคซีน และตนไม่ต้องการให้สังคมถูกแบ่งแยก
เช่นเดียวกับ พีเดอร์ ฮเวล์พลันด์ (Peder Hvelplund) โฆษกด้านสุขภาพของกลุ่มการเมือง Red-Green Alliance ที่ตั้งคำถามว่า เหตุใดถึงรอไม่ได้ ทั้งที่อีกไม่กี่เดือนข้างหน้าทุกคนในเดนมาร์กก็จะได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 แล้ว และยิ่งมีการฉีดวัคซีนมากเท่าไรก็จะยิ่งลดโอกาสการระบาดของโรคได้มากเท่านั้น มันคือประโยชน์ของธุรกิจที่จะกลับมาเปิดบริการอีกครั้งเพื่อทุกคน และอนุญาตให้คนจำนวนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ได้ประโยชน์จากสิ่งนั้น
แม้กระทั่งภาคธุรกิจในเดนมาร์กเองก็ยังมีความเห็นไม่ตรงกัน ในขณะที่องค์กรด้านการค้าวิ่งเต้นอย่างหนักเพื่อให้ระบบใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 มีผลบังคับใช้โดยเร็วที่สุด แต่สำหรับ ฟิลิป เฮลก์สแตรนด์ (Philip Helgstrand) เจ้าของร้านอาหาร Strandhotellet ในเมือง Dragoer ซึ่งเป็นเมืองท่าทางตอนใต้ของกรุงโคเปนเฮเกน มองว่า ธุรกิจขนาดเล็กคงไม่สามารถตรวจสอบและบริหารจัดการข้อมูลของลูกค้าได้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติ เช่น ผู้โดยสารบนเรือสำราญ ที่เคยมีเป็นจำนวนมากเมื่อครั้งก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาด
เฮลก์สแตรนด์ ให้ควาเมห็นว่า มันเป็นเรื่องไม่เป็นธรรมหากจะให้ร้านค้ามาตรวจสอบใบรับรองการฉีดวัคซีนของลูกค้า สิ่งที่ร้านพอจะทำได้คือการขอให้ลูกค้าสวมหน้ากากปิดปาก-จมูกเมื่อเข้าใช้บริการ และจัดที่นั่งไม่ให้แออัดเกินไป ส่วนการตรวจสอบหนังสือใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ควรเป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานควบคุมชายแดนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ไม่เฉพาะเดนมาร์กเท่านั้นที่คัดค้านแนวคิดดังกล่าว ย้อนไปเมื่อปี 2563 กลุ่ม Privacy International แสดงความเป็นห่วงว่า ใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 อาจทำให้เกิดการเลือกปฏิบัติในการเข้ารับบริการต่างๆ นอกจากนี้ยังมีผู้ตั้งคำถามว่า หนังสือเดินทางที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนจะใช้ได้ทั่วโลกได้อย่างไร ทั้งนี้ หลังเริ่มการฉีดวัคซีนไปแล้วระยะหนึ่ง สหภาพยุโรปอาจเกิดวิกฤติครั้งใหม่คือการสร้างบรรทัดฐานบันทึกการฉีดวัคซีนเพื่อปกป้องข้อตกลง “เชงเกน (Schengen)” หรือการอนุญาตให้เดินทางได้เสรีในประเทศที่ร่วมประชาคมดังกล่าว
ซึ่งหากแต่ละประเทศมีนโยบายที่แตกต่างกันเกี่ยวกับใบรับรองการฉีดวัคซีนโควิด-19 ก็อาจนำไปสู่ความยุ่งเหยิงได้อย่างรวดเร็ว เช่น ในจณะที่ กรีซ ประเทศที่สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวไปถึงร้อยละ 70 ในปี 2563 สนับสนุนระบบหนังสือเดินทางที่มีใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เช่เนดียวกับสวีเดน ฮังการีและโปแลนด์ ก็เชื่อว่าการบรรจุประวัติการฉีดวัคซีนลงในฐานข้อมูลดิจิทัลจะใช้ได้ผล แต่ 2 ชาติมหาอำนาจของยุโรปอย่างเยอรมนีกับฝรั่งเศส ยังไม้สนับสนุนแนวคิดนี้ แม้จะมีกฎหมายคล้ายกัน เช่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้เหลือง
ส่วน อังกฤษ ที่ออกจากสหภาพยุโรปไปแล้ว และมีประชากรกว่า 14 ล้านคนได้รับการฉีดวัคซีนโดสแรก แนวคิดใบรับรองการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 พบว่ายังได้รับการสนับสนุนไม่มากนักและยังมีข้อถกเถียงกันอยู่ ซึ่ง เดนมาร์ก ก็ทราบดีว่าแนวคิดนี้จะประสบความสำเร็จก็ต่อเมื่อประเทศอื่นๆ รวมถึงที่อยู่นอกประชาคมสหภาพยุโรปด้วยเห็นชอบ ดังที่ เจปป์ โคฟอด รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของเดนมาร์ก กล่าวว่า สิ่งสำคัญคือประเทศอื่นๆ ก็ต้องมีระบบใบรับรองการฉีดวัคซีนเช่นกัน
ลาร์ส แซนดาห์ล โซเรนเซน (Lars Sandahl Sorensen) ผู้แทนสมาพันธ์อุตสาหกรรมแห่งเดนมาร์ก กล่าวว่า องค์การสหประชาชาติ (UN) และองค์การอนามัยโลก (WHO) มีส่วนร่วมในกระบวนการรับรองบางประเภท หากปราศจากสิ่งนี้ เดนมาร์กจะถูกตัดออกจากสิ่งที่จำเป็นต้องได้รับ เพราะเดนมาร์กเป็นประเทศที่เกี่ยวข้องและค้าขายกับส่วนอื่นๆ ของโลก การที่ไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนทั้งโลกจึงหยุดสังคมของชาวเดนมาร์กด้วย ดังนั้นจึงคาดหวังว่าใบรับรองารฉีดวัคซีนจะกลายเป็นโครงการระดับนานาชาติ โดยเดนมาร์กเป็นเพียงผู้เริ่มต้นให้เห็นว่าสามารถทำได้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี