วอชิงตัน (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างกฎหมายหลายฉบับที่รวมเป็นชุดเดียวกัน ทุ่มลงทุนมากกว่า 7 ล้านล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของสหรัฐฯ ในการแข่งขันกับเทคโนโลยีจากจีน
วุฒิสภาสหรัฐฯ ลงมติเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น อนุมัติร่างกฎหมายหลายฉบับที่รวมเป็นชุดเดียวกัน ที่จะทุ่มลงทุนด้วยงบประมาณมหาศาลรวม 240,000 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยมากกว่า 7.4 ล้านล้านบาท เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในด้านการแข่งขันกับเทคโนโลยีจากจีน โดยจะลงทุนมหาศาล 190,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งในการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และเตรียมอนุมัติงบเพิ่มต่างหากอีก 50,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อเพิ่มการผลิตและการวิจัยในด้านเซมิคอนดักเตอร์และอุปกรณ์โทรคมนาคม
หลังผ่านการอนุมัติวุฒิสภาแล้ว ชุดร่างกฎหมายนี้ จะต้องผ่านการอนุมัติจากสภาผู้แทนสหรัฐฯ ด้วย แล้วจึงส่งต่อไปให้ประธานาธิบดี โจ ไบเดน ลงนามเป็นกฎหมายโดยสมบูรณ์
วุฒิสภาลงมติผ่านชุดร่างกฎหมายหลายฉบับพร้อมกันครั้งนี้ ด้วยคะแนน 68 ต่อ 32 เสียง และเมื่อปลายเดือนพฤษภาคม ชุดร่างกฎหมายต่อต้านจีนมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์นี้ เคยสามารถผ่านการลงมติเกี่ยวกับกระบวนการพิจารณามาแล้วในวุฒิสภา ด้วยคะแนนพอๆ กัน คือ68 ต่อ 30 ความหมายคือ ทั้งพรรครัฐบาลเดโมแครต และพรรคฝ่ายค้านรีพับลิกันต่างพร้อมใจสนับสนุนชุดร่างกฎหมายต่อต้านจีนครั้งนี้
การเพิ่มความแข็งกร้าวในนโยบายต่อจีน ดูเหมือนจะเป็นเพียงไม่กี่เรื่อง ที่พรรคเดโมแครตกับรีพับลิกันในรัฐสภาสหรัฐฯ จะมีความเห็นพ้องต้องกัน ท่ามกลางความแตกแยกร้าวลึกระหว่าง 2 พรรคในรัฐสภา ซึ่งพรรคเดโมแครตฝ่ายรัฐบาล ครองเสียงข้างมากเหนือรีพับลิกัน เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ด้าน จีน่า ไรมอนโด รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เงินงบประมาณที่จะได้จากชุดร่างกฎหมายดังกล่าว จะรวมถึงการลงทุนสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์แห่งใหม่ ราว 7-10 แห่ง ขณะที่ สว. ชัค ชูเมอร์ จากพรรคเดโมแครต ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐฯ และร่วมสนับสนุนชุดร่างกฎหมายต่อต้านจีนนี้ กล่าวว่า สหรัฐฯ ลงทุนเพียงไม่ถึง 1% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ GDP เท่านั้น ไปกับการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ถึงครึ่งหนึ่งของงบประมาณที่รัฐบาลจีนทุ่มเทให้กับการวิจัยทางวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้ ในชุดร่างกฎหมายนี้ ยังรวมถึงการสกัดอิทธิพลของจีน ที่กำลังไต่ระดับเพิ่มสูงขึ้นในโลกผ่านการทูต โดยสหรัฐฯ จะเพิ่มการจับมือกับชาติพันธมิตร เพื่อเพิ่มบทบาทของสหรัฐฯ ในองค์กรระหว่างประเทศต่างๆ ที่สหรัฐฯ ได้สูญเสียไปในสมัยอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ดึงสหรัฐฯ ให้ต้องถอนตัวออกจากบทบาทในองค์การระหว่างประเทศทั้งหลาย เพราะนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ของทรัมป์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี