โควิดทั่วโลกพุ่งไม่หยุดกว่า 192 ล้านคน ตายทะลุ 4.1 ล้านศพ องค์การอนามัยโลก ระบุโลกล้มเหลวรับมือโควิด ตำหนิ ประเทศร่ำรวยไม่แบ่งวัคซีนประเทศยากจน ขณะที่สิงคโปร์ ติดเชื้อพุ่งสูงสุดในรอบปี สั่งคุมเข้มระดับ 2 ทันควัน ส่วนเกาหลีใต้ ยอดติดเชื้อรายวันนิวไฮอีกหนเกือบ 1,800 คน ออสเตรเลียสั่งล็อกดาวน์แล้วเกือบครึ่งประเทศ
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆทั่วโลก ว่ามีผู้ติดเชื้อรวม 192,210,659 คนมีผู้เสียชีวิตรวม 4,124,266 คน และมีผู้รักษาหายรวม 174,912,403 คน
ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น นพ.เทดรอส อัดฮานอม เกเบรเยซุส ผอ.องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าโลกกำลังล้มเหลวในการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมกับตำหนิประเทศร่ำรวยที่ไม่ยอมแบ่งวัคซีนให้ประเทศยากจน ทำให้การกระจายวัคซีนไม่เท่าเทียมและทั่วถึง เพราะยังมีผู้คนจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเหมือนประชาชนในประเทศร่ำรวย ซึ่งเวลานี้มีความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดต่ำมาก ขณะที่ประเทศที่มีรายได้น้อย ประชาชนเพียงร้อยละ 1 เท่านั้นที่ได้รับวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
ส่วนที่ประเทศสิงคโปร์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ รายงานสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมอย่างน้อย 63,440 คน เพิ่มขึ้น 195 คน นับเป็นสถิติรายวันสูงสุด ตั้งแต่วันที่ 10 กรกฎาคมปีที่แล้ว แบ่งเป็นผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ 13 คน และติดเชื้อในประเทศ 182 คน จำนวนนี้ 135 คนเชื่อมโยงกับคลัสเตอร์ตลาดค้าส่งปลาจูรง ขณะที่ผู้ติดเชื้อจากคลัสเตอร์ห้องคาราโอเกะเคทีวี เพิ่มเป็น 205 คน สำหรับผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 36 คน และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อย 289 คน
ทั้งนี้ เพื่อยกระดับมาตรการควบคุมโรคให้มีความเข้มงวดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น คณะทำงานเฉพาะกิจด้านการตอบสนองต่อโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของสิงคโปร์ ประกาศใช้มาตรการระดับ 2 รวมถึงการห้ามรับประทานอาหารในร้านโดยให้ซื้อกลับบ้านเท่านั้น และการห้ามรวมตัวมากกว่า 2 คนในสถานที่สาธารณะ มีผลบังคับใช้ระหว่างวันที่ 22 กรกฎาคม-18 สิงหาคมนี้
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า นพ.นูร์ฮิชาม อับดุลเลาะห์ อธิบดีกรมควบคุมโรคมาเลเซีย ระบุถึงผลการศึกษาวิจัยการใช้งานวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของซิโนแวค ในชิลี ว่าลดอัตราการติดเชื้อได้ร้อยละ 65.9 ลดอัตราการเข้าโรงพยาบาลได้ร้อยละ 87.5 ลดอัตราการเข้าห้องไอซียูได้ร้อยละ 90.3 และลดอัตราการเสียชีวิตได้ร้อยละ 86.3 ขณะที่การใช้งานวัคซีนไฟเซอร์ ประสิทธิผลในภาพรวมอยู่ที่ร้อยละ 95
นพ.นูร์ฮิชามกล่าวว่า ผลการศึกษาการใช้งานวัคซีนซิโนแวคและไฟเซอร์ไม่แตกต่างกันมากนัก โดยวัคซีนทั้งสองตัวแม้พัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีคนละแบบ แต่สามารถป้องกันอาการป่วยหนัก และการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้เช่นกัน
ที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคเกาหลี (เคซีดีซี) รายงานสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมอย่างน้อย 182,265 คน เพิ่มขึ้น 1,784 คน นับเป็นสถิติรายวันสูงสุด ตั้งแต่เกาหลีใต้พบผู้ติดเชื้อคนแรกเมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว ขณะที่สถิติผู้เสียชีวิตสะสมอย่างน้อย 2,060 คน เพิ่มขึ้น 1 คน ทั้งนี้ นับเป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้ว ที่เกาหลีใต้ยืนยันผู้ติดเชื้อรายวันมากกว่า 1,000 คน โดยกรุงโซล ยังเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาด และพบคลัสเตอร์เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทั้งที่ทำงาน โรงเรียน และในครอบครัว
ขณะเดียวกัน ทุกฝ่ายต่างมีความวิตกกังวลอย่างยิ่งต่อเชื้อกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ซึ่งแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว โดยรอบ 7 วัน ล่าสุด มีการยืนยันผู้ติดเชื้อเดลต้าแล้ว 951 คน ซึ่งรัฐบาลเกาหลีใต้เร่งการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ให้ประชาชนโดยจำนวน 16.3 ล้านคน หรือคิดเป็นประมาณร้อยละ 32 ของประชากรทั้งประเทศ ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และประมาณ 6.6 ล้านคนได้รับวัคซีนครบแล้ว
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ประชากรในประเทศออสเตรเลียกว่าครึ่งหนึ่ง เข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากพบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าในเมืองใหญ่ โดยรัฐเซาท์ออสเตรเลีย ใช้มาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน ภายหลังมีผู้ติดเชื้อในเมืองแอดิเลด ส่วนรัฐวิกตอเรียซึ่งมีเมืองเมลเบิร์นเป็นเมืองเอก รายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อรายใหม่ 22 คน เพิ่มจากเดิมในวันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่กว่า 100 คน ทางการจึงขยายมาตรการล็อกดาวน์เป็นเวลา 7 วัน ถึงต้นสัปดาห์หน้า ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งมีนครซิดนีย์เป็นเมืองเอก อยู่ในช่วงล็อกดาวน์สัปดาห์ที่ 4 ในห้วงเวลา 5 สัปดาห์
ทั้งนี้ ออสเตรเลียพยายามสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว หลังจากพบผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นพนักงานขับรถลีมูซีนรับ-ส่งผู้โดยสารในสนามบินที่เมืองซิดนีย์เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และแม้ว่ายอดผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตในออสเตรเลียยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วอีกหลายประเทศโดยมีผู้ติดเชื้อสะสมราว 32,100 คน และเสียชีวิต 915 คน แต่การฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโควิด-19 ที่ล่าช้าและการประกาศล็อกดาวน์ต่อเนื่องหลายครั้งได้สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนภายในประเทศแล้ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี