มอสโก/มินส์ก/วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - รัสเซียและเบลารุสเริ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันนาน 10 วันในวันพฤหัสบดี เป็นการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดระหว่างสองฝ่ายนับตั้งแต่ช่วงสงครามเย็น ท่ามกลางความตึงเครียดวิกฤตรัสเซียกับยูเครนในขณะนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทหารกองทัพรัสเซียและเบลารุสพร้อมด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์จำนวนมาก เริ่มปฏิบัติการซ้อมรบร่วมกันนาน 10 วัน ในวันพฤหัสบดีคาดว่าจะมีทหารรัสเซียราว 30,000 นาย เข้าร่วมการซ้อมรบกับเบลารุส โดยโฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวถึงการซ้อมรบครั้งนี้มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจากว่าทั้งรัสเซียและเบลารุสต่างกำลังเผชิญหน้ากับภัยคุกคามอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ขณะที่กลุ่มชาติพันธมิตรองค์การป้องกันสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต ชี้ว่า การซ้อมรบร่วมระหว่างรัสเซียและเบลารุสครั้งนี้ ถือเป็นการระดมอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังประเทศอดีตสหภาพโซเวียตครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สิ้นสุดสงครามเย็น

กระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ บอกว่าซ้อมรบระหว่างรัสเซียกับเบลารุส จะยิ่งทำให้สถานการณ์ขัดแย้งตึงเครียดยิ่งขึ้นไปอีก ขณะที่รัสเซียยังคงปฏิเสธว่า ไม่มีแผนการในการบุกยูเครนแต่อย่างใด แม้จะมีการประจำพลมากกว่า 100,000 นาย บริเวณพรมแดนก็ตาม ซึ่งประเทศตะวันตก รวมถึงสหรัฐฯ ออกมาเตือนเป็นระยะว่า ยังมีโอกาสที่รัสเซียจะบุกโจมตียูเครนได้ทุกเมื่อ

อย่างไรก็ดี ความพยายามในการเจรจาทางการทูตเพื่อหวังยุติความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน ยังคงเกิดขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคยุโรปตลอดช่วงสัปดาห์นี้ โดย วลาดิเมียร์ ชิชอฟ ทูตรัสเซียประจำสหภาพยุโรป หรืออียู ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซี ว่า รัสเซียเชื่อว่าการทูตจะสามารถช่วยลดความตึงเครียดจากวิกฤตในครั้งนี้ได้ และชี้ว่าการที่กองทัพรัสเซียไปร่วมซ้อมรบที่เบลารุส จะเดินทางกลับฐานทัพอย่างถาวรในทันทีหลังจากที่ซ้อมรบแล้วเสร็จ แย้งกับ เจน ซากี โฆษกทำเนียบขาวที่ชี้ว่า เมื่อดูจากการซ้อมรบร่วมกันในครั้งนี้แล้ว สิ่งที่สหรัฐฯและพันธมิตรมองเห็น มีแต่การยกระดับความตึงเครียด หาใช่การลดความตึงเครียดอย่างที่รัสเซียกล่าวอ้าง

ด้าน ลิซ ทรัสส์ รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ เดินทางเยือนกรุงมอสโกของรัสเซียในวันพฤหัสบดี และพบหารือกับ เซอร์เกลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย เพื่อหาหนทางทางการทูตคลี่คลายความขัดแย้งประเด็นรัสเซีย-ยูเครน โดยทรัสส์ระบุเมื่อวันพุธว่า หากรัสเซียบุกยูเครนจริงจะส่งผลเสียอย่างยิ่งต่อทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง และเรียกร้องให้รัสเซียเลือกเส้นทางที่เป็นประชาธิปไตยแทนการเข้าสู่ความขัดแย้ง