วันที่ 1 มีนาคม 2566 เว็บไซต์ นสพ.The Phnom Penh Post ของกัมพูชา เสนอข่าว Migrant workers in Thailand struggle as economy slowing อ้างรายงานจาก Center for Alliance of Labour and Human Rights (CENTRAL) องค์กรภาคประชาสังคมด้านสิทธิมนุษยชนของแรงงานข้ามชาติ ที่เปิดเผยว่า ในช่วงต้นปี 2566 โรงงานหลายแห่งในประเทศไทยปิดตัวลง เช่นเดียวกับโครงการก่อสร้าง ซึ่งส่งผลให้แรงงานกัมพูชาเลิกจ้างและหางานใหม่ได้ยาก 

Leung Sophon เจ้าหน้าที่จาก CENTRAL ประจำประเทศไทย กล่าวว่า แรงงานชาวกัมพูชาบางส่วนได้รับค่าจ้างไม่สม่ำเสมอ และได้ติดต่อสถานทูตหรือองค์กรภาคประชาสังคมเพื่อช่วยแก้ไขปัญหา นอกจากนั้น ในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 โรงงานไทยหลายแห่งเริ่มเลิกจ้างแรงงานกัมพูชาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า โดยอ้างว่าไม่มีคำสั่งซื้อจากผู้ซื้อ ตั้งแต่ต้นปี แรงงานข้ามชาติจำนวนมากบ่นเรื่องความยากลำบากในการหางาน ไม่จำกัดเฉพาะโรงงานเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ก่อสร้างด้วย บางคนถูกระงับชั่วคราวในขณะที่บางคนจ่ายเงินเดือนล่าช้า

ขณะที่ Seng Hok เป็นพนักงานโรงงานใน จ.ชลบุรี ประเทศไทย เล่าว่า ตนเกิดที่ Kampot และทำงานในประเทศไทยเป็นเวลา 4 ปี Hok ตกงานเมื่อต้นเดือน ม.ค. 2566 โดยตนเคยทำงานในโรงงานผ่านผู้รับเหมาเย็บผ้า พวกเขาบอกเราว่าไม่มีงานให้เราและเราก็ตกงานในวันเดียวกัน และหลังจากไม่มีงานทำมากว่าหนึ่งเดือน ญาติๆ โทรมาเสนองานใกล้กรุงเทพฯ ซึ่งตนจะได้เริ่มทำงานใหม่ในวันที่ 1 มี.ค. 2566 ทั้งนี้ พวกตนซึ่งอยู่ต่างประเทศ หากเราตกงานก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินทางกลับ เมื่อไม่มีบริการช่วยเหลือหรือครอบครัว จึงไม่อาจที่จะอยู่โดยไม่มีรายได้

สถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทยเพิ่งประกาศว่า กำลังดำเนินการหางานใหม่ให้กับแรงงานข้ามชาติที่ได้ติดต่อไว้ ขณะที่ Chum Samphors ผู้ช่วยทูต และ Heng Sour โฆษกกระทรวงแรงงานและอาชีวศึกษา ไม่มีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่ CENTRAL หยิบยกขึ้นมา ทั้งนี้ จากข้อมูลของ CENTRAL มีแรงงานชาวกัมพูชามากกว่า 2 ล้านคนในประเทศไทย ซึ่งประมาณครึ่งหนึ่งไม่มีเอกสาร ดังนั้นจึงผิดกฎหมาย องค์กรกล่าวว่า ผู้ที่ไม่มีเอกสารทางกฎหมายต้องเผชิญกับความท้าทายมากมาย เช่น การขูดรีดแรงงานและการดำเนินคดีโดยทางการไทย

ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.phnompenhpost.com/national/migrant-workers-thailand-struggle-economy-slowing