เขื่อนแตก : สภาพความเสียหายบางส่วนของเขื่อนโนวาคาคอฟกา ตั้งอยู่บนแม่น้ำดนีโปรในภูมิภาคเคอร์ซอนทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งแตกออกจนมวลน้ำมหาศาลไหลทะลักท่วมหมู่บ้าน 24 แห่ง ทางการยูเครนต้องอพยพชาวบ้านกว่า 40,000 คน ส่วนคู่สงครามทั้งยูเครนและรัสเซีย ยังกล่าวหากันไปมาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ลงมือโจมตี

เคียฟ/มอสโก/สหประชาชาติ (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์)-ยูเครนอพยพประชาชนเกือบ 40,000 คน หลังจากเขื่อนใหญ่ทางตอนใต้ของประเทศเสียหาย แตกเป็นช่อง ทำให้มวลน้ำปริมาณมากไหลท่วมหมู่บ้าน 24 แห่ง ส่วนคู่สงครามทั้งยูเครนและรัสเซีย ยังกล่าวหากันไปมาว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ลงมือโจมตี

เขื่อนโนวาคาคอฟกา ตั้งอยู่บนแม่น้ำดนีโปรในภูมิภาคเคอร์ซอนทางตอนใต้ของยูเครน ซึ่งขณะนี้อยู่ในการยึดครองของรัสเซียตั้งแต่เริ่มต้นสงคราม เกิดระเบิดจนเขื่อนพังตั้งแต่เมื่อวันจันทร์โดยที่ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด ประธานาธิบดี โวโลดีเมียร์ เซเลนสกี ของยูเครน แจ้งว่า เมืองและหมู่บ้านต่างๆ 80 แห่งต้องเสี่ยงกับภัยพิบัติ และได้ประณามรัสเซียว่าทำลายเขื่อน ที่ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม ตามมาด้วยวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อมที่รุนแรง ส่วนกระทรวงกลาโหมแจ้งด้วยว่าได้อพยพประชาชนเกือบ 40,000 คนออกจากพื้นที่ และชี้ว่าควรมีการอพยพประชาชนอีก 25,000 คน ที่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำดนีโปรในส่วนที่รัสเซียยึดครอง อย่างไรก็ดีการอพยพยังมีความเสี่ยงจากการที่รัสเซียยังคงยิงปืนใหญ่ในบริเวณผู้อพยพ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเสี่ยงจากกับระเบิดที่รัสเซียได้วางเอาไว้แถบแม่น้ำดนีโปร

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายรัสเซีย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและรัฐบาลรัสเซีย ตอบโต้กล่าวหายูเครนว่าทำลายประตูน้ำของเขื่อนด้วยการยิงโจมตีในช่วงคืนวันจันทร์ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียแย้งว่า กองกำลังยูเครนเป็นฝ่ายยิงถล่มเขื่อนหลายครั้งจนเสียหาย เพื่อจงใจก่อวินาศกรรม ขอให้ประชาคมโลกประณามการก่ออาชญากรรมของยูเครน

เขื่อนโนวาคาคอฟกาแห่งนี้มีอายุ 67 ปีก่อสร้างเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเป็นหลักแล้วยังใช้เป็นแหล่งน้ำสำคัญสำหรับการบริโภคและเกษตรกรรม ทะเลสาบเหนือเขื่อนยังเป็นแหล่งน้ำสำหรับระบบหล่อเย็นของโรงไฟฟ้าซาโปริสเซียซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปด้วย ขณะนี้ ทบวงพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศหรือ ไอเออีเอ แจ้งว่า ขณะนี้ยังไม่มีความเสี่ยงด้านนิวเคลียร์ แต่ก็ยังมีความกังวลกับสถานการณ์ในระยะยาว ส่วนเอเนอร์ฮัวตอม บริษัทผลิตไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ของยูเครนชี้ว่า กำลังมีความเสี่ยงสูงขึ้น เพราะระดับน้ำในเขื่อนที่เป็นแหล่งน้ำหล่อเย็นของโรงไฟฟ้ากำลังลดลงอย่างรวดเร็ว

กรณีนี้ได้กลายเป็นประเด็นร้อนในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่ทูตของรัสเซียและยูเครนต่างกล่าวหาตอบโต้กันไป-มา ด้านผู้นำชาติต่างๆ ได้ประณามการก่อเหตุครั้งนี้ ที่แสดงถึงความโหดร้ายของสงคราม โดยมีการยกอนุสัญญาเจนีวา ที่ระบุห้ามการโจมตีเขื่อนในภาวะสงคราม

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นในขณะที่กองทัพยูเครนเริ่มเคลื่อนไหวรุกกลับรัสเซียหลายพื้นที่มาตั้งแต่วันอาทิตย์ ซึ่งเชื่อกันว่ายูเครนได้เริ่มต้นปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ที่เตรียมการมานาน ด้วยเป้าหมายเพื่อรุกกลับพื้นที่ใน 4 ภูมิภาคที่รัสเซียได้ยึดครองและผนวกเข้าเป็นของตนเอง รวมถึงภูมิภาคเคอร์ซอน ที่ตั้งของเขื่อนโนวาคาคอฟกาแห่งนี้ด้วย จึงมีการมองกันว่า รัสเซียอาจจงใจโจมตีเขื่อนเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของยูเครน