สื่อนอกเผย‘กัญชา’อีกหนึ่งสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติอยากลิ้มลอง หลังรัฐไทยปลดพ้นสิ่งผิดกฎหมาย
วันที่ 13 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าว CBS News สหรัฐอเมริกา เสนอรายงานพิเศษ Why Thailand's legal weed is luring droves of curious but cautious Asian tourists ว่าด้วยการปลดล็อก “กัญชา” ออกจากยาเสพติดให้โทษของประเทศไทย ทำให้พืขดังกล่าวกลายเป็นสิ่งที่ไม่ผิดกฎหมายในทางปฏิบัติ ได้กระตุ้นให้มีชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวมากขึ้น โดยเฉพาะชาติอื่นๆ ร่วมทวีปเอเชีย ที่ยังมีกฎหมายควบคุมยาเสพติดอย่างเข้มงวด อาทิ ที่ประเทศสิงคโปร์ ในปี 2566 เพิ่งประหารชีวิตผู้ค้ากัญชาไป 2 ราย อีกทั้งยังสุ่มตรวจผู้ที่เดินทางมาจากประเทศไทยด้วย
เช่นเดียวกับสถานทูตจีนประจำประเทศไทย ออกประกาศเตือนชาวจีน ว่าหากเสพกัญชาในต่างประเทศและถูกตรวจพบเมื่อเดินทางกลับไปยังประเทศจีน จะมีความผิดเทียบเท่ากับการใช้ยาเสพติดในประเทศ ซึ่งนอกจากไทยแล้ว ทางการจีนยังออกคำเตือนในลักษณะเดียวกันนี้สำหรับการเดินทางไปยังประเทศอื่นๆ ที่อนุญาตให้จำหน่ายกัญชา เช่น สหรัฐฯ แคนาดา และเนเธอร์แลนด์ ในเที่ยวบินล่าสุดจากเมืองเซี่ยงไฮ้ของจีน ผู้โดยสารได้รับคำเตือนว่าอย่า “บังเอิญ” ทดลองกัญชาในกรุงเทพฯ พร้อมประกาศว่า อาหารและเครื่องดื่มบางอย่างในไทยอาจมีกัญชาเป็นส่วนผสม ดังนั้นโปรดสังเกตโลโก้ใบไม้บนบรรจุภัณฑ์ด้วย
ทั้งนี้ ทางการจีนและสิงคโปร์ไม่ให้รายละเอียดว่าพวกเขาทดสอบพลเมืองที่เดินทางกลับจากประเทศที่กัญชาไม่ผิดกฎหมายบ่อยเพียงใด แต่จากนโยบายดังกล่าว จึงไม่น่าแปลกใจที่ร้านขายกัญชาในกรุงเทพฯ เล่าว่า ลูกค้าจากสิงคโปร์และจีนเป็นกลุ่มที่ระมัดระวังมากที่สุด โดยถามคำถามเกี่ยวกับปริมาณยาที่หลงเหลืออยู่ในระบบนานเพียงใด และมีผลิตภัณฑ์ดีท็อกซ์ (Detox-ล้างสารออกจากร่างกาย) หรือไม่
อุตสาหกรรมกัญชาของไทยเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยขณะนี้ร้านจำหน่ายกัญชาเกือบจะเหมือนกับร้านสะดวกซื้อที่มีอยู่ทั่วไปในบางส่วนของเมืองหลวง จนถึงเดือน ก.พ. 2566 มีการอนุมัติใบอนุญาตเกือบ 6,000 ใบสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกัญชา ซึ่งรวมถึงมากกว่า 1,600 ใบอนุญาตในกรุงเทพฯ ตามตัวเลขอย่างเป็นทางการ และแม้ไม่มีตัวเลขทางการจากภาครัฐเกี่ยวกับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปประเทศไทยเพื่อใช้กัญชาโดยเฉพาะ แต่ Kueakarun Thongwilai ผู้จัดการร้านกัญชาใจกลางกรุงเทพฯ ประมาณการว่าลูกค้าอย่างน้อยร้อยละ 70-80 เป็นชาวต่างชาติ ส่วนใหญ่มาจากประเทศในแถบเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น มาเลเซีย จีน ฟิลิปปินส์ และบางส่วนจากทวีปยุโรป
Thongwilai กล่าวว่า ร้านขายกัญชาส่วนใหญ่ รวมทั้งร้านของตน ตอนนี้จ้างเฉพาะพนักงานที่ใช้ภาษาอังกฤษได้ อย่างน้อยก็ขอให้สื่อสารกับชาวต่างชาติได้แม้อาจใช้ได้ไม่ดีนักก็ตาม เนื่องจากภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางของอุตสาหกรรม ประมาณครึ่งหนึ่งของลูกค้าเป็นผู้ใช้กัญชาเป็นครั้งแรก และส่วนใหญ่เป็นชาวเอเชีย แต่ก็มีอยู่บ้างที่เคยมีประสบการณ์แล้ว อาทิ เคยมีลูกค้าชาวมาเลเซียเล่าว่าเคยแอบใช้กัญชาที่บ้าน แต่ได้ยินมาว่ากัญชาของไทยมีคุณภาพดีกว่าและอยากลอง
เช่นเดียวกับ ธีโอ จีน (Theo Geene) ผู้ถือหุ้นชาวดัทช์ของร้าน Dutch Passion สาขาประเทศไทย ก็บอกว่า ครึ่งหนึ่งของลูกค้าเป็นผู้ใช้กัญชาครั้งแรก โดย Dutch Passion เป็นผู้จัดจำหน่ายเมล็ดพันธุ์จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 3 ทศวรรษ กัญชามีจำหน่ายในเนเธอร์แลนด์ตั้งแต่ทศวรรษ 1970 (ปี 2513-2522) ซึ่ง จีน กล่าวว่า ตนใช้ประสบการณ์ในการฝึกอบรมพนักงานถึงวิธีการให้บริการผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับกัญชามาก่อน แน่นอนว่านักท่องเที่ยวชาวเอเชียเลือกที่จะใช้กัญชาอย่างระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการถูกผู้อื่นพบเห็นมากกว่านักท่องเที่ยวจากโลกตะวันตก
นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นเพศชายวัย 42 ปี ซึ่งได้ทดลองใช้กัญชาเป็นครั้งแรกในชีวิตหลังจากหาซื้อได้ในกรุงเทพฯ กล่าวว่า เหตุที่ลองเพราะตนอยากรู้ว่าจะรู้สึกอย่างไร ในขณะที่ประเทศบ้านเกิดนั้นกัญชายังถือเป็นสิ่งต้องห้าม ทั้งนี้ ญี่ปุ่นไม่มีโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด แต่ก็มีคำเตือนว่ากฎหมายเกี่ยวกับการใช้กัญชาอาจบังคับใช้กับคนชาติของตน แม้ว่าพวกเขาจะอยู่ต่างประเทศก็ตาม
ก่อนที่หนุ่มแดนอาทิตย์อุทัยรายนี้จะเดินทางไปประเทศไทย เขาได้หาข้อมูลทางออนไลน์อย่างกว้างขวาง และระบุว่าแม้ศุลกากรอาจสุ่มตรวจกระเป๋าและสัมภาระเพื่อหากัญชาที่ลักลอบนำเข้าประเทศญี่ปุ่น แต่ก็ไม่มีการทดสอบใดๆ ที่สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาล ซึ่งนับตั้งแต่ลองใช้ครั้งแรกเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ก็เริ่มใช้กัญชาทุกวัน ไปร้านต่างๆ เปรียบเทียบราคา และลองสายพันธุ์ต่างๆ โดยมีพนักงานสอนการใช้ให้กับเขา
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.cbsnews.com/news/thailand-legal-marijuania-weed-tourism-asia-drug-laws/
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี