เมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2566 สำนักข่าวรอยเตอร์ เสนอรายงานพิเศษ Indian tourists flock to Southeast Asia as China's reopening falters ว่าด้วยอินเดียกำลังมาแรงในฐานะนักท่องเที่ยวกลุ่มสำคัญที่เยือนประเทศไทยและอีกหลายชาติในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ตอกย้ำสถานะประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกและตลาดการเติบโตที่สำคัญสำหรับภาคการเดินทางและการท่องเที่ยว ในขณะที่จีนนั้นเศรษฐกิจเติบโตช้ากว่าที่คาดไว้
ธุรกิจสายการบินและโรงแรมกำลังพยายามเจาะกลุ่มลูกค้าชนชั้นกลางชาวอินเดียซึ่งมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น โดยข้อมูลจาก องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (OECD) ชี้ว่า อุตสาหกรรมการเดินทางและท่องเที่ยวมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของหลายชาติในอาเซียน มีส่วนร่วมประมาณร้อยละ 12 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) ภายในประเทศ และมีการจ้างงานมากกว่า 40 ล้านคน ก่อนเกิดสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
เบรนแดน โซบี (Brendan Sobie) นักวิเคราะห์ธุรกิจการบิน กล่าวในการประชุมอุตสาหกรรมเมื่อเดือน มิ.ย. 2566 ว่า เห็นได้ชัดว่าอาเซียนอยู่ในตำแหน่งที่ดีมากสำหรับการเติบโตจำนวนมากที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมาจากอินเดีย โดยรวมแล้ว ความจุที่นั่งในเที่ยวบินตามกำหนดเวลาระหว่างจีนและอาเซียนนั้นต่ำกว่าระดับก่อนยุคโควิดถึงร้อยละ 57 ณ เดือน มิ.ย. 2566 แต่เที่ยวบินจากอินเดียไปยังภูมิภาคดังกล่าวกลับมาอยู่ที่ร้อยละ 90 แล้ว
เป็นเวลากว่าทศวรรษแล้วที่ภาคส่วนนี้ขับเคลื่อนโดยนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่ข้อมูลอย่างเป็นทางการจาก 4 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แสดงให้เห็นว่าการฟื้นตัวที่อ่อนแอ โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนในเดือน พ.ค. 2566 ต่ำกว่าเดือนเดียวกันในปี 2562 อย่างน้อยร้อยละ 60 แต่นักท่องเที่ยวอินเดียที่เพิ่มขึ้นในระยะยาวจะนำไปสู่การปรับเทียบความจุของสายการบิน บริการต้อนรับ และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเป็นสัญญาณเริ่มต้นที่กำลังดำเนินการอยู่ ตามข้อมูลของสมาชิกในอุตสาหกรรม
ธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ออกรายงานเมื่อเดือน พ.ค. 2566 คาดการณ์ว่า อินเดียอาจกลายเป็นจีนรายต่อไปในแง่ของการเติบโตของการท่องเที่ยวต่างประเทศในทศวรรษหน้า แม้ว่าการเชื่อมต่อจะถูกจำกัดโดยสนามบินที่น้อยกว่า อินเดียอาจกลายเป็นเรื่องราวในทศวรรษหลังสถานการณ์โรคระบาดครั้งใหญ่ในด้านการท่องเที่ยว อาทิ ในประเทศไทย ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก จำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียแม้ว่าจะน้อยกว่าชาวจีนในแง่สมบูรณ์ ต่ำกว่าปี 2562 เพียงร้อยละ 14 เท่านั้น
ข้อมูลของทางการไทย ระบุว่า ในปี 2562 สำหรับการท่องเที่ยวในประเทศไทย 1 สัปดาห์ นักท่องเที่ยวชาวจีนใช้จ่ายประมาณ 197 เหรียญสหรัฐต่อวัน ขณะที่ชาวอินเดียใช้จ่ายประมาณ 180 เหรียญสหรัฐต่อวัน โดย ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ (Tanes Petsuwan) รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่า จะมีชาวอินเดีย 1.6 ล้านคนเดินทางมาเยือนประเทศไทยในปี 2566
ชาย เอี่ยมศิริ (Chai Eamsiri) ซีอีโอของการบินไทย กล่าวว่า เส้นทางอินเดียแข็งแกร่งมาก โดยปัจจุบันการบินไทยมีเที่ยวบินไปอินเดีย 70 เที่ยวต่อสัปดาห์ ในขณะที่เที่ยวบินไปจีนอยู่ที่ 14 เที่ยวต่อสัปดาห์ ลดลงประมาณ 40 เที่ยวบินเมื่อเทียบกับยุคสมัยก่อนเกิดการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้ ฝูงเครื่องบินลำตัวแคบของไทยจำนวนสองเท่าที่เป็นไปได้ในทศวรรษหน้าอาจถูกนำไปประจำการที่อินเดีย
สายการบิน IndiGO ของอินเดีย สั่งซื้อเครื่องบินลำตัวแคบของแอร์บัสจำนวน 500 ลำ เพื่อตอบสนองความต้องการในภูมิภาค เนื่องจากได้เห็นการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในเส้นทางระหว่างอินเดียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เชื่อมต่อกับเที่ยวบินมากกว่า 100 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ โดย วินัย มัลโหทรา (Vinay Malhotra) หัวหน้าฝ่ายขายทั่วโลกของ IndiGo เปิดเผยว่า กำลังแนะนำเที่ยวบินสู่กรุงจาการ์ตาของอินโดนีเซียในเดือน ส.ค. 2566 รวมถึงเพิ่มความถี่ไปยังประเทศสิงคโปร์
ในเดือน พ.ค. 2566 ชาวอินเดียเดินทางไปเยือนสิงคโปร์มากกว่าชาวจีน ขณะที่ในเดือนเดียวกัน นักท่องเที่ยวชาวอินเดียเกือบ 63,000 คนเดินทางเยือนอินโดนีเซีย เทียบกับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่มีเพียง 64,000 คน ชาวอินเดียกำลังช่วยรักษาการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาดของเครือโรงแรม รวมถึง Minor Hotels ซึ่งมีโรงแรม 45 แห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีห้องพักมากกว่า 6,000 ห้อง โดย ดิลลิป ราชกาเรีย (Dillip Rajakarier) ซีอีโอของไมเนอร์ กล่าวว่า ตลาดอินเดียเป็นหนึ่งในตลาดหลักของเรามาโดยตลอด เครือโรงแรมซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Minor International ซึ่งจดทะเบียนในกรุงเทพฯ ได้ขยายการตลาดทั่วอินเดีย
ในเดือน มิ.ย. 2566 ปรัทยุทธ์ ทริปาธี (Pratyush Tripathy) และเพื่อนอีก 4 คน ใช้เวลานั่งเครื่องบิน 2 ชั่วโมงครึ่งจากเมืองกัลกัตตาไปลงที่กรุงเทพฯ ในช่วงเวลา 5 วันของการท่องเที่ยว พวกเขาพักผ่อนที่รีสอร์ทในเมืองชายทะเลอย่างพัทยา การเดินทางมีค่าใช้จ่ายระหว่าง 40,000-60,000 รูปี (484-$726 เหรียญสหรัฐ) ต่อครั้ง ซึ่งเท่ากับค่าตั๋วเครื่องบินไปยุโรป แต่ช่วยประหยัดทั้งเวลาและเงิน อีกทั้งชาวอินเดียสามารถขอวีซ่ากับประเทศในอาเซียนได้ง่ายกว่าสหรัฐอเมริกาและประเทศในทวีปยุโรป
Cleartrip แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวออนไลน์ของอินเดีย ระบุว่า การจองเที่ยวบินจากอินเดียไปยังกรุงเทพฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 270 ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2562 ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คาดการณ์ว่า จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเยือนไทย 29 ล้านคนในปี 2566 และ 35.5 ล้านคนในปี 2567 ซึ่งยังคงน้อยกว่าสถิติเกือบ 40 ล้านคนในปี 2562 แต่ภาคส่วนนี้จะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมเป็นร้อยละ 3.6 ในปี 2566 และร้อยละ 3.8 ในปี 2567 เทียบกับร้อยละ 2.6 ในปี 2565
สมทรง สัจจาภิมุข (Somsong Sachaphimukh) รองประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ให้ความเห็นว่า เพื่อสร้างรายได้จากกระแสนี้ อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของไทยต้องเข้าใจความชอบของชาวอินเดีย โดยเฉพาะด้านอาหารและความบันเทิง หากเราไม่ปรับตัวอย่างรวดเร็ว ประเทศเพื่อนบ้านจะดึงนักท่องเที่ยวเหล่านั้นไป แต่ประเทศไทยมีข้อเสนอมากมาย และนั่นคือโอกาสที่ยิ่งใหญ่
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี