เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2566 สำนักข่าว BBC ของอังกฤษ เสนอข่าว Unesco recommends adding Venice to endangered list ระบุว่า องค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก-UNESCO) เสนอแนะให้เพิ่ม “เวนิส (Venice)” เมืองในประเทศอิตาลี เข้าไปอยู่ในบัญชี “มรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย” โดยเมืองดังกล่าวกำลังเสี่ยงต่อความเสียหายที่แก้ไขไม่ได้ จากการขยายตัวของการท่องเที่ยวและการพัฒนาที่มากเกินไป รวมถึงระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
ยูเนสโกกล่าวโทษทางการอิตาลีว่าขาดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ในการแก้ปัญหาของเมืองที่งดงามแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเวนิสเป็นที่รู้จักในชื่อ “ลา เซเรนิสซีมา (La Serenissima)” ซึ่งเป็นคำในภาษาอิตาเลียน แปลว่า “เงียบสงบมาก” แต่สมญานามนั้นอาจไม่เหมาะสมอีกต่อไป ทั้งนี้ ยูเนสโกคาดหวังให้มีการอนุรักษ์พื้นที่อย่างจริงจังมากขึ้นในอนาคต ขณะที่ โฆษกของเทศบาลเมืองเวนิส กล่าวว่า เทศบาลจะอ่านข้อเสนออย่างละเอียด และจะหารือร่วมกับรัฐบาลกลางของอิตาลี
เป็นเรื่องที่น่าสะเทือนใจสำหรับทางการซึ่งถูกกล่าวหาว่าล้มเหลวในการปกป้องเมืองประวัติศาสตร์และทะเลสาบโดยรอบ อย่างไรก็ตาม มัสซิโม คาซซิอารี (Massimo Cacciari) อดีตนายกเทศมนตรีเมืองเวนิส ได้ออกมาตอบโต้รายงานของยูเนสโกว่าเป็นการตัดสินโดยปราศจากความรู้ อีกทั้งยังเป็นเพียงการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ไม่ได้ให้เงินทุนสำหรับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งเมืองต้องการการกระทำที่มากขึ้นและคำพูดที่น้อยลง
ย้อนไปเมื่อ 2 ปีก่อน ยูเนสโกเคยเสนอให้ใส่ชื่อเวนิสในบัญชีมรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตรายมาแล้วหนหนึ่ง แต่ก็ยกเลิกในนาทีสุดท้ายเพราะมาตรการฉุกเฉินบางอย่างที่นำมาใช้โดยรัฐบาลอิตาลี โดยเฉพาะการห้ามเรือขนาดใหญ่สัญจรในคลองซานมาร์โก เช่น เรือสำราญ รวมถึงคำมั่นสัญญาที่จะเปิดตัวแผนอนุรักษ์ที่มีความทะเยอทะยานสำหรับเมือง ขณะที่ยูเนสโกได้เรียกร้องเพิ่มเติมว่าควรขยายให้ครอบคลุมเรือประเภทใดๆ ก็ตามที่ก่อให้เกิดมลพิษ ถึงกระนั้น แผนฟื้นฟูเวนิสกลับไม่เคยเกิดขึ้นจริง และยังคงเป็นภาพลวงตา
ตามรายงานของหนังสือพิมพ์ La Repubblica สือท้องภิ่นในอิตาลี ผู้เชี่ยวชาญของยูเนสโกได้เขียนจดหมายหลายฉบับถึงรัฐบาลอิตาลีเพื่อขอข้อมูลอัปเดตและตารางเวลา คำตอบที่ได้รับถือว่าไม่เพียงพอ รายงานของยูเนสโกที่เผยแพร่ในสื่อดังกล่าว ระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับเหตุฉุกเฉินในเมืองนี้ขาดกลยุทธ์ในการจัดการกับภัยคุกคามจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
อุณหภูมิของโลกที่ร้อนขึ้นกำลังสร้างความเสียหายโดยทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น ดังนั้นเวนิสซึ่งล้อมรอบด้วยน้ำจึงเสี่ยงต่อน้ำท่วมมาก นอกจากนี้ ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวประมาณ 28 ล้านคนมาเยือนเวนิส ซึ่งนำไปสู่โครงการขยายเมืองมากขึ้นเรื่อยๆ และสร้างความเสียหายให้กับเมือง ยูเนสโกยังชี้ไปที่อาคารสูงว่าส่งผลกระทบทางสายตาอย่างมีนัยสำคัญต่อเมือง จึงควรก่อสร้างให้ห่างจากใจกลางเมือง
รายงานข่าวยังกล่าวอีกว่า ยูเนสโกระบุแหล่งมรดกโลก 55 แห่งทั่วโลกว่าอยู่ในอันตราย โดยมีอีก 204 แห่งที่หน่วยงานกำลังตรวจสอบอย่างแข็งขันเนื่องจากภัยคุกคามที่สถานที่เหล่านั้นกำลังเผชิญ อาทิ แนวปะการังเกรตแบร์ริเออร์รีฟของออสเตรเลียรอดพ้นจากการติดอันดับในปี 2566 ได้อย่างหวุดหวิด แม้ว่าจะยังคงอยู่ภายใต้ภัยคุกคามร้ายแรงจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและมลพิษทางน้ำ โดยจะทบทวนความพยายามในการอนุรักษ์แนวปะการังของรัฐบาลออสเตรเลียอีกครั้งในปี 2567
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี