นักกฎหมาย 33 มลรัฐ ลงชื่อฟ้อง‘เมตา’ อ้าง‘เฟซบุ๊ก-อินสตาแกรม’เป็นอันตรายต่อ‘ผู้เยาว์’
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2566 เว็บไซต์นิตยสาร Forbes สหรัฐอมเริกา เสนอข่าว Meta Sued By 33 States Over ‘Substantial Dangers’ For Kids On Instagram And Facebook ระบุว่า “เมตา (Meta)” บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์อย่างเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม ถูกเครือข่ายนักกฎหมายจาก 33 มลรัฐของสหรัฐฯ ยื่นฟ้องต่อศาลแขวงของรัฐแคลิฟอร์เนีย อันเป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของเมตา เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2566 ที่ผ่านมา โดยผู้ฟ้องอ้างว่า สื่อสังคมออนไลน์ดังกล่าวเป็นอันตรายต่อผู้ใช้งานที่เป็นผู้เยาว์
“เมตาได้เปลี่ยนแปลงความเป็นจริงทางจิตวิทยาและสังคมอย่างลึกซึ้งสำหรับคนหนุ่ม-สาวชาวอเมริกันรุ่นหนึ่ง รวมถึงโดยการสร้างเทคโนโลยีเพื่อดึงดูด มีส่วนร่วม และดักจับเด็กและเยาวชนเพื่อสร้างผลกำไรในท้ายที่สุดแพลตฟอร์มดังกล่าวทำให้สาธารณชนเข้าใจผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกเกี่ยวกับอันตรายที่สำคัญสำหรับผู้ใช้อายุน้อย และมีส่วนร่วมในพฤติกรรมที่หลอกลวงและผิดกฎหมายซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายของทั้งระดับมลรัฐและรัฐบาลกลาง” คำฟ้อง ระบุ
กลุ่มนักกฎหมายจาก 33 มลรัฐ ประกอบด้วย แอริโซนา แคลิฟอร์เนีย โคโลราโด คอนเนตทิคัต เดลาแวร์ จอร์เจีย ฮาวาย ไอดาโฮ อิลลินอยส์ อินเดียนา แคนซัส เคนตักกี้ ลุยเซียนา เมน แมริแลนด์ มิชิแกน มินนิโซตา มิสซูรี เนบราสกา นิวเจอร์ซีย์ นิวยอร์ก นอร์ทแคโรไลนา นอร์ทดาโคตา โอไฮโอ ออริกอน เพนซิลเวเนีย โรดไอส์แลนด์ เซาท์แคโรไลนา เซาท์ดาโคตา เวอร์จิเนีย วอชิงตัน เวสต์เวอร์จิเนีย และวิสคอนซิน
การร้องเรียนต่อเมตา เกิดขึ้นภายหลังการฟ้องร้องหลายคดีที่มุ่งเป้าไปที่บริษัทสื่อสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับการอ้างว่าแพลตฟอร์มของพวกเขาเป็นอันตรายต่อเด็ก รวมถึงการฟ้องร้องทั้งเมตา และคู่แข่งอย่างติ๊กต๊อก ที่ยื่นฟ้องในเดือน มี.ค. 2566 โดย ทิม กริฟฟิน (Tim Griffin) อัยการสูงสุดของรัฐอาร์คันซอจากพรรครีพับลิกัน ซึ่งอ้างว่าบริษัทหลอกลวงผู้ใช้เกี่ยวกับเนื้อหาในแอปฯ ของพวกเขา
ในคดีดังกล่าว กริฟฟิน แย้งว่าบริษัทต่างๆ ละเมิดกฎหมายวิธีปฏิบัติทางการค้าที่หลอกลวงของรัฐอาร์คันซอ โดยการออกแบบแอปอย่าง “รู้เท่าทัน” เพื่อส่งเสริมการติดยาเสพติดสำหรับผู้ใช้รุ่นเยาว์ ในเวลานั้น แอนติกอน เดวิส (Antigone Davis) หัวหน้าฝ่ายความปลอดภัยของเมตา ได้ออกแถลงการณ์เพื่อยืนยันผู้ปกครองว่าบริษัทกำลังพัฒนาฟีเจอร์และนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการของวัยรุ่นและครอบครัวของพวกเขาและอ้างว่าบริษัทใช้ฟีเจอร์เพื่อลบเนื้อหาที่เป็นอันตรายที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย การทำร้ายตนเอง หรือความผิดปกติในการรับประทานอาหารก่อนที่จะมีใครมารายงานให้ทราบ
เมื่อต้นเดือน ต.ค. 2566 เจ้าหน้าที่ของรัฐยูทาห์ได้ยื่นฟ้องต่อติ๊กต๊อกอีกครั้ง โดยอ้างว่าบริษัทได้ใช้ “ฟีเจอร์ที่น่าดึงดูด” เพื่อหลอกล่อผู้ใช้รุ่นเยาว์ให้เข้าสู่วงจรของการเลื่อนดูอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเพื่อสร้างรายได้จากการโฆษณา ซึ่ง โซว ซือ ชิว (Shou Zi Chew) ซีอีโอของติ๊กต๊อก ยังได้กล่าวถึงความกังวลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อวัยรุ่น โดยบอกกับสภาคองเกรสในเดือน มี.ค. 2566 ว่า บริษัทจะรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับวัยรุ่น ซึ่งมีความสำคัญสูงสุด และเสริมว่าบริษัทวางแผนที่จะเปิดตัวการป้องกันเพิ่มเติมที่มุ่งลดเนื้อหาที่เป็นอันตราย
รายงานข่าวกล่าวต่อไปว่า ร้อยละ 62 คือส่วนแบ่งของวัยรุ่นอายุ 13-17 ปีที่ใช้อินสตาแกรม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสือ่สังมออนไลน์ยอดนิยมอันดับ 3 ในหมู่วัยรุ่น ตามการศึกษาของ Pew Research Center ในปี 2565 ซึ่งตามหลังยูทูบ ร้อยละ 95 และติ๊กต๊อก ร้อยละ 65 ส่วนอันดับ 4 คือ สเน็ปแชท ร้อยละ 59 วัยรุ่นมากกว่า 1 ใน 3 ในงานวิจัยนี้ ให้ข้อมูลว่าพวกเขาใช้แอปฯ สื่อสังคมออนไลน์อย่างน้อยหนึ่งแอปฯ เกือบตลอดเวลา
คำแนะนำจากผู้อำนวยการหน่วยบริการสาธารสุขของรัฐบาลสหรัฐ (U.S. Surgeon General) เตือนว่า แม้สื่อสังคมออนไลน์สามารถให้ประโยชน์แก่เด็กและเยาวชนได้ แต่แพลตฟอร์มเหล่านั้นก็สร้างความเสี่ยงอย่างร้ายแรงต่ออันตรายต่อสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของพวกเขาได้เช่นกัน เนื่องจากปัจจัยหลายประการ รวมถึง เนื้อหาที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รบกวนการนอนหลับและการออกกำลังกายของผู้ใช้
รายงานข่าวทิ้งท้ายว่า แม้การศึกษาบางชิ้นจะพบความเชื่อมโยงระหว่างการใช้สื่อสังคมออนไลน์กับปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงความคิดเชิงลบเกี่ยวกับภาพลักษณ์และความคิดเกี่ยวกับการทำร้ายตนเอง แต่กก็มีการศึกษาอื่นๆ ที่พบว่าสื่อสังคมออนไลน์สามารถช่วยให้เด็กและเยาวชนรู้สึกถึงความเป็นชุมชนออนไลน์ สร้างแพลตฟอร์มด้านสุขภาพ เพื่อการแสดงออก และช่วยให้เด็กๆ ได้รู้จักเพื่อน
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.forbes.com/sites/brianbushard/2023/10/24/meta-sued-by-33-states-over-substantial-dangers-for-kids-on-instagram-and-facebook/?sh=5bc821bc177f
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี