พึ่งพาตนเอง! ‘ไนจีเรีย’พร้อมเดินเครื่องโรงกลั่น หลังต้องนำเข้าตลอดทั้งที่มีน้ำมันดิบมาก  

15 ม.ค. 2567 นสพ.Daily Sabah ของตุรกี เสนอข่าว Africa's biggest refinery starts production after years of delays ระบุว่า หลังจากใช้เวลาก่อสร้างล่าช้ามานานหลายปี ในที่สุด “ดันโกเต (Dangote)” โรงกลั่นน้ำมันในประเทศไนจีเรีย ก็พร้อมเปิดทำการได้แล้วเมื่อวันที่ 13 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตามเวลาท้องถิ่น ที่นี่มีกำลังการผลิตน้ำมัน 650,000 บาร์เรลต่อวัน ถือเป็นโรงกลั่นน้ำมันดีเซลและเชื้อเพลิงการบินที่ใหญ่ที่สุดในทวีปแอฟริกา

โรงกลั่นน้ำมันดันโกเต ซึ่งลงทุนด้วยเงินของมหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดของไนจีเรีย อาลิโก ดันโกเต (Aliko Dangote)  ถือเป็นความหวังของประเทศในการพึ่งพาตนเอง เพราะแม้ไนจีเรียจะมีทรัพยากรน้ำมันดิบอยู่มาก แต่ที่ผ่านมากลับต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศเนื่องจากไม่มีความสามารถในการกลั่นน้ำมัน โดยโรงกลั่นดันโกเตมีพื้นที่ 2,635 เฮกตาร์ หรือราว 1.6 หมื่นไร่ ตั้งอยู่ในเขตปลอดอากรเลกกี ย่านชานเมืองลากอสของไนจีเรีย ใช้เงินทุนในการก่อสร้าง 1.9 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 6.6 แสนล้านบาท

เจ้าหน้าที่ของบริษัทโรงกลั่น เปิดเผยว่า การเริ่มทดสอบกลั่นน้ำมันจะเริ่มตั้งแต่สัปดาห์นี้เป็นต้นไป หลังได้รับน้ำมันดิบล็อตแรกเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ไนจีเรียแลกเปลี่ยนน้ำมันดิบ (Crude) มูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูป (Petrol) ที่ได้รับการอุดหนุนมานานหลายปีเพื่อรักษาราคาให้ถูกสำหรับตลาดในประเทศ แต่การนำเข้าเชื้อเพลิงและการอุดหนุนส่งผลให้อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศต้องไหลออกอย่างมาก เมื่อไนจีเรียต้องต่อสู้กับรายได้จากน้ำมันที่ลดลงและการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศ

โรงกลั่นดันโกเต เดิมมีกำหนดเปิดครั้งแรกในปี 2564 แต่ได้เลื่อนพิธีเปิดออกไปในเดือน พ.ค. 2566 ในช่วงท้ายการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดี มูฮัมมาดู บูฮารี (Muhammadu Buhari) โดยคาดหวังว่าจะเริ่มกลั่นน้ำมันได้ในเดือน มิ.ย. ปีเดียวกัน แต่ก็ต้องเลื่อนมาอีกครั้ง ขณะที่ โบลา อาเหม็ด ทินูบู (Bola Ahmed Tinubu) ซึ่งเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจาก บูฮารี ได้ประกาศนโยบายลอยตัวค่าเงินของประเทศและเลิกอุดหนุนราคาน้ำมัน โดยให้เหตุผลว่าจะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และสร้างการเติบโตในระยะยาว

ขอบคุณเรื่องจาก dailysabah