เคียฟ/มอสโก (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ผู้นำยูเครนกล่าวโทษทางการรัสเซีย นำชีวิตของชาวยูเครนมาใช้เป็นอาวุธ ทำลายความรู้สึกของครอบครัวเชลยสงครามและชาวยูเครนทั้งประเทศ จากเหตุเครื่องบินขนส่งทหารของรัสเซียตกในภูมิภาคเบลโกร็อด ใกล้พรมแดนยูเครนเมื่อวันพุธเสียชีวิตยกลำ 74 ศพ ขณะที่ทั้งสองฝ่ายต่างตอบโต้กันไปมา ว่าอีกฝ่ายต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ความคืบหน้าเหตุการณ์เครื่องบินแบบ อิลยูชิน-76 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำเลียงของกองทัพรัสเซีย ตกในภูมิภาคเบลโกร็อด ภาคใต้ของประเทศใกล้พรมแดนยูเครน ช่วงก่อนเที่ยงวันพุธ (24 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีทหารยูเครนที่ถูกจับตัวเป็นเชลยศึก 65 คนลูกเรือและคนอื่นๆ อีก 9 คน รวมทั้งหมด 74 คน อยู่บนเครื่องที่กำลังมุ่งหน้าสู่พื้นที่สำหรับแลกเปลี่ยนตัวนักโทษ และทุกคนเสียชีวิตเมื่อเครื่องบินกระแทกพื้นดินและระเบิดอย่างรุนแรง ตามคลิปเหตุการณ์ที่มีผู้บันทึกไว้ได้และถูกส่งต่อกันในโลกออนไลน์

เหตุการณ์ครั้งนี้ มีหลายอย่างบ่งชี้ว่ายูเครนลงมือแต่ไม่ได้ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา โดย เซอร์เก ราฟลอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ได้ประณามว่าเป็นการก่ออาชญากรรมของยูเครน ที่ยิงปืนต่อสู้อากาศยานเข้าใส่ ทั้งที่เครื่องบินลำนี้กำลังนำเชลยสงครามไปส่งเพื่อแลกเปลี่ยนกันตามที่ตกลงกันไว้ รัสเซียได้ส่งเรื่องร้องเรียนเพื่อขอให้คณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชาติจัดประชุมฉุกเฉินเรื่องนี้แล้ว

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายข่าวกรองของยูเครนโต้แย้งว่า รัสเซียไม่ได้แจ้งให้ทราบล่วงหน้าถึงข้อมูลการเดินทางของเชลยศึกเหมือนเช่นที่ทำกันมาทุกครั้งในการแลกเปลี่ยนเชลยศึก จึงเชื่อได้ว่า รัสเซียจงใจนำชีวิตของตัวประกันมาเป็นเครื่องมือ และบ่อนทำลายสถานการณ์เพื่อให้ร้ายยูเครน ในขณะเดียวกัน จนถึงขณะนี้ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่า มีเชลยศึกบนเครื่องบินลำนี้ตามที่รัสเซียอ้างหรือไม่

ด้านประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน ออกมากล่าวหาด้วยว่า รัสเซียนำชีวิตของเชลยสงครามชาวยูเครนมาใช้เป็นอาวุธ เพื่อทำลายความรู้สึกของครอบครัวเชลยและชาวยูเครนทั้งประเทศ เขาจึงเรียกร้องให้เปิดการสืบสวนหาความจริงโดยคณะทำงานนานาชาติ เพื่อได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องชัดเจน ซึ่งในเรื่องนี้ ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิมของรัสเซีย ออกมาโต้แย้งทันทีว่า การยิงเครื่องบินตกของยูเครนเป็นการกระทำอันป่าเถื่อน และว่าหากเซเลนสกีต้องการให้คณะทำงานนานาชาติเปิดการสืบสวนเพื่อหาความจริงจากการกระทำของยูเครนครั้งนี้ ก็ถือเป็นสิ่งที่ถูกต้องและสมควรแล้ว ขณะที่หนึ่งในกรรมาธิการกลาโหมในสภารัสเซีย บอกว่าหลังจากนี้ จะไม่มีการแลกเปลี่ยนนักโทษสงครามระหว่างกันอีกต่อไป