วอชิงตัน/ปอร์โตแปรงซ์ (รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - สหรัฐฯ เรียกร้องให้ผู้นำเฮติเร่งเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้ง ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านต้องเสริมกำลังคุมเข้มพรมแดน หลังหัวหน้าแก๊งอาชญากรในเฮติขู่จะเกิดสงครามกลางเมือง หากนายกรัฐมนตรีไม่ก้าวลงจากตำแหน่ง

แมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงวันที่ 7 มี.ค. ว่า สหรัฐฯ ไม่ได้เรียกร้องให้ เอเรียล อองรี ลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีเฉพาะกาลของเฮติ แต่ต้องการให้อองรีเร่งดำเนินการเปลี่ยนผ่านทางการเมืองเพื่อปูทางไปสู่การเลือกตั้งอย่างเสรีและเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดว่าเวลานี้อองรีอยู่ที่ไหน หลังจากมีรายงานว่า ผู้นำเฉพาะกาลเฮติได้เดินทางไปยังเปอร์โตริโกซึ่งเป็นดินแดนของสหรัฐฯ เมื่อวันอังคาร หลังจากเดินทางไปประเทศเคนยาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

เวลานี้ เฮติกำลังเผชิญกับวิกฤตการเมืองครั้งเลวร้าย บรรดากลุ่มแก๊งอาชญากรเหิมเกริมหนัก ปล้นฆ่าประชาชน และล่าสุดถึงขั้นประกาศจะโค่นล้มนายอองรี พร้อมทั้งขู่ด้วยว่าหากเขายังอยู่ในอำนาจต่อไปจะเกิดสงครามกลางเมือง ที่จะต้องจบลงด้วยการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และขอให้อองรีเดินทางออกนอกประเทศ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า อองรีจะเดินทางกลับเฮติหรือไม่

หลังจากที่มีการขู่ว่า จะเกิดสงครามกลางเมืองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านอย่างสาธารณรัฐโดมินิกัน ต้องเสริมกำลังทหารลาดตระเวนพรมแดนที่ติดกับเฮติรวมทั้งเคลื่อนย้ายอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อป้องกันสถานการณ์รุนแรงในเฮติที่อาจจะส่งผลกระทบได้ อย่างไรก็ดี ผู้นำสาธารณรัฐโดมินิกันยืนยันก่อนหน้านี้ว่า จะไม่มีการจัดตั้งศูนย์ผู้อพยพขึ้นในเฮติ ในกรณีที่ชาวเฮติหลบหนีความรุนแรงในประเทศและเดินทางข้ามพรมแดนมายังสาธารณรัฐโดมินิกัน

ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า นับตั้งแต่ต้นปีนี้ มีชาวเฮติพลัดถิ่นในประเทศแล้วกว่า 360,000 คน และถูกสังหารเกือบ 1,200 คน นอกจากนี้ ยังมีรายงานการก่ออาชญากรรมจากแก๊งอาชญากรต่างๆ ที่มีมากกว่า 200 แก๊ง ทั้งข่มขืน ปล้นฆ่า และทำทารุณกรรมอย่างกว้างขวาง ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงปัจจัยในการดำรงชีวิตและบริการต่างๆ ได้