สิงคโปร์ (รอยเตอร์ส/แชนแนลนิวส์เอเชีย)-สิงคโปร์จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งสำคัญเมื่อนายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ ประกาศจะส่งต่ออำนาจการบริหารประเทศให้กับ ลอว์เรนซ์ หว่อง ทายาททางการเมืองของเขาในวันที่ 15 พฤษภาคมนี้
นายกรัฐมนตรี ลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ วัย 72 ปี กล่าวในแถลงการณ์ที่เผยแพร่ผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักนายกรัฐมนตรี เรียกการส่งต่ออำนาจผู้บริหารประเทศครั้งนี้ว่าเป็น “ช่วงเวลาที่มีนัยสำคัญ” นายลีกล่าวว่า เขาจะวางมือจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 15 พฤษภาคมปีนี้และ ลอว์เรนซ์ หว่อง รองนายกรัฐมนตรี จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสิงคโปร์คนต่อไปในวันเดียวกันนี้ และว่าที่ผ่านมา ลอว์เรนซ์ หว่อง และทีมงานได้ทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ความไว้วางใจจากประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่เกิดการระบาดของเชื้อโควิด-19
ด้าน ลอว์เรนซ์ หว่อง ออกแถลงการณ์ผ่านคลิปเผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ บอกว่าเขาพร้อมรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อชาวสิงคโปร์ทุกคน ขอให้ชาวสิงคโปร์ทุกคนร่วมมือกับเขาในการเดินหน้าพัฒนาสิงคโปร์ให้เจริญรุ่งเรืองต่อไป และสร้างประชาธิปไตยให้เป็นที่ยอมรับ ขณะที่หลายฝ่ายต่างคาดหมายว่า จะมีการเลือกตั้งทั่วไปตามมาในอีกไม่กี่เดือน หลังจากที่มีการส่งมอบอำนาจบริหารประเทศไปแล้ว
สำหรับ ลี เซียนลุง ดำรงตำแหน่งนายกฯมานานถึง 20 ปี และยังเป็นหัวหน้าพรรคกิจประชาชน (People’s Action Party - PAP) ซึ่งครองอำนาจในสิงคโปร์มายาวนาน เขาเคยวางแผนจะลงจากตำแหน่งผู้นำประเทศก่อนอายุ 70 ปี แต่เกิดการระบาดของโควิด-19 เสียก่อน ทำให้เขาต้องระงับแผนดังกล่าวไว้ก่อน เพื่อบริหารประเทศในช่วงเวลาวิกฤต
นายหว่อง วัย 51 ปี จบการศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์ระดับปริญญาตรีและปริญญาโท จากมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา แต่งงานแล้วแต่ไม่มีบุตร อินสตาแกรมของเขามีผู้ติดตามประมาณ 200,000 คน เขาให้นิยามตัวเองว่าเป็น “หนอนหนังสือ” ชอบเล่นกีตาร์ และรักสุนัข โดยศิลปินในดวงใจคือ อีริค แคลปตัน วง ดิ อีเกิ้ล และ ชอบแนวเพลงบลูส์
ปัจจุบัน หว่อง ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีคลัง และได้รับการวางตัวให้เป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์เมื่อเดือนเมษายน 2022 เขาจะเป็นผู้นำรุ่นที่ 4 ของสิงคโปร์ หลังจากการวางตัวผู้นำเกิดการสะดุดในเดือนเมษายน 2021 เมื่อรองนายกรัฐมนตรี เฮง สวี คีต ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นทายาททางการเมืองของลี เซียนลุง อย่างไม่มีใครคาดคิดมาก่อน พร้อมกับลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วย โดยให้เหตุผลความจำเป็นในเรื่องของสุขภาพ โดยนายหว่องได้รับเสียงสนับสนุนอย่างเป็นเอกฉันท์จากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพีเอพีไปแล้วก่อนหน้านี้ เขายังจะเป็นผู้นำคนแรกที่เกิดหลังปี 1965 ซึ่งเป็นปีที่สิงคโปร์ก่อตั้งเป็นประเทศ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี