เวนิส (เอเอฟพี/รอยเตอร์ส) - เวนิส เมืองท่องเที่ยวชื่อดังในอิตาลี กลายเป็นเมืองแรกของโลกที่เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมจากนักท่องเที่ยวหวังจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว และป้องกันไม่ให้เมืองมรดกโลกแห่งนี้ได้รับความเสียหายจากนักท่องเที่ยวที่แห่แหนกันมามากเกินไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 เม.ย. ซึ่งเป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์ในอิตาลี นักท่องเที่ยวที่มาเยือนเวนิสแบบไปเช้าเย็นกลับจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพื่อเข้าเมือง โดยจะต้องซื้อตั๋วเข้าเมืองในราคาคนละ 5 ยูโร (ประมาณ 200 บาท) มีจุดจำหน่ายและสแกนค่าธรรมเนียมด้านนอกสถานีรถไฟของเมืองและตามสะพานต่างๆ เกือบทุกแห่ง และจะมีเจ้าหน้าที่ตรวจตั๋วในจุดท่องเที่ยวสำคัญๆ รอบเมือง ผู้ที่ไม่มีตั๋วอาจเสี่ยงต่อการถูกปรับตั้งแต่ 50 ถึง 300 ยูโร (ราว 1,975-11,850 บาท)

โดยเมื่อวานนี้ ยังถือเป็นวันแรกจากทั้งหมด 29 วัน ที่นักท่องเที่ยวจะต้องซื้อตั๋วเข้าเมืองเวนิส หากต้องการไปท่องเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ ระหว่างเวลา 08.30-16.30 น.โดยทั้ง 29 วันดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ระหว่างเดือน พ.ค. ถึง ก.ค.นี้ เหตุผลก็เพื่อจูงใจให้นักท่องเที่ยวหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปท่องเที่ยวเมืองเวนิสช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ที่มักจะมีผู้คนแห่ไปท่องเที่ยวพร้อมกันจำนวนมาก และให้ไปเที่ยวเมืองเวนิสในช่วงวันเวลาอื่นแทน

เวนิสเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของโลก มีนักท่องเที่ยวพักค้างคืนในเมืองมากถึง 3.2 ล้านคน ในปี 2565 แม้จำนวนประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองจะมีเพียง 50,000 คนเท่านั้น โดยในช่วงกลางวัน ผู้คนนับหมื่นที่ส่วนมากเดินทางด้วยเรือสำราญ หลั่งไหลเข้ามาในถนนแคบๆ เพื่อเยี่ยมชมสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น จัตุรัสเซนต์มาร์ค และสะพานริอัลโต อย่างไรก็ดี จำนวนนักท่องเที่ยวที่มากเกินไป แม้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น แต่ก็ต้องแลกมากกับความวุ่นวายชุมชน ระบบนิเวศและสถานที่ทางประวัติศาสตร์ในเมืองที่เสี่ยงต่อการเสียหาย

เมืองเวนิส ได้รับการขึ้นทะเบียนจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือยูเนสโก ให้เป็นมรดกโลกเมื่อปี 1987 แต่ในปีที่แล้วยูเนสโกอ้างว่าจะให้เวนิสอาจตกไปอยู่ในรายชื่อ“มรดกโลกที่ตกอยู่ในอันตราย” เนื่องจากไม่มีการควบคุมจำนวนนักท่องเที่ยว และระดับน้ำในเมืองสูงขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ