มอสโก/เคียฟ (เอเอฟพี/รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น) - รัสเซียยึดดินแดนยูเครนได้เกือบ 300 ตารางกิโลเมตร มากที่สุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์  ปูติน ผู้นำรัสเซีย ยืนยัน ไม่มีแผนยึดเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครนในตอนนี้  แม้กองทัพรัสเซียยืนยันยึดได้ 12 หมู่บ้านในสัปดาห์เดียว  หลังเปิดแนวรบใหม่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือยูเครนเข้าวันที่ 9

สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานอ้างข้อมูลจากสถาบันสงครามศึกษา ( Study of War: ISW) ที่ระบุว่า กองกำลังรัสเซียยึดพื้นที่ได้แล้ว 278 ตารางกิโลเมตรในดินแดนยูเครน ช่วงระหว่างวันที่ 9-15 พฤษภาคมที่ผ่านมา มากที่สุดในรอบ 1 ปีครึ่ง ด้านกระทรวงกลาโหมรัสเซียยืนยันวานนี้ กองทัพรัสเซียยึดได้ 12 หมู่บ้านและถิ่นฐานในภูมิภาคคาร์คิฟภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ หลังกองกำลังรัสเซียเปิดแนวรบใหม่ในภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือยูเครนติดพรมแดนรัสเซีย เข้าวันที่ 9 เมื่อวานนี้ (18 พ.ค.) และสามารถรุกคืบลึกเข้าไป 10 กิโลเมตร

กองทัพรัสเซียเริ่มรุกข้ามพรมแดนเข้าไปในภูมิภาคคาร์คิฟอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา ส่งทหารรัสเซียหลายพันนายเข้าไปในภูมิภาคคาร์คิฟ และยิงปืนใหญ่ใส่หมู่บ้านและถิ่นฐานหลายแห่งในภูมิภาคนี้ โดยเมืองคาร์คิฟ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 2 ของยูเครน ตั้งอยู่ในภูมิภาคคาร์คิฟ และห่างจากพรมแดนรัสเซียเพียง 30 กิโลเมตรเท่านั้น มีประชากรกว่า 1 ล้านคน

อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย ยืนยันในระหว่างอยู่ที่จีนเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ค.) ว่ารัสเซียไม่มีแผนจะยึดเมืองคาร์คิฟแต่อย่างใดในแผนการรบปัจจุบันของรัสเซีย ปูตินระบุว่า  การโจมตีล่าสุดนี้ เพื่อโต้กลับยูเครนระดมยิงปืนใหญ่ใส่พื้นที่พรมแดนรัสเซีย และเพื่อสร้างเขตความมั่นคง หรือเขตกันชน ที่พรมแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน ช่วงที่ติดกับพรมแดนรัสเซียเท่านั้น เพื่อปกป้องภูมิภาคชายแดนของรัสเซียที่ติดกับยูเครน

ส่วนสถานการณ์การสู้รบล่าสุดในภูมิภาคคาร์คิฟ จุดที่น่ากังวลยังคงเป็นเมืองโวฟชานสค์ ทางตอนเหนือของภูมิภาคคาร์คิฟ ตั้งอยู่ทางของเหนือเมืองคาร์คิฟ 45 กิโลเมตร ที่ถูกโจมตีมานานหลายวันแล้ว เสียงระเบิดดังตลอดเวลาเมื่อวันศุกร์ (17 พ.ค.) จากการยิงระเบิดนำวิถีของรัสเซีย ขณะที่เจ้าหน้าที่ยูเครนเดินเคาะประตูบ้านทีละหลังในเมืองโวฟชานสค์ เพื่ออพยพประชาชนที่ยังเหลืออยู่ในเมืองนี้ ออกไปจากเมือง