สหประชาชาติ/เทลอาวีฟ (รอยเตอร์ส/อัลจาซีรา) - สหประชาชาติ หรือยูเอ็นเตือน หากเกิดสงครามในเลบานอนจะเป็น “วันสิ้นโลกบางส่วน” และลากดึงซีเรียและประเทศอื่นๆ เข้าร่วม ทำให้สงครามขยายวงกว้างออกไปอีก ด้านรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลยืนยัน ไม่ได้ต้องการทำสงครามหรือทำลายล้างเลบานอน หลังเพิ่งเตือน สามารถทิ้งบอมบ์ถล่มเลบานอนจนพังพินาศเหมือน “ถอยหลังกลับไปสู่ยุคหิน” ได้

มาร์ติน กริฟฟิธ เจ้าหน้าที่สูงสุดด้านกิจการเพื่อมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ เตือนว่า หากเกิดสงครามในเลบานอน อาจหมายถึง “วันสิ้นโลกบางส่วน” ระบุ เลบานอน เป็นจุดเดือดของจุดเดือดที่เหนือกว่าจุดเดือดทั้งปวง เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากการวางแผน เตือนหากเกิดสงครามในเลบานอน อาจลากดึงซีเรียและประเทศอื่นๆ เข้าร่วมวง ทำให้สงครามขยายใหญ่เป็นวงกว้างออกไปอีกจากสงครามกาซา พร้อมกับเรียกร้องให้เร่งลดความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน

คำเตือนล่าสุดของยูเอ็นเกิดขึ้นหลังจาก โยอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล ยืนยันว่า อิสราเอลไม่ได้ต้องการทำสงครามในเลบานอน แต่พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์ ฮิซบอลเลาะห์รู้ดีว่า อิสราเอลสามารถทิ้งระเบิดถล่มเลบานอน และสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงให้แก่เลบานอนได้จนทำให้สภาพในเลบานอนพังพินาศเหมือน “ถอยหลังกลับไปสู่ยุคหิน” ถ้าหากว่าเกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน แต่กัลแลนท์ย้ำว่า อิสราเอลไม่ได้ต้องการทำเช่นนั้น อย่างไรก็ดีก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรี เบนจามินเนทันยาฮู ของอิสราเอล ระบุว่า อิสราเอลกำลังเตรียมพร้อมปฏิบัติการอย่างเข้มข้นมาก บริเวณแนวชายแดนติดกับเลบานอน

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังหารืออย่างเข้มข้นกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งอิสราเอลและเลบานอนด้วย และจากการหารือดังกล่าว สหรัฐฯ เชื่อว่า ทุกฝ่ายไม่มีใครอยากทำให้ความตึงเครียดเพิ่มขึ้น ในสัปดาห์นี้ ลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ ก็เพิ่งเตือนกัลแลนท์ในระหว่างที่เขาเยือนสหรัฐฯ เมื่อวันอังคารที่25 มิ.ย. ว่า หากเปิดศึกอีกแห่งกับฮิซบอลเลาะห์ อาจทำให้เกิดผลกระทบร้ายแรงต่อภูมิภาคตะวันออกกลาง และเรียกร้องให้ใช้การทูตแก้ปัญหา