‘ไบเดน’ถอนตัว

ส่ง‘แฮร์ริส’ลงชน‘ทรัมป์’

สู้ศึกชิงเก้าอปธน.สหรัฐ

“โจ ไบเดน”ผู้นำสหรัฐ จากพรรคเดโมแครตประกาศถอนตัวชิงเก้าอี้ปธน.สหรัฐหลังโดนกดดันหนัก โดย ส่ง“คามาลา แฮร์ริส” ลงสู้ศึกแทน ด้าน“ทรัมป์” คู่ปรับ โวงานนี้เคี้ยวหมู

ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐซึ่งอยู่ระหว่างการรักษาและพักฟื้นอาการโควิด-19 โพสต์ข้อความบนสื่อสังคมออนไลน์ X ว่า เขาตัดสินใจไม่ขอยอมรับการเสนอชื่อเพื่อเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตเพื่อไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในเดือน พ.ย. นี้ เพื่อผลประโยชน์ที่ดีที่สุดของพรรคและของประเทศ โดยจะยังปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีและผู้บัญชาการทหารสูงสุดไปจนกระทั่งหมดวาระดำรงตำแหน่งในเดือน ม.ค. 2025 และ จะแถลงต่อประชาชนในสัปดาห์นี้ และระบุด้วยว่า การตัดสินใจเลือก คามาลา แฮร์รีส เป็นคู่หูชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีเมื่อปี 2020 เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดที่เคยทำมา วันนี้ จึงอยากจะให้การสนับสนุนและขอเสนอให้นางแฮร์รีส เป็นผู้แทนพรรคเดโมแครต เพื่อไปชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในปีนี้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องร่วมใจกันและเอาชนะทรัมป์

การตัดสินใจถอนตัวไม่รับการเสนอชื่อเพื่อเป็นผู้แทนพรรคเดโมแครตเพื่อชิงประธานาธิบดี เกิดขึ้น 4 เดือนก่อนถึงวันเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. และหลังจากเดือนที่แล้ว ทำผลงานบนเวทีประชันวิสัยทัศน์กับทรัมป์ได้ไม่ดีนัก ไบเดนดูเชื่องช้า ไม่กระฉับกระเฉง ตอบโต้ไม่ทันทรัมป์ ทำให้เขาถูกหลายฝ่ายแม้แต่เพื่อนร่วมพรรคเดโมแครตแสดงความเป็นห่วงเกี่ยวกับความเฉียงคมทางปัญญาและความสามารถที่จะบริหารประเทศในวัย 81 ปี และพยายามโน้มน้าวให้ไบเดนถอนตัว เพราะเกรงว่าพรรครีพับลิกันจะได้ครองทั้งทำเนียบขาวและสภาคองเกรสทั้งสองสภา

ด้านประธานพรรคเดโมแครตระดับรัฐทั้ง 50 รัฐเปิดประชุมทันที หลังจากประธานาธิบดีโจ ไบเดนประกาศ เรื่องขอถอนตัวจากการเป็นตัวแทนพรรคลงเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 5 พฤศจิกายน นายเคน มาร์ติน ประธานสมาคมคณะกรรมการพรรคเดโมแครตระดับรัฐออกแถลงการณ์หลังการประชุมว่า หลังการประกาศของประธานาธิบดีไบเดน สมาชิกสมาคมฯ ได้ประชุมกันโดยทันที เพื่อร่วมใจกันสนับสนุนผู้สมัครที่มีประวัติชนะการเลือกตั้งที่ยากเย็น และเป็นผู้นำที่ได้รับการพิสูจน์ในประเด็นต่าง ๆ ที่มีความสำคัญต่อชาวอเมริกัน ได้แก่ เสรีภาพด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ การป้องกันความรุนแรงจากอาวุธปืน การปกป้องสภาพภูมิอากาศ การปฏิรูประบบยุติธรรม และการฟื้นฟูเศรษฐกิจ และบุคคลนั้น คือ นางคอมมาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีคนปัจจุบัน

แฮร์ริส วัย 59 ปี เป็นสตรีคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ ก่อนหน้านี้ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภารัฐแคลิฟอร์เนียปี 2560-2564 และอัยการใหญ่รัฐแคลิฟอร์เนียปี 2554-2560 บิดาเป็นอาจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายจาเมกา และมารดาเป็นนักชีววิทยาชาวอินเดียทมิฬ โดยเธออายุน้อยกว่าน้อยกว่า โจ ไบเดน ถึง 22 ปี หากเธอชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้สหรัฐฯ มีผู้นำคนแรกที่เป็นทั้งผู้หญิง คนผิวสี และคนเชื้อสายเอเชีย ทั้งนี้ ภายหลังทราบข่าว โจ ไบเดน ถอนตัวและส่งไม้ต่อให้ แฮร์ริส ได้กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการรับรองจากประธานาธิบดี และความตั้งใจของตนคือการได้รับและชนะการเสนอชื่อนี้

“ฉันจะทำทุกอย่างตามอำนาจของฉันเพื่อรวมพรรคเดโมแครต และรวมชาติของเราให้เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อเอาชนะโดนัลด์ ทรัมป์ และวาระสุดโต่งของโครงการปี 2025 ของเขา เรามีเวลา 107 วันก่อนถึงวันเลือกตั้ง เราจะสู้ไปด้วยกัน แล้วเราจะชนะไปด้วยกัน” แฮร์ริส กล่าว ทั้งชมไบเดนในการตัดสินใจถอนตัว ว่า เป็นการกระทำที่ไม่เห็นแก่ตัวและรักชาติ

“เธอรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการสนับสนุนจากประธานาธิบดีไบเดน เธอจะทำทุกอย่างเพื่อสร้างความเป็นเอกภาพในพรรคเดโมแครตและในประเทศ เพื่อเอาชนะนายทรัมป์ ตอนนี้เหลือเวลา 107 วัน จะถึงวันเลือกตั้ง พวกเราจะร่วมใจกันต่อสู้และจะเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้ง”

ด้านทรัมป์โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ Truth Social ของตัวเอง วิจารณ์ไบเดน ที่ถอนตัวจากการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าไบเดนไม่ฟิตสมบูรณ์ที่จะลงสมัครเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีมานานแล้ว ได้ตำแหน่งประธานาธิบดีมาด้วยการโกหก ข่าวเท็จข่าวปลอม คนรอบตัวรวมทั้งแพทย์และสื่อ รู้ดีว่าไบเดนไม่มีศักยภาพที่จะเป็นประธานาธิบดี ตอนนี้ขอให้ดูผลงานของไบเดนที่ทำให้เกิดปัญหาต่อประเทศมากมาย และทำให้ชาวอเมริกันจำนวนมากเผชิญปัญหาทุกข์ร้อนเพราะการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของไบเดน ทรัมป์ยังระบุด้วยว่า การถอนตัวของไบเดนจะทำให้งานของเขาง่ายขึ้น เชื่อว่าเขาจะเอาชนะรองประธานาธิบดีแฮร์รีส ได้ง่ายกว่าที่ต้องชิงกับไบเดน