วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซี นิวส์) - ผู้อำนวยการหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญของสหรัฐฯ หรือ Secret Service ถูกสอบสวนอย่างหนักเกี่ยวกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น จนทำให้ โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบยิง ซึ่งเธอยอมรับว่าตัวเองล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่

คิมเบอร์ลี ชีทเทิล ผู้อำนวยการหน่วยอารักขาบุคคลสำคัญของสหรัฐฯ หรือ Secret Service ขึ้นให้การต่อคณะกรรมาธิการผู้แทนสหรัฐฯ ต่อกรณีที่โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกัน ถูกลอบยิงเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคมที่ผ่านมา ระหว่างการปราศรัยหาเสียงบนเวทีในรัฐเพนซิลเวเนีย โดยเธอถูกผู้แทนหลายคนจี้ถามคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น ทำไม Secret Service ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการคุ้มครองประธานาธิบดี รวมถึงอดีตประธานาธิบดี อย่างทรัมป์ ถึงได้ทำงานผิดพลาดปล่อยให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ได้ ซึ่งในระหว่างการสอบสวน ชีทเทิลซึ่งเรียกได้ว่าอยู่ในอาการเจียมเนื้อเจียมตัวไม่สามารถตอบคำถามอะไรได้มาก หลายๆ เรื่อง เธอบอกว่าไม่มีข้อมูลซึ่งยิ่งทำให้เธอถูกจี้ให้ตอบคำถามหนักกว่าเดิม สื่อในสหรัฐฯ ถึงกับใช้พาดหัวว่า เธอถูกย่างสดในงานนี้

อย่างไรก็ตาม ชีทเทิล ยอมรับว่าเธอและ Secret Service ล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่คุ้มครองทรัมป์ จนทำให้ทรัมป์ถูกลอบสังหารและได้รับบาดเจ็บ ซึ่งถือว่าเป็นความล้มเหลวในปฏิบัติหน้าที่ของSecret Service ครั้งใหญ่สุดในรอบหลายทศวรรษ นับตั้งแต่ ที่โรนัลด์ เรแกน เคยถูกพยายามลอบสังหารเมื่อปี 1981 หรือ 43 ปีก่อนชีทเทิลกล่าวว่า ในฐานะเป็นผู้อำนวยการหน่วยซีเคร็ท เซอร์วิส เธอต้องรับผิดชอบเต็มที่ต่อความผิดพลาดด้านการรักษาความปลอดภัยใดๆ ของหน่วยงานนี้

อย่างไรก็ตาม ชีทเทิลปฏิเสธเสียงเรียกร้องจากสส. ระดับสูงทั้งจากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน ให้เธอลาออก โดยระบุว่า เธอคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ดีที่สุด ที่จะเป็นผู้นำ Secret Service ในยามนี้

การเรียกตัวชีทเทิลขึ้นให้การโดยคณะกรรมาธิการตรวจสอบของสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ ครั้งนี้ เป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการสอบสวนคดีพยายามลอบสังหารทรัมป์ของสภาผู้แทนฯสหรัฐฯ ขณะที่การสืบสวนของตำรวจ ก็ยังไม่รู้ว่าแรงจูงใจในการลอบสังหารทรัมป์ ที่ผู้ก่อเหตุเป็นเด็กหนุ่มอายุแค่ 20 ปี คืออะไร