สหประชาชาติ/มอสโก/เคียฟ (รอยเตอร์ส) -รัสเซียตำหนิพันธมิตรของยูเครนในการประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือยูเอ็นเอสซี กรณีไม่ประณามยูเครนที่บุกภูมิภาคเคิร์สก์ของรัสเซีย ด้านสำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ ยังไม่ทราบสาเหตุของไฟไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในยูเครน ซึ่งอยู่ในความยึดครองของรัสเซีย และเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในยุโรป

ดมิทรี โปลยันสกี รองเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรรัสเซียประจำยูเอ็น กล่าวในการประชุมอย่างไม่เป็นทางการที่รัสเซียเป็นผู้เรียกประชุมเมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่นว่าเขาไม่ได้ยินชาติตะวันตกที่สนับสนุนรัฐบาลยูเครนประณามแม้แต่คำเดียวต่อการรุกรานดินแดนรัสเซีย และต้องการคำอธิบายว่าการเจตนามุ่งเป้าหมายที่เป็นพลเรือนได้ตอบสนองต่อเป้าหมายที่จะขัดขวางการโจมตีดินแดนยูเครนได้อย่างไร ในเมื่อพื้นที่เป้าหมายไม่มีอาวุธหรือสิ่งปลูกสร้างทางทหาร

ด้านพันธมิตรของยูเครน เช่น สหรัฐฯ ฝรั่งเศส อังกฤษ แสดงท่าทีหนักแน่นเรื่องสนับสนุนยูเครน แต่ไม่ได้พูดเรื่องยูเครนเริ่มบุกภูมิภาคเคิร์สก์โดยที่รัสเซียไม่ทันตั้งตัวตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ก่อน พันธมิตรตะวันตกของยูเครนเผยว่า ไม่ได้รับการแจ้งเตือนล่วงหน้าเรื่องยูเครนบุกดินแดนรัสเซีย ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูตินของรัสเซียชี้ว่า ยูเครนต้องการมีแต้มต่อก่อนที่อาจจะมีการเจรจา และต้องการชะลอการรุกคืบของกองกำลังรัสเซียตามแนวรบอื่นๆ โดยเฉพาะภาคตะวันออก โดยนับตั้งแต่เปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 รัสเซียสามารถยึดดินแดนยูเครนได้แล้ว 1 ใน 5

ขณะเดียวกัน สำนักงานพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ หรือไอเออีเอ แถลงเมื่อค่ำวันอังคารที่ 13 ส.ค. ว่าทีมงานของไอเออีเอที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาโปริซเซีย ในยูเครน ซึ่งอยู่ในการยึดครองของรัสเซีย ได้ตรวจสอบภาพถ่ายและหลักฐานต่างๆ ที่ได้รับมา ซึ่งยังคงบ่งชี้ว่าเหตุไฟไหม้เมื่อวันจันทร์ที่ 12 ส.ค. ต้นเพลิงไม่ได้เกิดขึ้นที่บริเวณฐานของหอหล่อเย็น ตอกย้ำข้อสรุปของทีมงานที่ว่า ไฟไหม้หลักไม่น่าจะเกิดขึ้นที่ฐานของหอหล่อเย็น ภาพและคลิปภาพที่ถ่ายจากด้านในของหอหล่อเย็นไม่พบเศษซากของวัตถุแปลกปลอมแต่อย่างใด

นอกจากนี้ไอเออีเอยังได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ดูแลโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ว่า เหตุเพลิงไหม้ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของโครงสร้างหอหล่อเย็นหมายเลข 1 จำเป็นต้องได้รับการประเมินและอาจจำเป็นต้องทำลายหอหล่อเย็นดังกล่าวทิ้ง ก่อนหน้านี้ทั้งยูเครนและรัสเซียต่างกล่าวโทษอีกฝ่ายว่า ทำให้เกิดไฟไหม้ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ดังกล่าว