ชิคาโก (เอพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - คามาลา แฮร์ริส ตอบรับการเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการแล้ว ในการประชุมใหญ่ของพรรควันสุดท้ายเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ส.ค. ที่เธอได้กล่าวสุนทรพจน์ครั้งสำคัญที่สุดในชีวิต ฉายภาพอนาคตและนโยบายสำคัญๆ รวมถึงโจมตีโดนัลด์ ทรัมป์คู่แข่งจากพรรครีพับลิกัน

คามาลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลายเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต เมื่อ โจ ไบเดน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันถอนตัวไปเนื่องจากปัญหาเรื่องอายุเมื่อ 5 สัปดาห์ก่อน เธอได้แรงสนับสนุนจากสมาชิกพรรค นักการเมือง และคนดังในหลายวงการที่ขึ้นปราศรัยตั้งแต่การประชุมใหญ่ของพรรคเริ่มขึ้นตั้งแต่วันจันทร์ ก่อนที่เธอจะตอบรับการเสนอชื่อเป็นตัวแทนพรรคในการประชุมใหญ่วันสุดท้าย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 22 ส.ค. สำหรับสุนทรพจน์ของเธอซึ่งเป็นกำหนดการสุดท้ายของการประชุมนั้น แฮร์ริส ได้กล่าวถึงเรื่องราวชีวิตของครอบครัวผู้อพยพของเธอ การทำงานด้านกฎหมาย และรวมนโยบายหลักๆ ด้านเศรษฐกิจ ต่างประเทศ สังคม ความปลอดภัย และสร้างความสามัคคีในชาติในเวลาที่เกิดรอยร้าวทางการเมืองอย่างหนัก

ในส่วนของนโยบายต่างประเทศ แฮร์ริสบอกว่า ในการต่อสู้ระหว่างระบอบประชาธิปไตยกับระบอบทรราชที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน เธอรู้ดีว่าเธออยู่ตรงไหน
และรู้ดีว่าสหรัฐฯ เป็นระบอบใด เธอให้คำมั่นว่า จะสนับสนุนองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต และยูเครน และจะยืนหยัดต้านทานการรุกราน
ของประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ของรัสเซีย

แฮร์ริสกล่าวถึงสงครามในกาซาหลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนปาเลสไตน์ประท้วงที่ไม่ได้มีโอกาสพูดในการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีข้อตกลงปล่อยตัวประกันและข้อตกลงหยุดยิง อย่างไรก็ดี ขอพูดอย่างชัดเจนว่า จะสนับสนุนสิทธิการป้องกันตนเองของอิสราเอลอยู่เสมอ เธอต้องการให้สงครามยุติลง โดยที่อิสราเอลได้รับการรับรองความปลอดภัย และประชาชนชาวปาเลสไตน์ได้รับสิทธิที่จะกำหนดอนาคตของตนเอง ตัวแทนพรรคเดโมแครตชิงประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวด้วยว่า เธอจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ไม่ให้ถูกคุกคามจากอิหร่าน

แฮร์ริสยังกล่าวถึงทรัมป์ว่าเป็นบุคคลอันตรายที่หากได้เป็นประธานาธิบดีอีกสมัยจะก่อให้เกิดความวุ่นวายอย่างหนัก เห็นได้จากเมื่อแพ้การเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เขาพยายามล้มผลการเลือกตั้ง ยุยงให้ก่อม็อบติดอาวุธที่รัฐสภา อีกทั้งยังสร้างความแตกแยกในชาติและก่ออาชญากรรมมากมาย ตั้งแต่ทุจริตไปจนถึงการล่วงละเมิดทางเพศ หากได้อำนาจอีกเขาตั้งใจจะปล่อยนักโทษ จับกุมนักข่าวและนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม แม้กระทั่งส่งทหารมาปราบปรามประชาชน

หลังจากนี้ แฮร์ริสและทรัมป์จะตระเวนหาเสียงกันอย่างหนัก และจะโต้วาทีประชันวิสัยทัศน์กันในวันที่ 10 กันยายน และทั้งสองฝ่ายกำลังเจรจากันว่าอาจจัดการโต้วาทีเพิ่มอีก เพื่อให้ผู้ใช้สิทธิ์ได้ใช้ในการตัดสินใจสำหรับการเลือกตั้งวันที่ 5 พฤศจิกายน