มอสโก/เคียฟ (เอพี/รอยเตอร์ส/บีบีซีนิวส์) - ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ระบุ ยูเครนพยายามโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภูมิภาคเคิร์สก์ ระหว่างบุกเข้าโจมตีภูมิภาคนี้ เผยชาวรัสเซียในเคิร์สก์อพยพแล้วกว่า 130,000 คนขณะที่ยูเครนยังเดินหน้าบุกเคิร์สก์อย่างต่อเนื่องเข้าสู่สัปดาห์ที่ 3
สถานการณ์กองกำลังยูเครนหลายพันนายบุกโจมตีภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ตั้งแต่ 6 สิงหาคมที่ผ่านมาเข้าสัปดาห์ที่ 3 แล้ว ซึ่งถือเป็นการที่รัสเซียถูกโจมตีโดยต่างชาติครั้งใหญ่ที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมาล่าสุด ประธานาธิบดีวลาดีมีร์ ปูตินของรัสเซีย ประชุมทางไกลคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูง จากบ้านพักโนโว-โอการ์โยโวในรัสเซีย เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ล่าสุด โดยระบุว่า ยูเครนพยายามโจมตีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในภูมิภาคเคิร์สก์ด้วยโดรนอากาศยานไร้คนขับเมื่อกลางดึกคืนวันพุธที่ 21 ส.ค. รัสเซียได้แจ้งเรื่องนี้ต่อทบวงการพลังงานปรมาณูสากลแห่งสหประชาชาติ หรือไอเออีเอแล้ว
ด้าน อเล็กเซ สเมอร์นอฟ รักษาการผู้ว่าการภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมด้วย รายงานต่อปูตินว่า สถานการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เคิร์สก์ยังคงมั่นคง แต่มีชาวบ้านในเคิร์สก์อพยพแล้ว 133,190 คน ส่วนไอเออีเอจะเยือนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในเคิร์สก์ช่วงสัปดาห์หน้า หลังรัสเซียแจ้งว่า พบซากโดรน 1 ลำในบริเวณโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งนี้ ส่วนทางยูเครนยังไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องนี้
ขณะเดียวกัน ยูเครนเดินหน้ารุกคืบโจมตีภูมิภาคเคิร์สก์อย่างต่อเนื่อง ล่าสุด กองทัพอากาศยูเครนเผยแพร่ภาพซึ่งระบุว่า เป็นการโจมตีหน่วยบัญชาการทหารในแคว้นคูสค์ของรัสเซียด้วยการใช้ระเบิดจีบียู-39 (GBU-39) ผลิตในสหรัฐฯ หลังจากชาติพันธมิตรของยูเครนรวมทั้งสหรัฐฯ ได้จัดหาอาวุธให้แก่ยูเครน โดยมีเงื่อนไขให้ใช้อาวุธเหล่านี้ได้อย่างจำกัดในดินแดนของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม การโจมตีดังกล่าวทำให้หลายฝ่ายกังวลว่า จะมีการแก้แค้นจากรัสเซียซึ่งจะดึงเอาชาติสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต เข้าสู่สงครามรัสเซีย-ยูเครนในที่สุด
ส่วนรัสเซียอ้างว่า เรือบรรทุกน้ำมันที่มีน้ำมันอยู่ 30 ถัง จมลงหลังจากเกิดระเบิดและเพลิงไหม้ที่ท่าเรือคาฟคาซในดินแดนครัสโนดาร์ ทางภาคใต้ของรัสเซีย เนื่องจากถูกยูเครนโจมตี มีรายงานว่า ลูกเรือ 17 คนได้รับการช่วยเหลือออกจากเรือแล้ว และยังมีลูกเรือสูญหายอยู่ 2 คน ส่วนลูกจ้างของท่าเรือทั้งหมดได้อพยพออกจากท่าเรือ และเปลวไฟไม่ได้ลุกลามไปยังสิ่งปลูกสร้างบริเวณท่าเรือ ทั้งนี้ ท่าเรือแห่งนี้ถือเป็นทางออกทะเลดำใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของรัสเซีย เป็นท่าเรือสำหรับเรือส่งออกและเรือลำเลียงน้ำมันไปยังคาบสมุทรไครเมียของยูเครน ที่ถูกรัสเซียผนวกเป็นส่วนหนึ่งตั้งแต่ปี 2557
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี