สื่อฮ่องกงมอง‘ตระกูลชินวัตร’หวนคืนสู่อำนาจได้แต่เดินต่อไม่ง่าย เผชิญศึก2ด้านทั้ง‘อนุรักษ์นิยม-คนรุ่นใหม่’
วันที่ 24 สิงหาคม 2567 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ ‘Back to square one’? Thailand confronts ghosts of its past with Shinawatra restoration ว่าด้วยนายกรัฐมนตรีที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย แพทองธาร ชินวัตร (Paetongtarn Shinawatra) ลูกสาววัย 38 ปี ของ ทักษิณ ชินวัตร (Thaksin Shinawatra) อดีตนายกรัฐมนตรี ทำให้มหาเศรษฐีวัย 75 ปี ผู้นี้ ที่เพิ่งได้รับพระราชทานอภัยโทษจากความผิดซึ่งทำให้เขาต้องหลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศนานถึง 15 ปี กลับมาเป็นที่สนใจในแวดวงการเมืองไทยอีกครั้ง
แม้จะชนะมาตลอดตั้งแต่ปี 2544-2554 แต่ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ในปี 2566 พรรคเพื่อไทยประสบกับความพ่ายแพ้ โดยถูกพรรคก้าวไกลแซงขึ้นไปเป็นพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่ง สส. ในสภามากที่สุดและได้คะแนนเสียงถึง 14 ล้านเสียง อย่างไรก็ตาม พรรคเพื่อไทยเป็นฝ่ายได้จัดตั้งรัฐบาลเพราะพรรคก้าวไกลไม่สามารถรวมเสียง สส. ในสภาได้ และต่อมาพรรคก้าวไกลก็ถูกยุบโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งครั้งนั้นทำให้ตระกูลชินวัตรต้องเปลี่ยนรูปแบบทางการเมือง
นักวิจารณ์มองว่าพรรคเพื่อไทยเป็นผู้ค้ำประกันผลประโยชน์ของกลุ่มชนชั้นนำฝ่ายอนุรักษ์นิยม ปัจจุบันพรรคเพื่อไทยเป็นผู้นำพันธมิตรที่นำอดีตขั้วการเมืองฝ่ายตรงข้ามมาเข้าร่วม ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากในอดีตที่พรรคเคยเป็นผู้มีอิทธิพลในระบอบประชาธิปไตยที่สนับสนุนนโยบายกระจายความมั่งคั่งให้แก่คนยากจนในชนบท ดังที่ พอล แชมเบอร์ (Paul Chambers) อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมือง มหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า ทักษิณได้แสดงให้เห็นในปีนี้ว่าเขาไม่ใช่นักอุดมคติทางการเมือง แต่เป็นนักฉวยโอกาสทางการเมือง
แพทองธาร ต้องเผชิญกับงานที่ยากลำบากในการพิสูจน์ให้สาธารณชนไทยเห็นว่าเธอไม่เพียงแต่แบกรับผลประโยชน์ของครอบครัวของเธอในการดำรงตำแหน่งเท่านั้น แต่เธอยังสามารถบริหารความขัดแย้งของชนชั้นนำประเทศไทยได้ ขณะที่ความท้าทายแรกของเธอมาจากภายในการเมืองที่โหดร้ายของประเทศไทย ซึ่งเธอได้ขึ้นสู่อำนาจหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ เศรษฐา ทวีสิน (Srettha Thavisin) พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอย่างกะทันหันในคดีจริยธรรม
การเคลื่อนไหวทางกฎหมายเพื่อบ่อนทำลายแนวร่วมเพื่อไทยนั้นเชื่อกันอย่างกว้างขวางว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (Prawit Wongsuwon) แกนนำขั้วการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมซึ่งมีอำนาจในเบื้องหลังอย่างมากเป็นผู้วางแผน อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร ก็กำลังมีความเสี่ยงเรื่องจริยธรรมเช่นกัน กรณีพฤติกรรมที่อาจเข้าข่ายทำร้ายร่างกายผู้สื่อข่าวที่พยายามเข้าไปขอสัมภาษณ์ ซึ่งแม้ พล.อ.ประวิตร จะกล่าวขอโทษคู่กรณีในเวลาต่อมาว่าไมได้ตั้งใจ แต่หากมีการสอบสวนแล้วพบว่าผิดจริง พล.อ.ประวิตร ที่ปัจจุบันอายุ 79 ปี อาจถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต
อดีตนายกฯ จากตระกูลชินวัตร 2 คนก่อนหน้า ทั้งตัวของทักษิณเอง และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (Yingluck Shinawatra) ผู้เป็นน้องสาว ต้องพ้นจากอำนาจเพราะถูกทำรัฐประหาร ก่อนจะต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศเพราะถูกฟ้องคดีในศาล ทั้งนี้ ในวันที่ 22 ส.ค. 2567 ที่ผ่านมา เป็นวันครบ 1 ปีหลังการเดินทางกลับประเทศไทย และครบกำหนดการรับโทษจากคดีที่ศาลตัดสินไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ทักษิณยังคงต้องสู้คดีความผิดฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นคดีค้างมาตั้งแต่ปี 2558 กรณีไปให้สัมภาษณ์กับสื่อที่ประเทศเกาหลีใต้
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ข้อกล่าวหานี้อาจเกิดขึ้นได้หากศัตรูเก่ารู้สึกว่าทักษิณกำลังทำตัวล้ำเส้น ขณะที่การบริหารประเทศของแพทองธารในฐานะหัวหน้ารัฐบาล ผลลัพธ์ทางนโยบายอาจถูกใช้เป็นอาวุธต่อเธอผ่านศาลในภายหลัง โดย แชมเบอร์ อธิบายว่า หากทักษิณพยายามใช้อำนาจผ่านลูกสาวของเขา ก็คาดเดาได้เลยว่ารัฐบาลชุดนี้จะล่มสลายในไม่ช้า ทักษิณอาจต้องถูกจำคุกในคดี ม.112 และแพทองธารก็จะต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีจากคดีจริยธรรม ไม่ต่างจากอดีตนายกฯ เศรษฐา
แพทองธาร ชินวัตร จบการศึกษาด้านการจัดการโรงแรมจากมหาวิทยาลัยเซอร์เรย์ และเป็นมือใหม่ทางการเมือง เพราะไม่เคยชนะการเลือกตั้งหรือดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีมาก่อน กระทั่งได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งในผู้สมัครชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยก่อนการเลือกตั้งในเดือน พ.ค. 2566 แต่ก็พัฒนาตนเองเป็นนักรณรงค์หาเสียงและวิทยากรที่กระตือรือร้น โดยตระเวนทั่วประเทศอย่างไม่ลดละแม้กำลังตั้งครรภ์
ในการเลือกตั้งครั้งนั้นแม้พรรคก้าวไกลจะชนะ โดยสัญญาว่าจะปฏิรูปเศรษฐกิจและโครงสร้าง แต่กลับต้องเป็นฝ่ายค้านเมื่อพรรคเพื่อไทยจับมือกับขั้วการเมืองอนุรักษ์นิยมตั้งรัฐบาลผสม และเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2567 พรรคก้าวไกลก็ถูกยุบ และแกนนำของพรรคร่วมถึงคนดังอย่าง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (Pita Limjaroenrat) ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี เนื่องจากหาเสียงด้วยนโยบายแก้ไขกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม.112
แมทธิว วีลเลอร์ (Matthew Wheeler,) นักวิเคราะห์อาวุโสประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จาก International Crisis Group กล่าวว่า คำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ กำลังผลักดันให้ประเทศไทยเข้าสู่สถานการณ์ของการเอาคืน สำหรับผู้สนับสนุนพรรคก้าวไกล Move Forward จำนวนมาก การที่ศาลรัฐธรรมนูญเพิกถอนสิทธิของผู้มีสิทธิเลือกตั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำให้เกิดคำถามต่อเหตุผลของการเลือกตั้งทั่วไป ช่องว่างระหว่างสิ่งที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้องการและสิ่งที่องค์กรหรือสถาบันยอมรับได้นั้นมีแนวโน้มที่จะกว้างขึ้น
หลังถูกยุบ บรรดาอดีต สส. ของพรรคก้าวไกล ได้ร่วมตัวกันใหม่ในนามพรรคประชาชน เพื่อเตรียมตัวสู่การเลือกตั้ง สส. รอบหน้า ในปี 2570 ขณะที่พรรคเพื่อไทยหวังว่าความน่าดึงดูดใจของแพทองธารที่ยังอายุน้อย จะเป็นไม้เด็ดของพรรคเมื่อถึงเวลาดังกล่าว อย่างไรก็ตาม แม้ว่า แพทองธาร จะบอกว่าตนมีความคิดเป็นของตนเอง แต่หลายคนคาดว่าเธอจะพึ่งพาทั้งผู้เป็นพ่ออย่างอดีตนายกฯ ทักษิณ และบรรดาแกนนำพรรคเพื่อไทย ในการกำหนดทิศทางนโยบาย
จนถึงขณะนี้ ทักษิณเองก็ยังทำอะไรได้น้อยมากในการระงับการคาดเดาว่าเขาจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดความคิดของลูกสาว ดังที่ทักษิณได้ตอบคำถามสื่ออย่างติดตลกว่า ตนไม่ได้ครอบงำ แต่ครอบครอง เพราะแพทองธารเป็นลูกของตน อนึ่ง เมื่อมองไปที่สถานการณ์ด้านเศรษฐกิจของไทย ต้องบอกว่า แพทองธาร เป็นนายกฯ ในจังหวะที่ไม่ค่อยดีนัก เพราะต้องเผชิญกับปัญหาหนี้ครัวเรือนที่สูงถึงร้อยละ 90 ของผลิตภัณฑ์มวลรวม (GDP) และบรรดาธนาคารในประเทศไทยก็ต้องแบกรับภาระหนี้เสียจำนวนมาก
ภาคการผลิตของไทยที่เคยเจริญรุ่งเรืองก็กำลังดิ้นรนเพื่อแข่งขันเช่นกัน ในขณะที่ประเทศไม่สามารถผลิตบัณฑิตได้เพียงพอที่จะจ้างงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีใหม่ที่จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อยกระดับห่วงโซ่คุณค่า ถึงกระนั้นก็มีคนอีกไม่น้อยที่หวังว่า การที่ตระกูลชินวัตรได้กลับมาบริหารประเทศ จะทำให้ “วันคืนเก่าๆ” ในยุคที่เศรษฐกิจไทยเฟื่องฟูหวนกลับมาอีกครั้ง เนื่องจากหากย้อนไปในปี 2544 เมื่อทักษิณได้เป็นนายกรัฐมนตรี เขาได้ช่วยฟื้นฟูประเทศไทยจากวิกฤติเศรษฐกิจครั้งร้ายแรงในปี 2540 หรือช่วงปลายทศวรรษ 1990 อย่างวิกฤติต้มยำกุ้ง
นโยบายเศรษฐกิจในรัฐบาลภายใต้การนำของทักษิณ ชินวัตร ถูกเรียกว่า "ทักษิโนมิกส์" ช่วยกระตุ้นการลงทุนของญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมสำคัญๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ ทำให้เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตสูงกว่าร้อยละ 5 ในช่วงดำรงตำแหน่งนายกฯ สมัยแรกของเขา อีกทั้งยังมีนโยบายเพื่อคนยากจนในชนบทหรือชนชั้นล่างในสังคมที่ถูกละเลยมานาน เช่น กองทุนหมู่บ้านซึ่งเป็นแหล่งเงินกู้สำหรับผู้ประกอบธุรกิจรายย่อยในชุมชน การให้ทุนการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยสำหรับเยาวชนผู้ด้อยโอกาส
และโดยเฉพาะนโยบาย “30 บาทรักษาทุกโรค” หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของคนไทยทุกคน ซึ่งแม้ความคิดริเริ่มดังกล่าวจะยังคงต้องดิ้นรนเพื่อหาเงินทุนที่เพียงพอในอีกสองทศวรรษต่อมาเพื่อให้ยังดำเนินการต่อไปได้ แต่ก็ถือเป็นการสร้างหลักประกันว่าเมื่อเจ็บป่วยจะสามารถเข้าถึงบริการทางการแพทย์ ซึ่งตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ประเทศไทยที่มีปัญหาความเหลื่อมล้ำจากการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกันของพื้นที่ต่างๆ ได้ทำให้ประชากรหลายล้านคนถูกทิ้งไว้ข้างหลัง
แต่อีกด้านหนึ่ง นโยบายประชานิยมที่สนับสนุนคนระดับฐานรากของทักษิณ ร่วมกับอำนาจทางการเมืองที่เพิ่มสูงขึ้นและข้อกล่าวหาเรื่องการทุจริต ในไม่ช้าก็ทำให้กลุ่มชนชั้นนำไม่พอใจ ปฏิกิริยาตอบโต้นี้มาถึงจุดสุดยอดเมื่อเขาถูกโค่นล้มโดยการทำรัฐประหารในปี 2549 หลังจากนั้นทักษิณได้หนีไปต่างประเทศเพื่อหลีกเลี่ยงโทษจำคุกในข้อหาทุจริต และตลอดหลายปีหลังจากนั้น ประเทศไทยต้องเผชิญกับการชุมนุมประท้วงที่ลุกลามไปสู่การนองเลือดระหว่างกลุ่มที่เป็นคู่ขัดแย้งกันทางการเมือง
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร น้องสาวของทักษิณ ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2554 ก่อนที่จะต้องพบกับการรัฐประหารอีกครั้งในปี 2557 โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (Prayuth Chan-ocha) ผู้บัญชาการทหารบก (ในขณะนั้น) ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ บริหารประเทศอยู่เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ได้ทิ้งเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และเต็มไปด้วยหนี้สินเอาไว้ ก่อนที่จะประกาศวางมือทางการเมืองในปี 2566 หลังจากขั้วการเมืองฝ่ายอนุรักษ์นิยมที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ พ่ายแพ้อย่างยับเยินในการเลือกตั้งปีดังกล่าว
ในปี 2566 เมื่อพรรคเพื่อไทยกลับสู่การเป็นรัฐบาล โดยมี เศรษฐา ทวีสิน เจ้าพ่อวงการอสังหาริมทรัพย์ เป็นนายกรัฐมนตรี เศรษฐามองเห็นความเป็นไปได้ในการพาประเทศไทยกลับไปสู่ยุครุ่งเรืองทางเศรษฐกิจอีกครั้ง ตลอดในช่วงที่ยังดำรงตำแหน่ง เศรษฐาพยายามเสนอให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนระดับโลกในภาคส่วนต่างๆ เช่น คาสิโน เทคโนโลยี การบิน รวมถึงโครงการที่ทะเยอทะยานอย่าง “แลนด์บริดจ์” ในการเชื่อมทะเล 2 ฝั่งทางภาคใต้ของไทยเข้าด้วยกัน เพื่อลดระยะเวลาการขนส่งตู้คอนเทนเนอร์ระหว่างจีนและมหาสมุทรอินเดีย
แต่แผนการเหล่านั้นทั้งหมดถูกระงับไว้ภายใต้รัฐบาลใหม่ ในขณะเดียวกัน คำมั่นสัญญาในการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยที่จะปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มเติมก็ถูกปิดปากเงียบ และยังไม่ชัดเจนว่าโครงการแจกเงินดิจิทัลมูลค่า 10,000 บาท (290 ดอลลาร์สหรัฐ) หรือดิจิทัลวอลเล็ต ที่ล่าช้ามานานจะเริ่มต้นเมื่อใด ท่ามกลางเสียงเรียกร้องผู้มีสิทธิเลือกตั้งรุ่นเยาว์ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นระบบต่ออำนาจที่หยั่งรากลึกและความไม่เท่าเทียมกันของความมั่งคั่งของประเทศไทย
ไม่ว่าจะเป็นเงินช่วยเหลือเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ หรือความโดดเด่นอย่างต่อเนื่องของแบรนด์การเมืองชินวัตรก็ดูเหมือนจะไม่ได้จุดประกายการสนับสนุนอย่างแรงกล้า เหมือนที่เคยทำได้ในกลุ่มคนรุ่นพ่อแม่ของพวกเขามาก่อน ซึ่งหลังจากการรัฐประหารสองครั้ง การเสียชีวิตนับไม่ถ้วนจากความรุนแรงทางการเมือง คำตัดสินของศาล และเวลา 20 ปีที่สูญเสียไปจากlสถานการณ์ที่ไม่มั่นคง ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อให้ตระกูลชินวัตรกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
ผู้นำฝ่ายประชาธิปไตยหลายคนเตือนว่าประเทศไทยดูเหมือนจะกำลังเตรียมรับมือกับช่วงเวลาอันเลวร้ายที่รออยู่ข้างหน้า อาทิ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ผู้ซึ่งเคยเกือบจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตอนนี้กลับมาที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง และไม่มีอะไรเกิดขึ้นเพื่อประชาชนเลย
รายงานของสื่อฮ่องกง ทิ้งท้ายว่า แพทองธารและทักษิณ หวังว่าการดำรงตำแหน่งเป็นเวลา 3 ปีก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไปตามกำหนดในปี 2570 จะเป็นเวลาเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่า สัมผัสทางการเมืองของชินวัตรยังคงทรงพลังและมหัศจรรย์เช่นเคย แต่นั่นไม่ใช่กับคนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล อาทิ เอิร์น (Earn) ชาวไทยวัย 30 ปี ที่กล่าวว่า ตระกูลชินวัตรทำได้ดี คนรุ่นพ่อแม่ของตนอาจจะพอใจ แต่คนในรุ่นตนรู้ดีอยู่แล้วว่าพวกเขาทำเพื่อครอบครัว ไม่ใช่เพื่อประชาชนอย่างพวกเรา
ขอบคุณเรื่องจาก
https://www.scmp.com/week-asia/politics/article/3275669/back-square-one-thailand-confronts-ghosts-its-past-shinawatra-restoration
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี