วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์/ซีเอ็นเอ็น) - นักวิเคราะห์เตือนเดโมแครตอย่าลำพองกระแสมาแรงของ คามาลา แฮร์ริส" แนะให้หาเสียงแบบเป็นรองต่อไปเหมือนเดิม เพื่อป้องกันไม่ให้ฐานเสียงและผู้บริจาคเงินสนับสนุนพรรคชะล่าใจ เตือนยังไม่แน่นอนว่าแฮร์ริส จะชนะเลือกตั้งประธานาธิบดีหรือไม่

ภายหลังรองประธานาธิบดี คามาลา แฮร์ริสของสหรัฐฯ ได้ตอบรับเป็นผู้สมัครประธานาธิบดีพรรคเดโมแครตอย่างเป็นทางการแล้วเมื่อวันพฤหัสบดี (22 ส.ค.) ในการประชุมใหญ่พรรคเดโมแครตในสัปดาห์นี้ ที่ภาพรวมบรรยากาศเป็ยนไปอย่างเข้มแข็งมีชีวิตชีวาเหมือนได้เติมพลังใหม่ หลังจากประธานาธิบดี โจ ไบเดน ยอมถอนตัวจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่จะมีขึ้นในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ และส่งไม้ต่อให้แก่รองประธานาธิบดีแฮร์ริสเมื่อปลายเดือนที่แล้ว

แต่นักวิเคราะห์เตือนว่า ความตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นในที่ประชุมใหญ่เดโมแครตนั้น จะมีอายุสั้น ถ้าหากเดโมแครตพลาดในการต่อยอดกระแสมาแรงของแฮร์ริส ที่เริ่มต้นมาดีตั้งแต่เดือนที่แล้ว โดย เจนนิเฟอร์ ลอว์เลส ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย ชี้ว่า เดโมแครตควรหาเสียงในฐานะแบบเป็นมวยรองต่อไป เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความลำพองใจในหมู่ฐานเสียงของเธอและผู้บริจาคเงินสนับสนุนทางการเมืองของพรรค เช่นเดียวกับที่ตัวแฮร์ริสเองได้ทำมาตลอด เธอมักเรียกตัวเองเสมอว่า เป็น "ไก่รองบ่อน" ในการเลือกตั้งครั้งนี้ หลังจากที่เธอถูกพรรครีพับลิกันโจมตีซ้ำ ๆ เรื่องเชื้อชาติและเรื่องเพศ ลอว์เลสย้ำว่า ความชะล่าใจอาจมีส่วนสำคัญที่ทำให้ ฮิลลารี คลินตัน ต้องพ่ายแพ้ให้แก่โดนัลด์ ทรัมป์ไปในการเลือกตั้งเมื่อปี 2016

ด้าน อัลลัน ลิคท์แมน ศาสตราจารย์ด้านประวัติศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยอเมริกันในวอชิงตัน ผู้ที่สามารถทำนายผลการลงคะแนนของชาวอเมริกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้อย่างแม่นยำมาตลอดตั้งแต่ปี 1984 เป็นต้นมา ลิคท์แมนชี้ว่า เดโมแครตจะชนะได้ด้วยการแสดงธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งรวมถึงการมีนโยบายต่างประเทศที่เข้มแข็ง สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เดโมแครตชนะการเลือกตั้ง คือ ทำให้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงในกาซาและปล่อยตัวประกัน และช่วยยูเครนต่อไปในการเผชิญหน้ากับรัสเซีย

ในช่วงระยะสุดท้ายก่อนถึงวันเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายนนี้ จะมีการดีเบตโต้วาทีประชันวิสัยทัศน์อย่างน้อย 1 ครั้งระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริสในเดือนกันยายน ทางรีพับลิกันหมายมั่นว่า จะทำให้การดีเบตที่จะเกิดขึ้นนี้ เป็นการ "กดปุ่มใหม่" พลิกสถานการณ์ของทรัมป์ หลังถูกกลบจนเกือบมิดจากกระแสมาแรงของแฮร์ริส นับตั้งแต่เธอก้าวขึ้นมาแทนที่ไบเดนเมื่อปลายเดือนก่อน ให้เหมือนกับที่การดีเบตระหว่างทรัมป์กับไบเดนเมื่อเดือนมิถุนายน ได้ส่งผลกระทบหนักต่อเดโมแครตจนต้องกดดันให้ไบเดนถอนตัวออกไป