สิงคโปร์รับมือฝีดาษวานร

สิงคโปร์ – รัฐบาลสิงคโปร์ยกระดับมาตรการป้องกันต่างๆ รวมถึงการวัดอุณหภูมิและการตรวจคัดกรองที่สนามบินหลักสองแห่ง เพื่อป้องกันการนำเข้าเชื้อไวรัสฝีดาษวานร หรือเอ็มพ็อกซ์ จากต่างประเทศ เริ่มตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคมที่ผ่านมา ผู้โดยสารขาเข้าที่สนามบินชางงีและสนามบินเซเลทาร์ รวมทั้งจุดตรวจทางทะเลจะต้องเข้ารับการตรวจสุขภาพ และแจ้งประวัติการเดินทางและอาการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเอ็มพ็อกซ์ในแบบฟอร์มเมื่อมาถึง กระทรวงสาธารณสุขสิงคโปร์ระบุ กำลังตรวจคัดกรองผู้ที่เดินทางเข้าประเทศด้วยเที่ยวบินจากสถานที่ต่างๆที่อาจมีความเสี่ยงการระบาดของโรคฝีดาษวานร โดยผู้เดินทางที่มีไข้ ผื่น หรืออาการอื่นๆ จะถูกส่งตัวไปรับการประเมินทางการแพทย์ มาตรการป้องกันล่วงหน้าของสิงคโปร์ มีขึ้นขณะที่ฝีดาษวานรยังคงระบาดออกนอกแอฟริกาอย่างต่อเนื่องและหลังจากไทยและฟิลิปปินส์ รายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกในสัปดาห์ที่แล้ว แม้ว่าสิงคโปร์ไม่มีเที่ยวบินตรงจากประเทศในทวีปแอฟริกา ที่ประสบกับปัญหาการระบาดของเอ็มพ็อกซ์ แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อก็มีความวิตกกังวลว่า ไวรัสเอ็มพ็อกซ์จะมาถึงสิงคโปร์ในเวลาใดเวลาหนึ่ง

เกาหลีใต้มีเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้น

โซล - สำนักสถิติแห่งชาติเกาหลีใต้ระบุว่า ไตรมาสเดือนเมษายน-มิถุนายนที่ผ่านมา มีทารกเกิดใหม่ในประเทศทั้งหมด 56,838 คน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.2 จากไตรมาสเดียวกันของปี 2566 หลังจากเกาหลีใต้มีอัตราเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้นครั้งหลังสุดในไตรมาส 4 ของปี 2558 หรือเมื่อกว่า 8 ปีก่อน ครั้งนั้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.6 ไตรมาส 2ของปีนี้เกาหลีใต้มีอัตราเด็กเกิดใหม่เพิ่มขึ้นตามตัวเลขของเดือนเมษายนที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.8 ต่อปี และเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.7 ต่อปี สอดคล้องกับที่มีการแต่งงานเพิ่มขึ้นในช่วงผ่านพ้นโรคโควิด-19 ระบาด แม้ว่าเดือนมิถุนายนมีเด็กเกิดใหม่ลดร้อยละ 1.8 ต่อปีก็ตาม อย่างไรก็ดี อัตราการเจริญพันธุ์ ซึ่งเป็นจำนวนเด็กเกิดโดยเฉลี่ยต่อผู้หญิง 1 คน ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยอยู่ที่ 0.71 ต่ำกว่า 2.1ซึ่งเป็นอัตราเจริญพันธุ์ที่จำเป็นต่อการคงจำนวนประชากรให้มีเสถียรภาพโดยไม่มีการอพยพ เกาหลีใต้กำลังเผชิญปัญหาประชากรลดลง เพราะคนวัยหนุ่มสาวเลือกที่จะเลื่อน หรือชะลอการแต่งงาน หรือการมีบุตร ตามสภาพสังคมและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป หลายคนชี้ว่า เป็นเพราะที่อยู่อาศัยมีราคาแพงและหางานทำยาก