วอชิงตัน (เอพี/รอยเตอร์ส/ซีเอ็นเอ็น) - โดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐประกาศผ่านสื่อสังคมออนไลน์ว่า จะไม่เข้าร่วมการโต้วาทีแสดงวิสัยทัศน์หรือดีเบต กับคามาลา แฮร์ริส คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตอีก

อดีตประธานาธิบดีทรัมป์โพสต์ในบัญชีทรูธโซเชียล (Truth Social) ของเขาว่า เมื่อนักชกล่าเงินรางวัลพ่ายแพ้คำแรกที่ออกจากปาก คือ ต้องการชกล้างตา ผลสำรวจชี้ชัดว่า เขาชนะการดีเบตกับแฮร์ริสที่เป็นผู้สมัครฝ่ายซ้ายจัดของพรรคเดโมแครตในการดีเบตเมื่อคืนวันอังคาร ส่วนเธอขอให้มีการดีเบตครั้งที่ 2ทันที เธอและโจ ไบเดน ที่หลอกลวงทำลายประเทศ ปล่อยให้อาชญากรและผู้มีปัญหาทางจิตหลายล้านคนหลั่งไหลเข้าสหรัฐฯโดยไร้การตรวจสอบ และปล่อยให้เงินเฟ้อทำให้ชนชั้นกลางล้มละลาย เขาได้พูดเรื่องเหล่านี้อย่างละเอียดไปแล้วในการดีเบตครั้งแรกกับไบเดน และครั้งที่ 2 กับแฮร์ริส จากนั้นทรัมป์ได้โพสต์เป็นอักษรตัวใหญ่ทั้งหมดว่า คามาลาควรสนใจเรื่องที่ควรทำแต่ไม่ได้ทำในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา และจะไม่มีการดีเบต ครั้งที่ 3

การประกาศดังกล่าวเท่ากับว่า ทรัมป์และแฮร์ริสได้เผชิญหน้ากันครั้งแรกและครั้งเดียวในการดีเบตที่รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อค่ำวันที่ 10 กันยายนตามเวลาสหรัฐ ตรงกับเช้าวันที่ 11 กันยายนตามเวลาไทย ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พฤศจิกายน โดยทันทีที่เสร็จสิ้นการดีเบต ทีมงานหาเสียงของรองประธานาธิบดีแฮร์ริสได้ท้าทายให้ทรัมป์ขึ้นเวทีดีเบตอีกครั้ง ครั้งนั้นทรัมป์ตอบเพียงว่า อาจจะดีเบตอีกครั้งหากจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ที่มีความเป็นธรรม ขณะที่ทรัมป์และผู้สนับสนุนในพรรครีพับลิกันกล่าวหา เดวิด เมียร์ และลินซีย์ เดวิส สองผู้ดำเนินการดีเบตของสถานีโทรทัศน์เอบีซีนิวส์ ว่า มีอคติต่อเขา จากการที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงในขณะดีเบต

ส่วน Nielsen รายงานว่า มีผู้ชมการดีเบตระหว่างทรัมป์กับแฮร์ริสเมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา มากถึง 67.1 ล้านคน และผลสำรวจความนิยมล่าสุดหลังการดีเบต จัดทำโดยรอยเตอร์ส/อิปซอส เพิ่งเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 12 ก.ย. พบว่า แฮร์ริสมีคะแนนนำทรัมป์ร้อยละ 47 ต่อ
42 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากก่อนหน้าการดีเบตโดยผู้มีสิทธิ์ออกเสียงจำนวนมากในผลสำรวจของรอยเตอร์สล่าสุด คิดว่าแฮร์ริสเป็นฝ่ายชนะ นักวิเคราะห์ชี้ว่า แฮร์ริสได้รับความนิยมสูงขึ้นหลังการดีเบตในผลสำรวจล่าสุดของรอยเตอร์ส แต่ทว่า ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงยังคงเห็นว่า ทรัมป์ยังเหนือกว่าแฮร์ริสในประเด็นด้านเศรษฐกิจ