17 กันยายน 2567 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า 'ทินาเช ฟาราโว' โฆษกสำนักงานอุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่าของซิมบับเว กล่าวว่า ประชากรเกือบครึ่งหนึ่งของประเทศกำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่จะอดอาหารอย่างรุนแรง เราตั้งเป้าที่จะสังหารช้าง 200 ตัว  เพื่อเอาเนื้อไปแจกจ่ายให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งกินเป็นอาหาร

การเคลื่อนไหวในเรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านี้ประเทศนามิเบียตัดสินใจสังหารช้างและสัตว์ป่าเพื่อบรรเทาปัญหาขาดแคลนอาหารที่เกิดจากภัยแล้งที่ยาวนาน ในประเทศนามิเบีย สัตว์ป่า 700 ตัว รวมทั้งช้าง ได้รับการอนุมัติให้ฆ่าเมื่อเดือนที่แล้ว และเนื้อของสัตว์เหล่านี้จะนำไปแจกจ่ายให้กับผู้คนที่ประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร

 'ทินาเช ฟาราโว' กล่าวต่ออีกว่า การฆ่าช้างของซิมบับเว ถือครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2531 และจะเกิดขึ้นในเขตฮวางเง, มบีเร ,โชโลโช ,และชิเรดซี โดยการฆ่าช้างครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการลดความแออัดของช้างภายในอุทยาน ซึ่งสามารถรองรับช้างได้เพียง 55,000 ตัว แต่ปัจจุบันซิมบับเวมีช้างอาศัยอยู่กว่า 84,000 ตัว ซึ่งประชากรช้างของซิมบับเวมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองเพียงในบอตสวานาเท่านั้น

ขณะเดียวกันภัยแล้งที่รุนแรงที่กำลังเกิดขึ้น ทำให้ความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นด้วย เนื่องจากทรัพยากรต่างๆ เริ่มขาดแคลน โดยปีที่แล้วซิมบับเวมีประชาชนถูกช้างทำร้ายและเสียชีวิตถึง 50 คน

ด้านรัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมซิมบับเว 'ซิธเมบิโซ นโยนี' กล่าวต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ซิมบับเวมีช้างมากกว่าที่เราต้องการ และมีช้างมากกว่าที่ป่าจะรองรับได้ การที่ช้างมีจำนวนมากเกินไปทำให้ขาดแคลนทรัพยากรสำหรับการดำรงชีพของพวกมัน ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนกับสัตว์ป่าในประเทศอีกด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก : CNN

ขอบคุณภาพ :  AP