เฮอริเคนมิลตันเคลื่อนตัวผ่านฟลอริดา

แทมปา-ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯ เผยว่า เฮอริเคนมิลตันขึ้นฝั่งใกล้เกาะเซียสตา คีย์(Siesta Key) ในคืนวันพุธเวลาประมาณ 20.30 น. ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 07.30 น. เช้าวันพฤหัสบดีตามเวลาในประเทศไทย ในสถานะพายุที่มีความรุนแรงระดับ 3 ความเร็วลมสูงสุด 195 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อมาความเร็วลมลดลงเหลือ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้กลายเป็นพายุที่มีความรุนแรงระดับ 2 แต่ก็ยังถือว่าเป็นพายุที่มีอันตราย จากนั้นเคลื่อนตัวผ่านพื้นที่ตอนกลางของรัฐฟลอริดา หลังจากขึ้นฝั่งด้านตะวันตกของรัฐเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ ทำให้เกิดพายุทอร์นาโดหลายลูก ทำลายบ้านเรือนประชาชนและทำให้เกิดไฟฟ้าดับกระทบประชาชนเกือบ2 ล้านคน รัฐฟลอริดาประกาศเตือนน้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ แทมปา เบย์ ซึ่งรวมถึงเมืองแทมปา เซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก และเคลียร์วอเตอร์ ผู้ว่าการรัฐฟลอริดา กล่าวว่าเฮอริเคนมิลตันทำให้เกิดทอร์นาโดอย่างน้อย19 ลูก บ้านเรือนพังประมาณ 125 หลัง ส่วนใหญ่เป็นบ้านสำเร็จรูป เจ้าหน้าที่คาดหมายว่า พายุจะข้ามผ่านรัฐฟลอริดาในคืนวันพฤหัสบดีและเข้าสู่มหาสมุทรแอตแลนติก

อดีตประธานทาทากรุ๊ปถึงแก่กรรม

มุมไบ - ทาทากรุ๊ป ซึ่งเป็นกลุ่มบริษัทใหญ่ที่สุดของอินเดียแจ้งเมื่อคืนวันพุธที่ 9 ต.ค. ว่าราตัน ทาทา อดีตประธานของบริษัทถึงแก่กรรมแล้วขณะอายุ 86 ปี พร้อมกับออกแถลงการณ์ยกย่องราตัน ทาทา ว่าเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่ ที่เปลี่ยนแปลงทาทากรุ๊ปให้กลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจทางธุรกิจของโลก โดยเมื่อวันที่ 10 ต.ค. ศพของเขาถูกนำกลับมายังบัานพักในนครมุมไบ เพื่อให้สมาชิกครอบครัวและประชาชนทั่วไปเข้าเคารพศพและไว้อาลัยเป็นครั้งสุดท้าย ราตัน ทาทา ดำรงตำแหน่งประธานทาทากรุ๊ป นานกว่า 20 ปี โดยรับตำแหน่งต่อจากเจ อาร์ ดี ทาทา ผู้เป็นลุงในปี 2534 ซึ่งเป็นช่วงที่อินเดียเริ่มการปฏิรูปครั้งใหญ่ที่ทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจประเทศและนำมาซึ่งยุคของการเติบโตสูง เขาขยายธุรกิจในประเทศ ตั้งบริษัทด้านโทรคมนาคมในปี 2539 บริษัทด้านเทคโนโลยีในปี 2547 และเริ่มซื้อกิจการต่างประเทศด้วยการซื้อเท็ตลีย์ (Tetley) บริษัทชาอังกฤษในปี 2543 คอรัส (Corus) บริษัทเหล็กอังกฤษ-เนเธอร์แลนด์ในปี 2550 บริษัทรถหรูจากัวร์และแลนด์โรเวอร์ในปี 2551 อีกทั้งยังเป็นผู้ริเริ่มโครงการรถยนต์ราคาถูกที่ออกแบบและผลิตเองในอินเดีย โดยปัจจุบัน ทาทากรุ๊ป เป็นหนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่สุดของอินเดีย ทำรายได้ในแต่ละปีเกินกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์