สื่อฮ่องกงจับตาคดี‘ดิไอคอน’ เหยื่อหวังพลิกชีวิตจากโควิดสู่หมดตัว ชี้คนดังร่วมโปรโมตทำสังคมไม่ตั้งคำถาม
16 ต.ค. 2567 นสพ.South China Morning Post ของฮ่องกง เสนอรายงานพิเศษ Thailand’s iCon scandal shows enduring popularity of get-rich-quick schemes ว่าด้วยคดี ‘ดิไอคอน (The iCon Group)’ บริษัทชักชวนลงทุนขายตรงในประเทศไทย ซึ่งกำลังมีผู้เสียหายจำนวนมากเข้าแจ้งความ และเชื่อมโยงไปยังบุคคลที่มีชื่อเสียงในหลายแวดวงที่เข้ามาร่วมงานในลักษณะต่างๆ โดยข้อมูลจากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางของไทย (CIB) พบว่า มูลค่าความเสียหายสูงถึง 8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 270 ล้านบาท จาก 740 กรณีที่มีการร้องเรียน
บ.ดิไอคอน ซึ่งอ้างว่ามีรายได้มากกว่า 300 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1 หมื่นล้านบาท เปิดตัวเมื่อ 6 ปีก่อน โดย วรัตน์พล วรัทย์วรกุล (Waratpol Waratworakul) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ‘บอสพอล (Boss Paul)’ สามารถดึงดูดผู้คนมาเข้าร่วมเป็นเครือข่ายได้มากถึง 4 แสนคน ด้วยกลยุทธ์บอกเล่าเรื่องราวว่าด้วย ‘การพลิกชีวิตจากความยากจนสู่ความร่ำรวย (rags-to-riches)’ โดยผู้เข้าร่วมคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จผ่านการขายผลิตภัณฑ์เสริมความงามและอาหารเสริมผ่านโครงการการตลาดแบบหลายชั้น (multilevel marketing : MLM)
แต่สมาชิกที่มีความหวังจำนวนมากเหล่านี้อ้างว่า พวกเขาถูกหลอกให้ซื้อหลักสูตรการขายและเปิดบัญชีเครดิตสูงถึง 250,000 บาท (7,500 เหรียญสหรัฐ) เพื่อซื้อสินค้าเพิ่มเติม เพื่อต้องการไต่อันดับในบริษัทและเป็นหัวหน้าทีมขายของตนเอง โดยทีมทนายความที่เข้ามาทำคดีให้เหยื่อเหล่านี้ ระบุว่า เมื่อมีผู้สมัครใหม่เข้าร่วม พวกเขาจึงขยายเครือข่าย สร้างเครือข่ายที่กว้างขวางของผู้เข้าร่วมจำนวนระหว่าง 3-4 แสนคน อย่างไรก็ตาม เมื่อผลิตภัณฑ์ไม่เป็นรูปเป็นร่างหรือขายไม่ออก สมาชิกจำนวนนับไม่ถ้วนต้องสูญเสียเงินออมไป
ในวันที่ 15 ต.ค. 2567 บอสพอลให้สัมภาษณ์กับสื่อของไทย ร้องไห้ไปพลางยืนยันอย่างหนักแน่นว่าพร้อมชดใช้ค่าเสียหายให้กับเหยื่ออย่างถึงที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังได้พูดคุยกับภรรยาม่ายของชายคนหนึ่งที่ฆ่าตัวตายเนื่องจากหนี้สินที่เกิดขึ้นหลังจากสมัครเป็นสมาชิก บ.ดิไอคอน ขณะที่เว็บไซต์ของบริษัทยังคงเปิดใช้งานอยู่จนถึงช่วงเย็นวันดังกล่าว โดยขายอาหารเสริม โปรตีนเวย์ กาแฟที่มีฤทธิ์ทางโภชนาการพิเศษ และยาสีฟันในราคา 299-599 บาทต่อหน่วย พร้อมกับคำขวัญที่ว่า ‘ยิ่งซื้อมาก ยิ่งมีรายได้มาก’
ย้อนไปเมื่อเดือน พ.ค. 2567 โฆษณาของ บ.ดิไอคอน เผยให้เห็นภาพของบอสพอล ยืนอยู่หลังซูเปอร์คาร์หลายคัน พร้อมคำสัญญาว่าจะทำให้ผู้ที่เข้าร่วมกับดิไอคอนนั้นร่ำรวย โดยอ้างว่าบริษัททำยอดขายได้ 11,000 ล้านบาท (330 ล้านเหรียญสหรัฐ) ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา การสืบสวนของตำรวจยังคงดำเนินต่อไป โดยยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดๆ ในคดีที่สังคมไทยกำลังจับตามอง เนื่องจากหลายคนแสวงหาช่องทางรายได้ใหม่ๆ ในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 อันเป็นช่วงที่ บ.ดิไอคอน เริ่มเติบโต
รายงานของสื่อฮ่องกง กล่าวต่อไปว่า บ.ดิไอคอน ดึงบุคคลที่มีชื่อเสียงเข้ามาร่วมโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อดึงดูดผู้คนที่ไม่ตั้งคำถาม ยิ่งมีคนดังเข้ามาก็ยิ่งทำให้บริษัทน่าสนใจมากเป็นพิเศษ อาทิ กันต์ กันตถาวร (Kan Kantathavorn) พิธีกรรายการโทรทัศน์ , ยุรนันท์ ภมรมนตรี (Yuranunt Pamornmontri) นักแสดงรุ่นใหญ่ แม้ว่าบางคนจะแยกตัวจากเหตุการณ์ดังกล่าว โดยบอกว่าได้รับการว่าจ้างเพียงเพื่อโปรโมตสินค้าเท่านั้น และไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับปัญหาทางการเงินที่กำลังเกิดขึ้นทั่วประเทศ รวมไปถึงพระภิกษุสงฆ์อาวุโสบางรูปที่ถูกเชิญไปเทศน์ ก็ยืนยันว่าไม่เกี่ยวข้องเช่นกัน
สฤณี อาชวานันทกุล (Sarinee Achavanuntakul) ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจผู้บริโภคและนักวิจารณ์สังคม ให้ความเห็นว่า สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 เป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากมากสำหรับคนไทยหลายคน ดังนั้นพวกเขาจึงหันไปขายของออนไลน์เพื่อหาเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งรายได้ทางเลือกอีกด้วย ขณะที่ ‘คนวัยเกษียณ (retirees)’ คือเหยื่อชั้นดี เนื่องจากในบริบทสังคมไทยยังมี ‘เครือข่ายเครือญาติสนิทมิตรสหาย (close kinship networks)’ ที่ใกล้ชิด จึงเป็นสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อรูปแบบธุรกิจประเภทนี้
‘ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ผลักดัน แต่เป็นเพื่อนร่วมงาน เพื่อนสมัยเรียน … ความคุ้นเคยแบบนั้นเป็นสาเหตุที่ผู้คนไม่ระวังตัว’ สฤณี กล่าว
รายงานข่าวทิ้งท้ายด้วยคำถามจากบรรดาทนายความของเหยื่อ ว่า ทำไมกรรมการและผู้ก่อตั้งบริษัทจึงยังไม่ทราบถึงสิ่งที่ดูเหมือนเป็นการฉ้อโกงในระดับอุตสาหกรรม แต่เมื่อมีผู้ต้องสงสัยเพิ่มขึ้น ก็คาดว่าจะมีการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยาวนาน
ขอบคุณเรื่องจาก www.scmp.com
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี